2021 BMW M Performance Edition Series 3 รุ่นพิเศษ แต่งหล่อเข้มบาดลึก เริ่ม 2.999 ล้านบาท

  • โดย : Autodeft
  • 16 มี.ค. 64 00:00
  • 9,466 อ่าน

นอกจากจะแนะนำสปอร์ตคูเป้ตัวแรง The All New BMW M4 Competition Coupé แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู ยังแนะนำ 3 รุ่นพิเศษ เสริมทัพยนตรกรรมใหม่ด้วยความเร้าใจจากตัวอักษรที่ทรงพลังที่สุด พร้อมเผยตัวจริงแล้วที่งาน Bangkok International Motor Show 2021

BMW M Performance Edition

เริ่มที่ BMW 330e M Sport M Performance Edition ไม่เพียงเป็นยนตรกรรมที่สื่อถึงวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังผสานความหลงใหลในความเร้าใจจากสนามแข่งไว้ได้อย่างลงตัวด้วยชุดแต่ง M Performance ด้านหน้าตัวรถประกาศถึงเอกลักษณ์ที่เหนือระดับด้วยกระจังหน้า Iconic Glow ที่เปล่งแสงสว่างตั้งแต่ปลดล็อกรถไปจนถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ และตั้งแต่ดับเครื่องไปจนล็อกรถ สร้างประสบการณ์เฉพาะตัวในการขึ้นรถและลงรถด้วย ไฟ LED โปรเจคเตอร์ฉายโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูติดบริเวณประตูรถ เสริมความสปอร์ตด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ได้แก่ ฝาครอบกระจกข้าง สปอยเลอร์หลัง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ร่วมกับลิ้นกันชนหน้าซ้ายและขวา เน้นย้ำถึงความหรูหราเหนือระดับควบคู่ไปกับการขับขี่สไตล์สปอร์ต มาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-spoke พร้อมยาง Runflat ขนาด 225/40 R19 สำหรับล้อหน้า และขนาด 255/35 R19 สำหรับล้อหลัง

BMW M Performance Edition

BMW M Performance Edition

พร้อมเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาว ส่งเสริมรูปลักษณ์ความสง่าแบบรถสปอร์ตให้โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยกรอบหน้าต่างที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยความสะดวกสะบายและความหรูหราในห้องโดยสาร ที่ประกอบด้วยพวงมาลัยหนังแท้ M กาบบันไดและชุดแป้นวางเท้า เพดานหลังคาภายในสี Anthracite

BMW M Performance Edition

ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วย XtraBoost ฟังก์ชั่นใหม่ที่จะเผยสมรรถนะสูงสุดของรถยนต์ออกมา ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุด 292 แรงม้า และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้น การทำงานของ XtraBoost และปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ต่อเนื่องไปจนถึงความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. ในโหมดการขับขี่แบบ HYBRID สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม. ยังได้ปรับปรุงอัตราการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าปลอดมลพิษให้มากกว่ารุ่นก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ ในระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 55-68 กิโลเมตร และระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยินจะถูกเปิดใช้ในขณะขับขี่ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก

BMW M Performance Edition

การออกแบบสไตล์ M Sport ยังเสริมเพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยช่วงล่าง Adaptive M มาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic และคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport โดยมีจำนวนจำกัดเพียง 15 คัน ในราคา 2,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

BMW M Performance Edition

BMW M Performance Edition

มาต่อกันที่ BMW X3 xDrive20d M Sport M Performance Edition อีกหนึ่งรุ่นใหม่ที่มาร่วมทัพยนตรกรรมเร้าใจสไตล์รถแข่งครั้งนี้ เสริมความสปอร์ตเต็มพิกัดยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Performance โดยมาพร้อมล้ออัลลอย M Performance ขนาด 21 นิ้ว ลาย Y-spoke พร้อมยาง Runflat ขนาด 245/40 R21 สำหรับล้อหน้า และขนาด 275/35 R21 สำหรับล้อหลังโดดเด่นด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ได้แก่ ฝาครอบกระจกข้าง และกาบบันไดพร้อมไฟส่องสว่าง สอดรับกับสปอยเลอร์หลังสีดำเงา เสริมความพิเศษสะดุดตาด้วย สติกเกอร์แต่งรถ M Performance บนกันชนหน้าและสติกเกอร์แต่งรถ BMW M แบบ tri-color ทั้ง 2 ข้างของตัวถัง ตอกย้ำถึงเอกลักษณ์ความสปอร์ตกว่าที่เคย

BMW M Performance Edition

BMW M Performance Edition

BMW M Performance Edition

นอกจากชุดแต่ง M Performance แล้วยังมาพร้อมชุดตกแต่ง M Sport รอบคัน ประกอบด้วย ชุดแต่ง M Aerodynamics และขอบหน้าต่างและราวหลังคาสีดำเงา ภายในรถตกแต่งด้วย Aluminium Rhombicle trim finishers ตัดกับ Pearl Chrome พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ เสริมด้วยพรมปูรองพื้น M Performance และยังเสริมความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และกล้องมองหลัง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและแม่นยำในทุกเส้นทาง และออพชั่นเดิมทั้ง ปุ่มควบคุม iDrive และสั่งงานด้วยระบบสัมผัส จอแสดงผลภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานอัจฉริยะ BMW Gesture Control ที่สามารถควบคุมระบบนำทางและระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ และการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานโดยใช้ภาษาพูดในชีวิตประจำวันแทนที่การใช้ชุดคำสั่งที่กำหนดมา นอกจากนี้ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังสามารถเพลิดเพลินกับระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เพื่อการเดินทางที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น

BMW M Performance Edition

BMW M Performance Edition

มาพร้อมช่วงล่าง M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 8 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลือง น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ยที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร ขณะที่ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง (Performance Control) ช่วยยกระดับการควบคุมพลังลงสู่แต่ละล้อให้เฉียบคมและมั่นคงยิ่งขึ้น ในราคา 3,859,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

BMW M Performance Edition

ปิดท้ายด้วย BMW X4 xDrive20d M Sport X M Performance Edition เน้นความสปอร์ต ให้เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Performance เสริมลุคด้วยฝาครอบกระจกข้างและกาบบันไดคาร์บอนไฟเบอร์ ครีบหางมาในสีดำเงา โฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอย M Performance ขนาด 21 นิ้ว ลาย Y-spoke พร้อมยาง Runflat ขนาด 245/40 R21 สำหรับล้อหน้า และขนาด 275/35 R21 สำหรับล้อหลัง โดดเด่นด้วยกลิ่นอายรถแข่งด้วยสติกเกอร์แต่งรถ BMW M แบบ tri-color ทั้งสองข้างของตัวรถ

BMW M Performance Edition

BMW M Performance Edition

นอกจากชุดแต่ง M Performance แล้ว ยังโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Sport X ที่หลอมรวมกลิ่นอายความสปอร์ตและสมรรถนะออฟโรดเข้าไว้ได้อย่างลงตัว สร้างความสะดุดตาด้วยสเกิร์ตและซุ้มล้อสี Frozen Grey ไฟหน้า Adaptive LED พร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) หลังคาลาดต่ำสไตล์คูเป้โดดเด่นด้วยกระจกพาโนรามาที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ดีไซน์ภายนอกพิเศษยิ่งขึ้นด้วยองค์ประกอบสี Frozen Grey ตัดกันอย่างลงตัวกับวัสดุสีดำเงา BMW Individual high-gloss Shadow Line ภายในห้องโดยสารยังคงผสานภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่งเข้ากับความหรูหราสง่างามไว้ได้อย่างลงตัว มาพร้อมพรมปูรองพื้น M Performance เบาะที่นั่งแบบสปอร์ตหนังแท้ Vernasca พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ แผงคอนโซลหุ้มหนัง Sensatec ตกแต่งภายในด้วย Aluminium Rhombicle Dark พร้อมแถบโครเมียม มอบความหรูหราด้วยชุุดไฟ Ambient Light สะดวกสบายด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน

BMW M Performance Edition

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความบันเทิงและการสื่อสารต่าง ๆ อีกมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ โดยทั้งหมดควบคุมด้วยระบบ ปฏิบัติการล่าสุด BMW Operating System 7.0 และครบครันด้วยคุณสมบัติมากมาย ทั้งระบบ BMW Live Cockpit Professional เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด BMW ConnectedDrive ระบบ iDrive ระบบการสั่งการด้วยเสียงและ BMW Gesture Control จอแสดงผลการขับขี่ขนาด 12 นิ้ว หน้าจอ Control Display ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ (BMW Head-up Display) และพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุถึง 525 – 1,430 ลิตร

แรงและประหยัดด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มอบพละกำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 8 วินาที ก่อนทะยานสู่ความเร็วสูงสุดที่ 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้สมรรถนะที่คล่องตัวในทุกสภาพท้องถนนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ

BMW M Performance Edition

เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมการขับขี่ล้ำสมัยอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อเสริมสมรรถนะทั้งออนโรดและออฟโรด ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (Active Cruise Control with Stop&Go) ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบควบคุมการขับขี่่ขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) ระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) รวมทั้งระบบความปลอดภัยอีกมากมาย เช่น เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่่อยล้าขณะขับขี่่ (Attentiveness Assistant) และเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง โดยมีราคาจำหน่าย: 4,199,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ