2021 MINI Hatch 3 Door & MINI Convertible LCI ปรับโฉมใหม่เผยอีกขั้นของดีไซน์มินิพันธุ์แท้ เริ่ม 2.29 ล้านบาท

  • โดย : Autodeft
  • 22 มิ.ย. 64
  • 5,126 อ่าน

มินิ ประเทศไทย เฉลิมฉลองเอกลักษณ์งานออกแบบยนตรกรรมในสไตล์อังกฤษ กับการเปิดตัวรถยนต์ มินิ แฮทช์ 3 ประตู และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล รุ่นปรับโฉมใหม่ อวดดีไซน์การออกแบบภายนอกที่สะท้อนตัวตนความเป็นมินิอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมยกเครื่องการออกแบบภายในห้องโดยสารที่เสริมความพรีเมียมให้เหนือชั้นยิ่งกว่า พร้อมอุปกรณ์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีตัวถังใหม่ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา วัสดุบุพื้นผิวและเบาะภายในห

MINI

ปลุกพลังแห่ง มินิ พันธุ์แท้ ด้วยดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่ออกแบบใหม่สื่อถึงแก่นแท้อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิยิ่งกว่าที่เคย ด้วยองค์ประกอบด้านการดีไซน์ที่เป็นหัวใจสำคัญของมินิ ซึ่งเรียบง่ายกว่าเดิมแต่โดดเด่นและล้ำสมัยยิ่งขึ้น ด้านหน้าของ MINI Hatch 3 ประตู ซึ่งรวมไปถึง MINI Cooper SE และ MINI Convertible มาพร้อมเส้นสายการดีไซน์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า จากกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ในกรอบทรงหกเหลี่ยมสีดำมาในขนาดที่ใหญ่ขึ้น ขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ และแทนที่ไฟหรี่ด้วยช่องดักอากาศแนวตั้งทั้งสองข้างของกันชนที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ส่วนชิ้นส่วนกลางของกันชนซึ่งเป็นตำแหน่งติดตั้งป้ายทะเบียน มาในสีเดียวกับตัวรถ ต่างจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งเป็นสีดำรวมถึงส่วนหน้าและท้ายรถที่สั้นคล่องตัว ยังคงสร้างความเฉพาะตัวสไตล์มินิให้เด่นชัดแม้มองจากด้านข้าง รูปทรงซุ้มล้อใหม่สะดุดตายิ่งขึ้น กรอบไฟเลี้ยวด้านข้างมาในดีไซน์ใหม่พร้อมไฟเลี้ยว LED เส้นสายการออกแบบที่เรียบง่ายยิ่งขึ้นยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ใหม่ในส่วนท้ายของรถยนต์มินิรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ชิ้นส่วนสีดำสอดรับกับกรอบกระจังหน้า ไฟตัดหมอกท้าย LED ทรงเรียวยาวฝังเป็นส่วนหนึ่งของกันชนหลัง

MINI

MINI

MINI

MINI Cooper SE มาในลุคเท่กว่าเคยด้วยตัวถัง สีใหม่ MINI Yours Enigmatic Black metallic สร้างความประทับใจโฉมใหม่ให้แก่การขับขี่แบบไร้มลพิษ ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสไตล์ Piano Black ที่มีให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริมในรุ่น MINI Cooper SE และ MINI John Cooper Works ครอบคลุมมือจับประตู กรอบไฟเลี้ยว ฝาถังน้ำมัน โลโก้มินิบนกระโปรงหน้า ฝากระโปรงท้าย ตัวอักษรบ่งบอกรุ่น และท่อไอเสีย ซึ่งล้วนมาใน สีดำเงา รับกับกรอบไฟหน้า กระจังหน้า และ ไฟท้าย ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Pulse Spoke แบบสลับสี (ซ้าย) และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Circuit Spoke สีดำ (ขวา) โฉบเฉี่ยวกว่าเดิมด้วยลายใหม่ มาในขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Runflat 205/40 R18 ลาย Pulse Spoke แบบสลับสี เสริมการดีไซน์ให้โดดเด่นสะกดสายตายิ่งขึ้น ขณะที่ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ มาพร้อมล้อลาย Circuit Spoke สีดำ

MINI

MINI

MINI

ไฟหน้า LED แบบใหม่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ MINI Hatch 3 Door และ MINI Convertible ทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยโคมสีดำแทนโครเมียมแบบในรุ่นก่อนหน้า ทั้งไฟหรี่และไฟสูงส่องสว่างด้วยหลอดไฟ LED ไฟวงแหวน ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างตอนกลางวันและไฟเลี้ยว ระบบไฟแบบ Adaptive LED ในรถยนต์ MINI Cooper S MINI Cooper SE และ MINI John Cooper Works ปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย มาพร้อมระบบไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (Matrix high beam) โดยขณะเข้าโค้ง จะเปิดไฟส่องตามทิศทางของรถอัตโนมัติ พร้อมควบคุมการทำงานของไฟสูงอัตโนมัติตามสภาวะการจราจรขณะขับขี่ที่ความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ระบบไฟหน้า LED จึงแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนทำงานอย่างอิสระ นอกจากนี้ ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (Matrix high beam) ยังช่วยลดการรบกวนสายตาแก่รถยนต์คันอื่น ๆ โดยกล้องหน้าของรถมินิสามารถตรวจจับรถที่ขับสวนมา หรือรถยนต์ด้านหน้าได้ ซึ่งระบบจะปรับไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ ไฟท้ายลายธงยูเนียนแจ็คของรถมินิอันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ MINI Hatch 3 Door และ MINI Convertible ลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ธงชาติอังกฤษนี้มาในโทนสีเข้มยิ่งขึ้น พร้อมระบบไฟ LED ทั้งหมด ยกเว้นเพียงไฟถอยจอด

MINI

ภายในดีไซน์เรียบหรู ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม ห้องโดยสารของ MINI Hatch 3 Door และ MINI Convertible มีความหรูหราทันสมัยยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมแนวตะเข็บในสีเดียวกับลายเบาะแถบสีตกแต่งภายในห้องโดยสาร มาในสีเดียวกับเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน และยังลดการใช้ชิ้นส่วนโครเมียมลงอย่างมาก ช่องแอร์ทรงกลมทั้งสองข้างมาในกรอบสีดำ ขณะที่ช่องแอร์ตรงกลางรถได้รับการออกแบบใหม่ให้กลมกลืนกับพื้นผิวภายใน แผงคอนโซลกลางมาในลุคพรีเมียมยิ่งขึ้น มาพร้อมจอ ระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มรายการโปรดระบบสัมผัส พื้นผิวสีดำเงา Piano Black ปุ่มควบคุมระบบเสียงและปุ่มไฟฉุกเฉิน รวมเป็นหนึ่งเดียวในแผงควบคุมทรงกลม ซึ่งล้อมรอบด้วยวงแหวนไฟ LED รับกับไฟสร้างบรรยากาศสลักลวดลายด้วยเลเซอร์ มอบลุคล้ำสมัยยิ่งขึ้น แป้นเปลี่ยนเกียร์มาในสีดำล้วน มาพร้อมระบบนำทาง พวงมาลัยหนังแท้ดีไซน์สปอร์ตพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น การจัดวางปุ่มต่าง ๆ ได้รับการออกแบบใหม่ให้ควบคุมระบบเสียง การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และระบบการสั่งงานด้วยเสียงได้ง่ายขึ้น

MINI John Copper Works รวมทั้ง MINI Cooper SE และชุดแต่ง MINI Yours มาพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa และแป้นพักนิ้วโป้งขนาดใหญ่ขึ้น หน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบด้านหลังพวงมาลัยเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Connected Media แสดงผลผ่านจอสีแบบดิจิทัลในดีไซน์หน้าจอสีดำ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับ MINI Cooper SE ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่รวมถึงข้อมูลการตรวจสภาพรถและสถานะการชาร์จพลังงานไฟฟ้า

MINI

พร้อมแผงหน้าจอที่เลือกได้สองโทนสี ครอบคลุมบริเวณหน้าจอแสดงผลและหน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล โดยในโหมด “Lounge” ข้อมูลและภาพบนหน้าจอจะปรากฎในโทนสีฟ้า Turquoise ไปจนถึงสีฟ้า Petrol Blue ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่โหมด “Sport” จะให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวายิ่งกว่า ด้วยสีพื้นหลังในโทนสีแดงและสีดำ Anthracite สำหรับรุ่นที่มาพร้อมระบบปรับโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes เฉดสีภายในรถจะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือก เช่น ในโหมด MID และ GREEN หน้าจอสไตล์ “Lounge” จะถูกเรียกใช้งาน เมื่อขับขี่ในโหมด “SPORT” หน้าจอและเฉดสีแบบสปอร์ตก็จะถูกเรียกใช้งานแทน นอกจากนี้ ยังสามารถปรับโทนสีของทุกโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes ผ่านเมนูควบคุมให้เป็นสีเดียวกันทั้งหมดได้อีกด้วย

MINI

ระบบควบคุมไฟในห้องโดยสารยังช่วยให้สีสันบนหน้าจอต่าง ๆ ภายในรถปรับให้เข้ากับไฟในห้องโดยสารได้ โดยมีให้เลือก 6 สีสำหรับแต่ละโหมด ทั้ง “Lounge” และ “Sport” ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ด้วยสวิทช์ที่อยู่ด้านบนกรอบกระจกหน้ารถ ไฟสร้างบรรยากาศในสีที่เลือกจะสว่างขึ้นบริเวณกรอบวงแหวน LED ที่หน้าจอแสดงผล ด้านหลังพื้นผิวต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร ตลอดจนกรอบประตู มือจับประตูด้านคนขับและผู้โดยสาร หลังคา ด้านหน้าแผงคอนโซล รวมถึงที่วางเท้า จึงสามารถปรับแต่งโทนแสงไฟในห้องโดยสารของ MINI Hatch 3 Door และ MINI Convertible ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่แต่ละคน นอกจากนี้ ชุดไฟสร้างบรรยากาศยังส่องสว่างที่มือจับประตูและบริเวณประตูรถฝั่งคนขับและผู้โดยสารอีกด้วย

ระบบปฏิบัติการบนหน้าจอแสดงผล ล้ำสมัยยิ่งกว่าเคย ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ และตัวเลือกการสั่งการและควบคุมฟังก์ชั่นภายในรถยนต์ ระบบเสียง ระบบรับสาย โทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี ระบบนำทาง และการสั่งการแอปต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น หน้าจอแสดงผลแสดงสัญลักษณ์และตัวอักษรสีขาวบนพื้นหลังสีใหม่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้นแถบเมนูปรากฎบนหน้าจอในรูปแบบไลฟ์วิดเจ็ต ซึ่งเรียกสั่งการได้ด้วยการปัดหน้าจอสัมผัส ซึ่งจะแสดงแถบเมนูแบบขยายใหญ่กลางหน้าจอ ส่งให้การแสดงผลบนหน้าจอชัดเจนโดดเด่นกว่าเคย

ด้านฟีเจอร์การเชื่อมต่อ ระบบเสียง และระบบนำทาง ถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันในอีกสามแพ็คเกจอุปกรณ์เสริม โดยแพ็คเกจConnected Media มาพร้อมหน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล, ระบบ MINI Connected, เทคโนโลยี ConnectedDrive และระบบการควบคุมรถยนต์จากระยะไกล แพ็คเกจ Connected Navigation เสริมระบบนำทางของมินิ ซึ่งรวมไปถึงระบบนำทางพร้อมข้อมูลการจราจร Real-Time Traffic Information และระบบ Apple CarPlay ส่วนแพ็คเกจ Connected Navigation Plus เสริมความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้นด้วยระบบ MINI Connected XL, Concierge Services บริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ และระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ พร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

MINI App เจเนอเรชั่นใหม่ ยกระดับการใช้งานให้เชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลได้สะดวกสบายขึ้นอีกขั้น ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์มินิได้ตลอดเวลา เช่น การเรียกดูสถานะรถยนต์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นใหม่นี้ได้จาก Google Play Store และ Apple App Store และฟังก์ชั่นใหม่อีกมากมาย

MINI

ขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo พร้อมมาตรฐานควบคุมมลพิษ Euro 6 ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินทรงแบบ 3 สูบ และ 4 สูบ ส่งพละกำลังโลดแล่นบนท้องถนน มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ผสานมากับท่อไอเสียร่วม พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบฉีดตรง และระบบวาล์วแปรผัน สำหรับรุ่น MINI Cooper ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 136 แรงม้าที่ 4,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1,480-4,200 รอบ/นาที ขณะที่ MINI Cooper S และ MINI Cooper S Convertible มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 192 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที ส่วน MINI John Cooper Works ทรงสมรรถนะขึ้นอีกขั้น มอบพละกำลังรวมสูงสุด 231 แรงม้าที่ 5,200-6,200 รอบ/นาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 1,450-4,800 รอบ/นาที พร้อมเทคโนโลยีควบคุมการปล่อยมลพิษ รวมถึงระบบกรองอนุภาคไอเสียในเครื่องยนต์เบนซิน

เครื่องยนต์สันดาปของ MINI Hatch 3 Door และ MINI Convertible ส่งกำลังพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ ในขณะที่มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทรงพลังขึ้นอีกขั้นด้วยเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด

MINI

NINI Cooper SE มอบการขับขี่ที่ทั้งสนุกเร้าใจและปราศจากมลพิษ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลังรวมสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Stage แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูงซึ่งติดตั้งลึกเข้าไปบริเวณใต้รถจุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง จึงสามารถมอบระยะทางสูงสุดได้ราว 203-234 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

MINI

ราคารถยนต์ MINI LCI รุ่นปรับโฉม โดยราคาดังกล่าวรวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard ดังนี้

- MINI Cooper SE 2,290,000 บาท

MINI Cooper SE (สี MINI Yours Enigmatic Black metallic) 2,320,000 บาท

- MINI Cooper Hatch 3 Door 2,180,000 บาท

- MINI Cooper S Hatch 3 Door 2,880,000 บาท

- MINI Cooper Clubman 2,430,000 บาท

- MINI Cooper S Clubman 3,230,000 บาท

- MINI Cooper S Convertible 3,030,000 บาท

- MINI John Cooper Works Hatch 3 Door 3,418,000 บาท

- MINI John Cooper Works Clubman 3,648,000 บาท

- MINI John Cooper Works Convertible 3,468,000 บาท

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ