All New Nissan Kicks e-Power ครอสโอเวอร์ รักษ์โลก รักประหยัด ด้วยพลังรูปแบบใหม่ เริ่ม 889,000 บาท
- โดย : Autodeft
- 15 พ.ค. 63 00:00
- 10,510 อ่าน
ครั้งแรกของโลกกับยานยนต์ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่พร้อมพลังทางเลือกด้วยระบบไฟฟ้ารูปแบบใหม่ e-Power สำหรับคนเมืองโดยเฉพาะ นั่นคือ All New Nissan Kicks e-Power ที่ให้ความเร้าใจผ่านพละกำลังและอัตราเร่งมอบประสบการณ์การขับขี่ส่วนหนึ่งที่เสมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบและลดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จแบตเตอรี่จากภายนอก
ล่าสุด นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมแล้วที่จะเปิดตัว All New Nissan Kicks e-Power อย่างเต็มรูปแบบโดยผลิตที่เมืองไทยและยังส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น หล่อใหม่ครั้งแรกของโลกกับเวอร์ชั่นรุ่นปรับโฉมหน้าตาใหม่ ตั้งแต่ กระจังหน้าแบบ V-motion พร้อมไฟเลี้ยวแบบบูมเมอแรง LED Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED รวมถึงดีไซน์กันชนหน้า ออกแบบให้สปอร์ตขึ้นรวมถึงไฟตัดหมอกหน้า LED ที่เล็กลง ด้านท้ายอาจคล้ายกับ Nissan X-Trail เจนปัจจุบันพร้อมไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรง ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีทูโทน ขนาด 17 นิ้วพร้อมยางขนาด 205/55 R17 การออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว (floating roof line) ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมที่บังแดด (wrap-around visor) จากกระจกหน้าไปถึงกระจกข้าง เสาหลังคาท้ายถูกซ่อนพรางสายตาด้วยสีดำที่ผสมผสานเข้ากับกระจกประตูท้าย ในขณะที่หลังคาแบบลอยตัวที่ถูกขยายออก ทำให้ดูโดดเด่นสะดุดทุกสายตา
ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์มล่าสุด Nissan’s V-Platform ในร่างครอสโอเวอร์ 5 ประตู ตั้งแต่ความยาว 4,290 มม. ความกว้าง 1,760 มม. ความสูง 1,615 มม. ฐานล้อ 2,615มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม. น้ำหนักรถ 1,350 กก. และความจุถังน้ำมัน 41 ลิตร
ภายในมาพร้อมสีสันใหม่มีสไตล์ ได้รับการออกแบบและการปรับแต่งอย่างประณีต ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้า รวมถึงการออกแบบแผงหน้าปัดด้วยลายเส้นของแนวปีกเครื่องร่อนหรือ Gliding Wing ที่เรียบง่ายและทันสมัย โดดเด่นด้วยจอสี TFTแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 7 นิ้วบนหน้าปัดที่สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ รวมถึงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แสดงมาตรวัดอุณหภูมิภายนอก มาตรวัดความเร็ว ระบบการขับขี่และการควบคุม และระบบข้อมูลและความบันเทิงขณะขับขี่ เครื่องเสียงแบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว Nissan Connect และลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง พร้อมการเชื่อมต่อ AM / FM / Bluetooth / USB / AUX-in รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay (สำหรับระบบ iOS) การเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธบนพวงมาลัย เพื่อการควบคุมที่สะดวกยิ่งขึ้น พวงมาลัยสปอร์ตแบบมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape ปรับสูงต่ำได้ สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key) ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) และกุญแจระบบ Immobilizer เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับระดับเพื่อความเหมาะสมกับขนาดร่างกาย ขณะที่ด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง และกล่องเก็บของด้านหน้า และความสบายจากเบาะนั่ง 5 ที่นั่ง หุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้เลือกได้ทั้งแบบ สีดำ หรือ ทูโทน ดำ-ส้มแทนวัสดุหุ้มคอนโซลหน้าแบบ Soft Touch โดยเฉพาะตอน 2 สามารถพับได้แบบ 40/60 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ และยังสามารถเลือกโทนภายได้ทั้งโทนสีดำ หรือ ทูโทน ดำ-ส้มแทน และระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
ขุมพลังที่ติตั้งในครอสโอเวอร์รุ่นใหม่นี้ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน HR12 DE 1.2 ลิตร 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 103 นิวตันเมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูลพ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM57 AC3 Synchronous Motor โดยให้กำลังสูงถึง 129 แรงม้าที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิด 260 นิวตันเมตรที่ 500-3,008 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed Gear Reduction
โดยเทคโนโลยี e-Power ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) อินเวอร์เตอร์ (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (electic motor) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) เน้นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยเครื่องยนต์สันดาปภายในจะทำหน้าที่เพียงผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับระบบ เมื่อต้องการเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นหรือขับขึ้นที่สูงชัน มอเตอร์ไฟฟ้าจะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์เพื่อเพิ่มพละกำลัง ในขณะชะลอความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ จนกระทั่งรถหยุดนิ่ง ทำให้ไม่มีการสิ้นเปลืองพลังงานจากการลดความเร็ว เพื่อสร้างประสิทธิภาพ สูงสุด และให้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น พร้อมการขับขี่ 4 รูปแบบทั้ง
- Normal mode = การขับขี่ในแบบปกติจะให้อัตราเร่งความเร็ว และการหยุดรถที่ดีเยี่ยม เทียบเท่ากับการหยุดของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป
- S (Smart) mode = เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
- ECO mode = ปรับการทำงาน ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- EV mode ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรีอยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบและอีกขั้นของความประหยัด
ระบบความปลอดภัยตามสไตล์ Nissan Intelligent Mobility ที่ให้มาครบถึง 14 ฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีความปลอดภัยเซฟตี้ ชิลด์ (Safety Shield Technology) เปลี่ยนวิถีการขับขี่และการใช้ชีวิตของผู้คน เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ประกอบด้วย
- วัน-เพดัล (One-Pedal) เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถ เร่ง ลดความเร็ว และหยุดรถเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น ช่วยทำให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอและหยุดเมื่อลงเขาหรือหยุดเมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร
- เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC)
- เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW)
- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)
- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)
- เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)
- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)
- เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror - IRVM)
- เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
- เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC)
- เทคโนโลยีช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Intelligent Ride Control - IRC)
- เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC)
- เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert -DAA)
ขณะที่คุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ ประกอบไปด้วย ABS, EBD และ BA ดิสก์เบรก 4 ล้อ เป็นระบบมาตรฐานในรถยนต์ทุกรุ่น รวมไปถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นมาตรฐานทุกรุ่นพร้อมถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านนิรภัยเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมในแต่ละรุ่น ไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
All New Nissan Kicks e-Power มีสีภายนอกให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีดำ Black Star สีขาว Storm White สีแดงRadiant Red สีเทา Gun Metallic สีเงิน Brilliant Silver และสีส้ม Monarch Orange นอกจากนี้ในรุ่นท็อป VL นำเสนอสีทูโทนด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ โดยเลือก 4 สีภายนอกได้แก่ สีส้ม Monarch Orange สีแดง Radiant Red สีเทา Gun Metallic และสีขาว Storm White พร้อมราคาจำหน่ายดังนี้
- 1.2 S 889,000 บาท
- 1.2 E 949,000 บาท
- 1.2 V 999,000 บาท
- 1.2 VL 1,049,000 บาท
มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มี อายุการใช้งานที่นาน มีความทนทาน และมีสมรรถนะและคุณภาพสูงเป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ ใหม่ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
ชม Gallery All New Nissan Kicks e-Power ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com