All New Nissan Kicks e-POWER คอมแพ็ค เอสยูวี รุ่นแรกในประเทศไทยที่มาพร้อมเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ เริ่ม 889,000 บาท

  • โดย : Autodeft
  • 15 พ.ค. 63
  • 10,095 อ่าน

All New Nissan Kicks e-POWER รถยนต์คอมแพ็ค เอสยูวี มอบประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยวันนี้ และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของภูมิภาคและครั้งแรกของโลก สำหรับ นิสสัน นิสสัน คิกส์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ที่ได้ปฏิวัติระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หลังจากที่ได้ทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก นิสสัน คิกส์ ใหม่ นี้จะผลิตในประเทศไทย เพื่อลูกค้ากลุ่มเอ

Nissan Kicks

ประเทศไทยเป็นประเทศแรกต่อจากประเทศญี่ปุ่นที่ผลิตเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ และยังเป็นหนึ่งในประเทศ แรก ๆ ที่เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ เทคโนโลยี e-POWER จะขับเคลื่อนให้คนไทยพร้อมก้าวสู่ยุคการใช้ในอนาคต ในขณะที่รถยนต์มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่มากขึ้น มอบอัตราเร่ง และสมรรถนะที่โดดเด่น

เทคโนโลยี e-POWER มอบประสบการณ์การขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ รถยนต์จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยเครื่องยนต์สันดาปภายในจะทำหน้าที่เพียงผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับระบบ คือ เมื่อต้องการเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นหรือขับขึ้นที่สูงชัน มอเตอร์ไฟฟ้าจะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์เพื่อเพิ่มพละกำลัง ในขณะชะลอความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ จนกระทั่งรถหยุดนิ่ง ทำให้ไม่มีการสิ้นเปลืองพลังงานจากการลดความเร็ว

Nissan Kicks

ทั้งนี้เทคโนโลยี e-POWER ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทีผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ระบบอี-พาวเวอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 kWh ที่มี 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้ทำให้ มอบอัตราเร่งที่ราบรื่น ให้การขับขี่ที่เงียบ มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ด้วยเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ วัน-เพดัล (One-Pedal) ช่วยให้ผู้ขับขี่ เร่ง ชะลอความเร็ว และเบรกจนรถหยุดนิ่งได้ด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว การใช้คันเร่งเดียวช่วยให้ การรักษาระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้า การชะลอความเร็ว และการหยุดเมื่อลงเขาหรือหยุดเมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร สะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น

Nissan Kicks

Nissan Kicks

พร้อมกับการขับขี่ 4 รูปแบบ คือ แบบปกติ (Normal Mode) แบบเอส หรือสมาร์ทโหมด(Smart Mode) แบบอีโค (Eco Mode) และ แบบอีวี (EV Mode) ซึ่งการขับขี่ในแบบปกติจะให้อัตราเร่งความเร็ว และการหยุดรถที่ดีเยี่ยม (โดยการปล่อยเท้าออกจากคันเร่ง) เทียบเท่ากับการหยุดของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป ในแบบเอส หรือสมาร์ทโหมด รถจะเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและการหยุดรถได้ดีมากยิ่งขึ้น ในแบบอีโค (Eco) รถจะปรับการขับเคลื่อนเพื่อการประหยัดน้ำมัน โดยเน้นใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง นอกจากนี้ยังมีการขับขี่ด้วยอีวี (EV) ที่ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรีอยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบและอีกขั้นของความประหยัด

Nissan Kicks

All New Nissan Kicks e-POWER ผลิตขึ้นในประเทศไทย มอบเทคโนโลยีระดับโลกที่ดีที่สุดของนิสสัน มาพร้อม 14 เทคโนโลยีจาก Nissan Intelligent Mobility ที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน อาทิ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control) เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning) เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning system) เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมด้วยเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection) และเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror) เป็นต้น ขณะที่คุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ประกอบไปด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Force Distribution System) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist) เป็นระบบมาตรฐานในรถยนต์ทุกรุ่น รวมไปถึงถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด

Nissan Kicks

Nissan Kicks

การออกแบบ และ การเชื่อมต่อ ที่โดดเด่นผสมผสานเส้นสายของอารมณ์เข้ากับการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว มาพร้อมการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิสสัน ด้วยรูปแบบที่โดดเด่นทันสมัย อาทิ กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า และไฟท้ายแบบบูมเมอแรง หลังคาแบบลอยตัว (floating roof) พร้อม ที่บังแดด (wrap-around visor) จากกระจกหน้าไปถึงกระจกข้าง เสาหลังคาท้ายถูกซ่อนพรางสายตาด้วยสีดำที่ผสมผสานเข้ากับกระจกประตูท้าย ในขณะที่หลังคาแบบลอยตัวที่ถูกขยายออก ทำให้ดูโดดเด่นสะดุดทุกสายตาภายนอกที่โดดเด่นอื่นๆ ได้แก่ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบบูมเมอแรง LED Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED ไฟหน้า พร้อมระบบ Follow-me-home ไฟท้ายแบบ LED ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ให้ปราดเปรียวกว้างและยาวขึ้น ภายใต้ปรัชญาในการสร้างสรรค์รถยนต์แบบ “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” ของนิสสัน ที่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวาง

ระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect ระบบอินโฟเทนเมนท์ มาพร้อมหน้าจอสีระบบสัมผัสแบบ AIVI ขนาด 8 นิ้ว เพิ่มความทันสมัยด้วยการเชื่อมต่อสาระและความบันเทิง ระบบนำทาง และความปลอดภัย ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว โดยผ่านการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Apple CarPlay (สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS) นอกจากนี้ Nissan Connect ยังแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการของเทคโนโลยีแบบอัจฉริยะ 

Nissan Kicks

All New Nissan Kicks e-POWER มาพร้อม 6 สีภายนอกให้ลูกค้าเลือก ได้แก่ สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White) สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red) สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic) สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) และสีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange) นอกจากนี้ยังนำเสนอสี ทูโทนที่เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้า มอบความรู้สึกหรูหรามากขึ้น ด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ โดดเด่นสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL สำหรับ 4 สีภายนอก สีส้ม โมนาร์ช สีแดง เรเดียนท์ เรด สีเทา กัน เมทาลิค และสีขาว สตอร์ม ไวท์

Nissan Kicks

All New Nissan Kicks e-POWER ทุกรุ่น มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มี อายุการใช้งานที่นาน มีความทนทาน และมีสมรรถนะและคุณภาพสูงเป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ ใหม่ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้ โดยรถยนต์จะเริ่มส่งมอบรถในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 โดยมี สี่รุ่นย่อย พร้อมราคาเริ่มต้นช่วงเปิดตัว ดังนี้:

- 1.2 ลิตร รุ่น S 889,000 บาท

- 1.2 ลิตร รุ่น E 949,000 บาท

- 1.2 ลิตร รุ่น V 999,000 บาท

- 1.2 ลิตร รุ่น VL 1,049,000 บาท

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ