"กฎจราจร” คือกติกาที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกัน เพื่อให้การสัญจรไปมาในท้องถนน สามารถทำได้โดยปลอดภัยและเรียบร้อย และแน่นอนว่า ผุ้ที่ต้องใช้งานท้องถนนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ, ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือแม้กระทั่งเดิน ก็ต้องเคารพกฎจราจรทั้งหมด แต่ก็มีอยุ่บางข้อ ที่หลายคนยังคงเข้าใจผิดว่า สิ่งที่ตัวเองทำหรือคิดนั้นถูกต้องแล้ว ทั้งที่มันผิด (หรืออาจจะถูก) วันนี้เรามาลองยกตัวอย่างกันเสียหน่อย ว่ามีกฎจราจรอะไรบ้างท
ถ้าให้พูดถึงถนนที่ไม่มีการจำกัดความเร็ว หลายคนคงต้องนึกถึงถนนสาย Autobahn ในเยอรมนี ที่ขาซิ่งต้องการลองรถ ต้องวิ่งเอาไปกดเต็มกันที่นั่น แต่ต่อไปอาจจะไม่มีที่นี่ที่เดียว เมื่อทางสภาของรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเพิ่มถนนช่องพิเศษใน 2 เส้น ให้เป็นถนนที่ไม่จำกัดความเร็วด้วยเช่นกัน
เกือบทุกประเทศทั่วโลก ที่มีการใช้เครื่องมือในการตรวจจับความเร็วเพื่อหาคนกระทำความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด แต่ก็มีบางคนที่หัวหมอ ติดตั้งเครื่องกวนสัญญาณเพื่อไม่ให้เครื่องสามารถตรวจจับความเร็วได้ แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นความผิดไปได้ เหมือนชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง
หลังจากเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ทำการเปิดให้ใช้งานใบขับขี่ดิจิตอล เพื่อเพิ่มความสะดวกในการแสดงใบขับขี่ให้กับเจ้าหน้าที่ในการทำการตรวจสอบ แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับบอกว่า ยังไงก็ต้องพกใบขับขี่ตัวจริง ไม่อย่างนั้นจะถูกปรับ
การใช้รถใช้ถนน ที่เป็นทางสาธารณะที่ใช้งานร่วมกับคนอื่นไปพร้อมกัน ย่อมต้องมีกฎ กติกา มารยาทในการใช้งาน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็มีอยู่หลายเรื่องเหมือนกันที่พวกเราใช้รถหรือใช้ถนนด้วยความไม่ถูกต้องกันเป็นเวลานาน จนในที่สุดทุกคนก็คิดว่าเรื่องนี้มันถูกต้องไปแล้ว เรามาดูกันเป็นตัวอย่างสักหน่อยดีกว่าครับว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง
เวลาที่เราขับรถในช่วงรถติด แล้วอยู่บนถนนเลนสวน เรามักจะเจอนักขับรถที่ไร้วินัยกันอยู่เสมอ ประเภทที่ชอบขับรถสวนเลนออกไป ไม่ยอมอดทนต่อคิวชาวบ้าน แล้วค่อยไปแทรกเอาด้านหน้าเดือดร้อนคนอื่น เชื่อว่าหลายคนคงอยากมีวิธีแก้เผ็ดคนแบบนี้กันบ้าง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง ขับรถไปตามปกติบนถนน แต่ด้วยความซวยมาเยือนเมื่อรถเกิดอาการเสียกลางถนน ไม่สามารถขยับหลีกเข้าข้างทางได้ จอดเสียค้างอยู่ทางด้านเลนขวาสุด แต่แล้วเมื่อมีตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ กลับถูกต่อว่า ว่าเป็นต้นเหตุทำให้รถติด แล้วเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเข้าอีกด้วย หญิงสาวเจ้าของรถจึงได้อัดคลิปแล้วโพสต์ขึ้น Social Media ขงอตัวเองพร้อมกับตั้งคำถามว่า กฎหมายแบบนี้มีด้ว
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศ ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการกำหนดอัตราความเร็วของรถ ใจความหลักคือห้ามขับรถเร็วเกินกว่า 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในถนน 8 สายในกรุงเทพมหานคร
แน่นอนว่าทุกประเทศบนโลกนี้ที่มีกฎหมายจราจร ต้องมีการกำหนดอตราความเร็วไม่ให้เกินในพื้นที่ต่างๆ ถ้าเกินแล้วถูกจับได้ ก้ต้องมีการไปเสียค่าปรับกันตามธรรมเนียม แต่ถึงจะมีกฎหมายบังคับใช้อยู่ ก็ยังมีผู้ขับขี่บนท้องถนนจำนวนมาก ก็อยากจะลองใช้ความเร็วเกินกำหนดอยู่ซักหน่อย ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
หลังกระแสดราม่าเรื่องห้ามนั่งในแคปและกระบะ เลยทำให้มีควันหลงถกเถียงกันเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งบอกว่า การบังคับแบบนี้เป็นการกลั่นแกล้งผู้มีรายได้น้อย, หักดิบมากเกินไป ไม่อะลุ้มอล่วย, เพิ่มข้อหาให้ตำรวจเขียนใบสั่งได้มากขึ้น เป็นต้น ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่า กฎหมายเขียนแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่คนไทยทำผิดซะเคยชินจนกลายเป็นเรื่องถูกต้อง เป็นต้น ซึ่งจริงๆแล้วยังมีอีกหลายเรื่องบนท้องถนน ที่คนไทยยังทำผิดกฎหมาย แต
หลังจากเป็นกระแสสุดร้อนแรงมาตลอด 2 วันที่ผ่านมา กับการที่ทางตำรวจจะเริ่มบังคับใช้มาตรการห้ามใช้รถผิดประเภท ด้วยการจับ-ปรับรถกระบะที่จดทะเบียนเป็นรถบรรทุก หรือป้ายขาว-เขียว ที่มีคนนั่งในกระบะหรือในแคป จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย
วันนี้ (5 เมษายน 2560) ทางตำรวจจราจรจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายเรื่องเข็มขัดนิรภัยอย่างจริงจัง หลังจากที่ปล่อยปะละเลยกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งหลายคนยังสับสนอยู่ว่าสรุปแล้วรถประเภทไหนที่บังคับใช้ในที่นั่งจุดไหนบ้าง วันนี้มาเคลียกันให้เข้าใจ เรื่องเข็มขัดนิรภัยกันดีกว่าครับ
ปัญหาเรื่อง Taxi เมืองไทย ยังคงเป็นตำนานอันแสนยาวนานกับปัญหาที่มาจากตัวคนขับอยู่ไม่หยุดไม่หย่อน เริ่มจากปัญหาเบสิคอย่างไม่รับผู้โดยสารจากข้ออ้างมากมาย ทั้งแก๊สหมด, ส่งรถ, รถติด, ไม่คุ้นทาง ยิ่งกับบริเวณที่มีฝรั่งเยอะๆนี่ แทบจะปิดไฟไม่ต้อนรับผู้โดยสารคนไทยเลย จนถึงปัญหาที่ใหญ่กว่าทั้งพูดจาแทะโลมผู้โดยสาร, โกงมิเตอร์, พาขับอ้อมเพื่อเอาเงินเพิ่มเป็นต้น จนทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะไปใช้วิธีเรียก
ปัจจุบันการตรวจจับคนที่ขับรถผิดกฎจราจร ก็มีระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานเพื่อแบ่งเบาภาระของตำรวจมากแล้ว แต่บางครั้งระบบตรวจจับก็อาจสร้างความมึนงงให้กับเราได้เหมือนกัน อย่างที่จะนำมาเล่ากันต่อไปนี้
ช่วงหลังๆเราจะได้เห็นภาพข่าวอยู่บ่อยๆว่า มีพฤติกรรมการขับรถของบางคน เมื่อเจอรถฉุกเฉินเปิดสัญญาณฉุกเฉิน แต่ยังขับไปตามปกติไม่ยอมหลบ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายเป็นวงกว้าง และมีมุมต่างๆให้ถกเถียงกันมากมาย วันนี้ Autodeft เลยขอยกกฎหมายจราจรทางบกที่เกี่ยวข้องกับรถฉุกเฉิน เอามาให้ข้อมูลอย่างถูกต้องกันครับ