Full Review : Chevrolet Captiva diesel ปรับนิดเพิ่มออพชั่น ลงตัวสมรรถนะความหรู
- โดย : Autodeft
- 10 เม.ย. 58 00:00
- 23,094 อ่าน
พบบทดสอบที่ถูกลืมไปด้วยความบังเอิญ เชิญสัมผัสสมรรถนะของ chevrolet Captva Diesel ไปกับเราทีมงาน Autodeft.com
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
บางทีต้องยอมรับครับว่างานการที่ทำทุกวันนี้มันเยอะมากมายหลายอย่างตาแปะ แตก จนหลายครั้งหลายหนรถยนต์บางคันที่ทดสอบกันมายาวนาน ก็ถูกเราลืมเรือนไปด้วย งานที่กองสุมเท่าหัว .... หนึ่งในนั้น ก็ไม่พ้นเจ้า Chevrolet Captiva diesel ที่เราเกือบลืมไปแล้ว ...
ช่วงกลางปีที่แล้ว หลังงานมอเตอร์โชว์ ช่วงเวลาที่ค่ายรถยนต์ต่างแนะนำรถยนต์นั่งใหม่ ภายใต้การเข้ามารับบทบาทหัวเรือใหญ่ ของนายใหม่ มาครอสแห่งค่ายโบว์ไทน์ Chevrolet Captiva เรียกว่าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกที่มีการปรับตัวใหม่ให้มีความลงตัวโดนใจสาวกมากขึ้น ด้วยความหรูราที่นำเสนออยู่เป็นทุนเดิมของมัน ทำให้ยอมขายไปได้ด้วยดี และเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ขายดีในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ จนสร้างชื่อให้ค่ายรถยนต์อเมริกันในครั้งนี้
การเจอมันที่ภูเก็ตในตอนทดสอบกลุ่ม จวบจนมาเจอมันอีกครั้งเมื่อเราหูหา มิ่ง พีอาร์สาวแสนใจดี เพื่อขอหยืบยืม Chevrolet Captiva 2014 มาขับอีกครั้ง หลังยังไม่สะใจ เมื่อครั้นขับที่ภูเก็ต และงวดนี้คือการท้าพิสูจน์จริงๆ ว่า Chevrolet Captiva ใหม่มีดีอะไรมากกว่า แค่คำว่าหรูหราหรือเปล่า
อย่างที่เรากล่าวไปในเบื้องต้นว่านี่คือรถยนต์อเนกประสงค์ในรุ่นโฉมปรับเล็ก หรือทับศัพท์บ้านเรา ต้องดูมีภูมิปนกระแดะแบบเด็กนอกสักหน่อยว่า minor change ...งวดนี้ถือเป็นงวดที่สองที่ Chevrolet จัดการปรับเจ้ารถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ให้มีความลงตัวมากขึ้น
การปรับครั้งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีก่อนเป็นการปรับตัวตนให้ดูทันสมัยขึ้น ซึ่งครานั้น Chevrolet ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของหน้าตาที่ดูทันสมัยขัน หน้าตาใหม่ ส่วนผมมองแล้ว มันคล้ายปลากะโฮ้ตัวโตที่คอยจะอาปากรับงับรถคันอื่นๆ ให้ความดูโหดดุมากขึ้น แถมยังให้ความเป็นอเมริกันมากขึ้น ไม่ว่ากระจังหน้าแบบสองชั้นที่ออกมาสื่อสารในทรวดทรงแบบ 6 เหลี่ยมตามสไตล์รถยนต์นั่งเชฟวี่ยุคใหม่ ไฟหน้าถูกปรับให้เรียวมากขึ้นให้ไฟหน้าแบบโคมโปรเจคเตอร์ มองเผินๆ ก็ดูลงตัวดี ในการออกแบบ
แต่ในครั้งนี้ Chevrolet เพิ่มความลงตัวมากขึ้น เมื่อพวกเขาปรับเปลี่ยนในเรื่องบั้นท้ายให้มันสมัยมากขึ้น มาพร้อมไฟท้ายใหม่ที่เปลี่ยนลายกราฟฟิกดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม รวมถึง ท่อไอเสียเดิมทรงกลม ถูกเปลี่ยนเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมูตอบโจทย์ในเรื่องของความลงตัวในสไตล์การออกแบบ ดูกลมกลืนตลอดคัน ในเรื่องของยางอะไหล่ใต้ท้องถูกปกปิดดูมิชิดขึ้น เป็นการปรับปรุง ที่เราขอยกนิ้วเยี่ยมให้ทีมออกแบบ และความลงตัวนี้มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้วใช้จัดมาพร้อมยาง 235/50 ขอบ 19 นิ้ว ดูใหญ่เต็มซุ้มพอดี
การเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่สำคัญภายนอก คงหนีไม่พ้นในเรื่องของการออกแบบสเกิร์ตข้างใหม่ จากกาบข้างเรียบๆ กลายเป็นกาบข้างที่มาพร้อมบันไดข้างในตัว จะว่าไปสำหรับคอรถลุย มันก็คงดูดี แต่ในมุมมองเรากลับรู้สึกว่า Chevrolet Captiva เป็นรถที่เน้นความดูดีมากกว่า การออกแบบกาบข้างในลักษณะนี้จึงดูไม่ลงตัวกับตัวตนของมันเท่าไรนัก แถมจะว่าไป กาบข้างกึ่งบันไดที่ให้มา กลายเป็นความลำบากในการก้าวลงรถ ด้วยซ้ำไป
สำหรับคุณผู้ชายขายาว..มันคงไม่เท่าไร แต่ลองนึกถึงสตรีไทยไซส์เล็กหรือไซส์กลาง...ขาสั้น ..พูดก็พูดเลยว่า ต้องตั้งท่าดีๆ ก่อนจะขึ้นหรือลงรถ แน่นอน
แต่เมื่อเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร Chevrolet Captiva รุ่นปรับปรุงโฉมมีการปรับหลายส่วนใหม่เข้ามาตอบโจทย์ แต่พื้นฐานการออกแบบในภาพรวมมันก็ยังคงเป็นรถอเนกประสงค์แบบคอมแพ็คที่สามารถตอบโจทย์การใช้งาน แบบ 5 ที่นั่งสบายๆ และ เพิ่มเป็น 7 ที่นั่งได้ ถ้าต้องการในยามญาติโกโหติกาขออาศัยไปด้วยะ .. แต่เมื่อที่นั่งมีมากพอ พื้นที่เก็บสัมภาระก็จะหายไป หนทางเดียวจะเก็บของได้ ก็หนีไม่พ้นต้องหาแร็คมาติดตั้งบนหลัง ถ้าคิดว่าจะยัดหนักจัดเต็มบ่อยๆ
ในรุ่นใหม่ Chevrolet จัดการปรับปรุงตัวตน Chevrolet Captiva 2014 ให้มีความลงตัวมากขึ้น เบาะนั่งสีเทาอ่อนเพิ่มนิยามของความหรูหรามากขึ้น จนนึกถึงรถยุโรปบางรุ่น น่าเสียดายที่เชฟวี่ยังกระเบียดกระเสียนในเรื่องความหรูหรา ด้วยการเติมเบาะนั่งไฟฟ้าปรับ 8 ทิศทางมาเพียงฝั่งคนขับ ปล่อยให้คนนั่งต้องใช้แรงกายอย่างแข็งขันอย่างเดียวดาย
แม้ว่าจะขาดตกบกพร้องบางเรื่องไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว Chevrolet Captiva ใหม่ก็ผสมกลมกลืนอย่างลงตัวด้วยความทันสมัยที่จะเข้ามาตอบโจทย์มากขึ้นในเรื่องของการใช้งาน ไม่ว่าจะกุญแจแบบ Keyless Entry อาจจะไร้ปุ่มกดสตาร์ท แต่ให้ความลงตัวด้วยระบบ Passive Start
ตรงหน้าคนขับมาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังชั่นควบคุมทุกอย่างในรถ ไม่ว่าจะ ระบบเครื่องเสียงไปยันระบบปรับอากาศ ซึ่งสามารถแยกปรับอิสระซ้าย-ขวา ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องมาทะเลาะ ชั้นร้อนเถอะหนาวอีกต่อไป และสำหรับใครที่บ้าเครื่องเสียงเป็นชีวิตจิตใจ งานนี้สบายหายห่วง ด้วยระบบสร้างภาวะเสียงสามมิติ 3 Sound Staging ให้ความลงตัวมากยิ่งขึ้นในการเพิ่มสุนทรีย์ในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น
จะว่าที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Chevrolet Captiva รุ่นใหม่นี้ก็ไม่ได้มีการปรับปรุงตัวตนอะไรมากไปกว่าที่เราคิดมากมายนัก แต่ภาพรวมจะว่าก็เป็นความลงตัวในการเดินทาง ที่คุณสามารถสัมผัสได้ทันทีที่โดดขึ้นรถแล้วกวาดพวงมาลัยเดินคันเร่งไปตามที่จอดรถ ส่งยิ้มให้ยามสาวตึกรสา และอำลาอย่างสุภาพ
ใต้ฝากระโปรง Chevrolet Captiva Diesel ใหม่ ยังคงมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมเทอร์โบแปรผัน กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แต่แรงบิดสูงสุดขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 360 ไปเป็น 400 นิวตัน-เมตร แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากมายอะไรนัก แต่ทางเชฟวี่จัดการแต่งเติมสมรรถนะให้ลงตัวมากขึ้นในเรื่องของชุดเกียร์
เฉกเช่นทุกทีที่เรามาตึกรสา ไม่รู้ว่าจะเป็นดวงหรืออะไรจะต้องเจอการจราจรติดขัดทุกที แม้วันนี้จะขอพลิกโชคชะตาเพราะว่าจะต้องรีบไปทำธุระ มาออกวิภาวดีรังสิต ดันโชคร้ายเสียนี้ ยังดีที่พระเจ้ายังมีเมตตาธรรม ให้รถพอจะกระดื้บๆ เคลื่อนตัวไป ได้ ซึ่งในการจราจรแบบนี้ รถยนต์นั่งขนาดเล็กน้ำหนักเบามักจะได้ไปเปรียบในเรื่องความคล่องตัว แต่ถึงเราจะไม่คล่องตัวเท่า ทว่าเรื่องความสบายในระหว่างที่คุณนั่งแช่ภายใน Chevrolet Captiva ก็ทำให้คุณหมดทุกร้อนใจไปได้พอสมควร
การเดินทางในเมืองกับ Chevrolet Captiva ดีเซลนั้นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น และเบื้องต้นในเจ้าอเนกประสงค์ก็ดูถูกใจลงตัวมากขึ้น ด้วยความรู้สึกที่นิ่มรวลมากขึ้น โดยเฉพาะการะลดอาการกระตุกของชุดเกียร์ไปได้มากพอสมควร เหมือนทีทำกับ Chevrolet Cruze ไปก่อนหน้า
ทว่าการลดความดุดันของรถก็อาจจะเป็นดาบสองคม สำหรับคนที่มองหาการตอบโจทย์ในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ ที่หวังว่าเครื่องดีเซลที่มีกำลังสูงสุด 400 นิวตันเมตร จะเร่งอย่างเร้าใจจนสาวๆ หลังติดเบาะ แต่นั่นไม่ใช่ Captiva 2014
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาในเมืองสั้นๆไม่นานมาก แต่ Chevrolet Captiva 2014 ก็พิสูจน์ในความนิ่มนวลขับสบาย จนเหมาะมากที่คุณจะซื้อมานั่งมากกว่าจะต้องมาเป็นสารถีให้ภรรยา คุณลูก หรือ ...พ่อตาแม่ยาย ...แต่ถึงเราจะพูดและรู้ดีอยู่เต็มอกว่า นี่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล แต่ Chevrolet Captiva ก็ซดน้ำมันดุดันตามสไตล์รถอเมริกัน เราจบการทดสอบในเมือง ด้วยตัวเลขเพียง 7.89 ก.ม./ลิตร ในสภาพรถติดเว่อๆ นิดๆ ยามเย็น
ตัวเลขอัตราประหยัดในเมือง ถามว่าค่อนข้างโหดไหม..มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ด้วยความเป็นเครื่องยนต์ดีเซลหลายคน คงคิดว่ามันน่าจะทำอัตราประหยัดได้ดีกว่านี้หรือไม่ ในแง่หนึ่ง ต้องยอมรับว่า เครื่องยนต์ดีเซล VCDi แม้จะบล็อกเดิม แถมแรงบิดเครื่องยนต์ก็เพิ่มขึ้นอีกกว่า 40 นิวตันเมตร แต่ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่ามันไม่ใช่แรงบิดในแบบ Flat Torque สไตล์เดิมที่เคยแนะนำก่อนหน้านี้ แถมเกียร์ใหม่ก็ยังถูกปรับตั้งให้มีความนิ่มนวลขึ้นได้
นาทีนี้สิ่งเดียวที่พิสูจน์ได้คือการทดสอบในแบบ Bonn Test Mode ที่เราทำกันมาสิบเนื่อง ด้วยการจัดเส้นทางวิ่งในลักษณะของโหมดผสม ในเมืองและนอกเมือง การขับในโหมดนี้ตัวตนสุดหรูที่นิ่มนวล ทำให้เรานึกถึงว่า นี่คือรถยนต์อเนกประสงค์ที่เปี่ยมในเรื่องความลงตัว สื่อสารผ่านสุนทรีย์ในการขับขี่
ไม่ว่าจะการทำงานของพวงมาลัยที่นิ่มนวลมากขึ้น ช่วงล่างที่ดูลงตัวมากขึ้น แม้จะมีจังหวะแอบกระด้าง ซึ่งพอที่จะเข้าใจได้จากการยัดล้อขอบ 19 นิ้วมาให้จากโรงงานเพื่อรับมือกับแรงบิดประดุจช้างสารของเครื่องยนต์ดีเซล
ระหว่างเส้นทางเราลองขับด้วยความเร็วปกติ ภายใต้กฎหมายจราจรไทยที่คร่ำครึใช้ความเร็วไม่เกิน 120 ก.ม./ช.ม. เข็มหน้าปัดชี้ ใต้ 2,500 รอบนิดๆ บอกว่ามันใช้รอบเครื่องยนต์ราวๆ 2,400 รอบต่อนาที ถือว่าไม่ค่อยสูงอะไรมากมายนัก ในยามเดินทางไกล
เราใช้เลาไม่นานก็ย่อนกลับมายังจุดเริ่มต้นของการทดสอบ เฉกเช่นเดิมที่เรากวักมือเรียกน้องๆเด็กปั้มมาเติมน้ำมันเต็มถังแบบไม่เขย่ารถหรือเติมจนล้นคอถัง และในครั้งนี้เราได้ตัวเลข 11.62 ก.ม./ลิตร ในการทดสอบ เป็นอันบ่งบอกตัวเลขประหยัดในเมืองที่ได้มาถูกต้องแล้ว
การทดสอบ Chevrolet Captiva 2014 งวดนี้ถือว่าค่อนข้างโหดพอสมควร ด้วยการวางให้มันต้องเดินทางไกลไปยังขอนแก่น ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกตินักกบการทดสอบรถยนต์สักคัน แต่จะว่าไปในเส้นทางยาวแบบนี้ หลายครั้งหลายหนที่เราพบว่ารถยนต์มักจะแสดงความลงตัวเหมาะสมในการเดินทางออกมา
ปลายทางขอนแก่นในวันนี้ Chevrolet Captiva ออกเดินทางกับผม และพี่เบิ้ม พี่ชายที่แสนดีจากนิตยสาร torque Magazine เราขับขี่ด้วยความเร็วปกติสลับกับการใช้ความเร็วในบางช่วง เนื่องจากเรามาทำกิจกรรมแรลลี่ ซึ่งตลอดเส้นทางที่เป็นในลักษณะกึ่งขับๆจอดๆ รวมถึงใช้ความเร็วทำเวลาในบางจังหวะการขับขี่
ตลอดเส้นทาง Chevrolet Captiva Diesel แสดงตัวตนของมันออกมาได้อย่างน่าประทับใจ การออกตัวที่เป็นไปอย่างนิ่มนวลถูกโหมโรงบนสมรรนถะทันที่คุณใช้โหมดการขับขี่แบบสับเองเข้ามาตอบในเรื่องของการเดินทาง แรงบิดที่มากทำให้รถพุ่งทะยานตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นพวกบาทาหนักขับรถเร็วเสมอต้นเสมอไป เจ้าอเนกประสงค์พลังดีเซลคันนี้กลับตอบโจทย์ในการขับขี่ได้ดีเกินคาด
ด้วยการตอบสนองที่ดีของเครื่องยนต์อย่างสนุกสนานในการขับขี่ การโยกเกียร์หากคุณจับจังหวะได้ถูกต้อง ระบบจะให้ความสนุกสนานแก่คุณอย่างต่อเนื่องในระหว่างการขับขี่
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการใน Chevrolet Captiva นั้นคือระบบกันสะเทือนที่ให้ลงตัวในการตอบโจทย์การขับขี่ โดยเฉพาะการพัฒนาให้มันกลายเป็นรถครอสโอเวอร์ที่นั่งสบายแม้ยามขับความเร็วด้วยช่วงล่างทางด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท มาพร้อมชุดเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า ส่วนทางด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ 4 จุด ช่วยยึดเกาะตัวตนให้มีความลงตัวในการขับขี่มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะขับความเร็วขนาดไหน ก็มั่นใจได้ เพียงแต่อย่าประมาทกับขนาดและน้ำหนักตัวรถที่มากกว่ารถเก๋งทั่วไปก็แล้วกัน
ท้ายสุดเราไปถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพ และแม้จะใช้ความเร็วบ้างในบางจังหวะ รวมถึงระหว่างทางยังเจอฟ้าฝนไม่เป็นใจอยู่บ้างแต่เจ้ายักษ์ใหญ่ Chevrolet Captiva ก็ตอบโจทย์เรื่องความประหยัดถึง 10.5 ก.ม./ลิตร
สรุป ดีเซลประทับใจ แค่ดูสุภาพขึ้นในสายตา
จากที่เคยขับเมื่อครั้นไปถูกเชฟวี่หิ้วไปยังภูเก็ต ครั้งนั้นยังจำได้ดีว่า Chevrolet Captiva Diesel เรารู้สึกว่ามันดุดิบน้อยลงพอสมควร ส่วนหนึ่งด้วยการขับขี่ในตัวตนของรูปแบบคาราวาน ของการจัดทดสอบกลุ่มทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะลองอัดเจ้าอเนกประสงค์คันนี้
ในแง่หนึ่ง Chevrolet Captiva diesel มีอะไรที่น่าสนใจตอบโจทย์ที่ลงตัวมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่บางครั้งเราก็มองว่าเชฟวี่ดูพยายามมากเกินไป อย่างกาบข้างที่กลายเป็นบันไดในตัวดูขัดๆ กับตัวตนความหรูหรา แต่เราชอบมากที่พวกเขาปรับตัวตนเป็นความลงตัวทางด้านท้ายรถ ทำให้รถดูดีมีระดับมากขึ้น
ภายในห้องโดยสารเองก็ยังคงตัวตนที่นั่งสบายเหมือนเดิม และลงตัวมากขึ้นในเรื่องการออกแบบที่พยายามผกผันไปยังเรื่องของความทันสมัยในตัวตน แต่ก็ไม่ทิ้งความลงตัวในการใช้งานออกไป
ส่วนทางด้านเครื่องยนต์ Chevrolet Captiva ใหม่ ก็มีความลงตัวมากขึ้นในสไตล์การขับที่เน้นความนุ่มนวลมากขึ้น ด้วยการเพิ่มแรงบิด 40 นิวตันเมตร แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นแบบ Flat torque กำลังถูกส่งผ่านระบบเกียร์ใหม่ ได้รับการวิศวกรรมให้นุ่มนวลมากขึ้น
แต่ในเวลาเดียวกัน จากการขับทางยาวของเราก็ชัดเจนว่า มันยังคงซิ่งได้ในหลายจังหวะการขับขี่ เพียงแต่ต้องเข้าใจการทำงานของเครื่องยนต์กันก่อนว่า มันมีบุคลิกอย่างไร ซึ่งห่อนที่เราจะเอารถไปคืนเชฟวี่ เรามีโอกาสทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. และยังลองเร่ง 80-120 กม./ช.ม.
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
0-100 ก.ม./ช.ม. |
12.00 |
12.94 |
12.01 |
12.48 |
80 -120 ก.ม./ช.ม. |
9.00 |
8.10 |
9.10 |
8.60 |
ซึ่งจากผลที่ออกมาก็ค่อนข้างชัดเจนว่า Chevrolet Captiva 2014 มีอัตราเร่งดีขึ้นพอสมควร แม้จะไม่ใช่ในความรู้สึกก็ตามทีแต่การทำตัวเลขเฉลี่ย 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 12 วินาทีกลางๆ และ 8 วินาทีกลางๆ สำหรับ 80-120 ก.ม./ช.ม. นั้นไม่ใช่ตัวเลขที่ขี้เหร่เลยแม้แต่น้อย
หากถามว่าอะไรคือความน่าประทับใจในรถยนต์ Chevrolet Captiva Diesel จะว่าไปมันคงเป็นตัวตนที่ดีขึ้น หรูหรามากขึ้น สามารถสัมผัสได้ในการขับขี่ แต่ว่าสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว ในอนาคต เราค่อนข้างคาดหวังที่จะเห็นความประหยัดที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
รถทดสอบ Chevrolet Captiva diesel 2014
ราคาจำหน่าย 1,699,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> การออกแบบที่ลงตัวมากขึ้น สัมผัสที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความหรูหราในตัวตนของเจ้า Chevrolet Captiva ใหม่
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> เครื่องยนต์สมรรถนะกับรู้สึกดูอืดไปนิด แม้จะทำเวลาในการทดสอบสมรรถนะในการขับขี่ได้ดี แต่เราคิดว่า เรื่องของความรู้สึกในการขับขี่นั้นเป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน
สิ่งที่อยากให้มี >>>> ตัวตนที่มีสมรรถนะขึ้นกลับถูกแรกมาด้วยความประหยัดที่ด้อยลง ในจุดนี้คาดว่า น่าจะเป็นโจทยืที่ทางทีมวิศวกรเชฟวี่ต้องกลับไปทำการบ้านโดยด่วน ยิ่ง ทุกวันนี้การจราจรในเมืองหินสุดๆ ต้องวิธีใดก้ตามที่ทำให้ Chevrolet Captiva นั้นสามารถตอบโจทย์ในการขับขี่ทางด้านความประหยัดได้ดีขึ้น
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> จะว่าไปมันเปิดตัวมานาน อยู่ในตลาดมาก็ยาว แต่ถึงมันจะดูเก่าในสายตาหลายคน แต่เจ้า Chevrolet Captiva minorchange 2 ก็กลมกลืนมากขึ้น การพัฒนามากขึ้นหมายความลงตัวมากขึ้นตามลำดับ และคุ้มค่าเงินที่คุณจ่ายมากขึ้น ..ไปด้วยเช่นกัน
[GALLERY1300]