Life Test: Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E แรงเร้าใจ

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 11 ก.ค. 59
  • 135,469 อ่าน

ถ้าย้อนไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว คนที่ขับรถกระบะจะถูกมองว่าเป็นคนชั้นล่าง และเป็นคนที่ต้องเอารถมาใช้ทำมาหากินซะเป็นส่วนใหญ่ แต่มายุคหลังความคิดนี้เริ่มเปลี่ยนไป คนขับรถกระบะเพื่อใช้งานส่วนตัวก็เยอะ และรุ่นหนึ่งที่ทำให้คนเปลี่ยนความคิดเป็นแบบนี้ได้ ต้องยอมรับว่าเพราะ Toyota Hilux เช่นกัน

Toyota Hilux Revo

ถ้าพูดถึง Toyota Hilux แล้ว โฉมที่ทำให้คนเริ่มนำมาใช้แบบส่วนตัวกัน น่าจะมาจากโฉม 5 คือตัว Toyota Hilux Mighty-X ด้วยรูปโฉมที่ถูกใจวัยรุ่นในช่วงนั้น นำมาแต่งกันในแบบต่างๆ ทั้งโหลดเตี้ย, ติดเครื่องเสียง เอาออกมาโชว์ตามท้องถนนอย่างมากมาย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา รถกระบะ ก็ไม่ได้เป็นแค่รถขนของอีกต่อไป กระบะของค่าย Toyota ก็ทยอยออกมาเอาใจวัยโจ๋กันอย่างต่อเนื่อง และใช้ชื่อว่า Hilux อยู่ทุกโฉม จะมีเปลี่ยนไปเฉพาะตัวท้ายเท่านั้น ทั้ง Tiger, Vigo จนล่าสุดกับโฉมที่เน้นความทันสมัยมากที่สุดอย่าง Toyota Hilux Revo

Toyota Hilux Revo

ไม่รอช้า ทางผมจึงได้ลองนำรุ่น Hilux Revo 4X4 2.4E มาทดสอบการใช้งานในรูปแบบทั่วไป ว่าจะเหมาะสมใช้แบบส่วนตัวหรือเปล่า หลังจากรับรถมา สิ่งที่เห็นจากรูปโฉมภายนอกก่อนเลยคือ การปรับเปลี่ยนของกระจังหน้าที่เปลี่ยนไปมากว่าเดิมจาก Hilux Vigo ที่เน้นโค้งมนให้มากกว่าเดิม ยิ่งจุดที่ติดตั้งไฟหน้า ยิ่งโค้งเอียงมากกว่าเดิม ประตูแบบ Smart Cab  2 ประตู ที่เปิดส่วนของ Cab ได้ด้วย หุ่นสูงโย่งเช่นเดิม แต่ความกว้างกลับดูกว้างบึกบึนกว่าเดิม ไฟหน้าแบบ ฮาโลเจน มัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อม DRL กันชนหน้ากลืนเป็นส่วนเดียวกับตัวถึง แต่กันชนหลังเป็นแบบโครเมียมแยกชิ้นต่างหาก ภายในเป็นเบาะแบบผ้า 2 สี ส่วนแค็บ จะเป็นเหมือนกล่องให้นั่งมากกว่าเบาะ ไม่เน้นให้มีผู้โดยสารนั่งในส่วนนี้ มีเครื่องเสียงที่รองรับการเชื่อมต่อหลายหลาย ทั้ง Bluetooth, USB, CD และสาย AUX ซึ่งคันนี้มากับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมดคือ Normal, ECO และ Power เมื่อชมภายนอกเรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินทางเลยครับ

Toyota Hilux Revo

ผมเริ่มทดสอบการใช้งานในเมือง เริ่มจากสาทรในช่วงเที่ยง วิ่งตามเส้นทางมาจนเข้าวิภาวดีรังสิต ซึ่งช่วงนี้เปิดเป็นโหมด ECO ตลอดทาง รถติดบ้างแต่ไม่มาก ช่วงแรกที่สัมผัสได้อย่างแรกเลยคือ เครื่องยนต์แบบดีเซล 2.4 ลิตรตัวนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แค่ปล่อยคลัทซ์หมด รถก็พุ่งทะยานออกไปแบบไม่รอใครแล้ว ทั้งๆที่อยู่ในโหมด ECO ด้วยซ้ำ และตัวคลัทซ์เองก็ไม่ได้แข็งจนเกินไป ขับแบบเปลี่ยนเกียร์ตลอดเวลาช่วงที่รถขยับ ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเมื่อยของขาแต่อย่างไร จนเข้าสู่ถนนวิภาวดีรังสิต ที่ช่วงกลางวันจะวิ่งได้ค่อนข้างสบายหน่อย แอบกดคันเร่งให้มากขึ้น รถ Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E ก็พุ่งปรี๊ดออกไปแบบติดเท้า ขึ้นสู่ความเร็วย่าน 120 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว

Toyota Hilux Revo

เรื่องความแรง ทดสอบไปแล้วว่าดีทีเดียว แต่เรื่องของความนุ่มนวล  Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E ยังคงมีความกระด้างอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าช่วงล่างด้านหลังที่ยังเป็นแหนบซ้อน เอาไว้รองรับการบรรทุกอย่างเต็มที่ ก็อย่าไปหวังหาความนิ่มนวลจากคันนี้เลย ส่วนการเข้าโค้ง ขอสารภาพว่าไม่ได้ลองอย่างจริงจัง เพราะเส้นทางที่ใช้ทดสอบไม่ได้มีโค้งให้ใส่ได้เต็มๆซักเท่าไหร่ แต่เท่าที่เข้าโค้งแบบเบาๆ (ประมาณ 100) รถก็ไม่ได้มีอาการโคลงแต่อย่างใด คร่าวๆก็ถือว่าผ่าน

Toyota Hilux Revo

อีกเรื่องที่ติดใจกับ Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E มากๆคือ เรื่องความสูงของตัวรถ เมื่อขับออกไปท่ามกลางรถยนต์ที่วิ่งกันพลุกพล่าน เรากลับรู้สึกว่า เราอยู่สูงจนเห็นวิวทิวทัศน์รอบด้านได้ชัดเจนมาก ไม่ต้องคอยเบี่ยงขวาเพื่อมองว่าข้างหน้ามีอะไร เห็นข้ามหลังคารถคันหน้าแบบสบายๆ ความสูงนี้น่าจะมาจากที่รถใส่ยางขอบ 17 มาให้เลย

Toyota Hilux Revo

จากนั้นก็ต้องหาเส้นทางเพื่อจะลอง Power Mode ดูซิว่ามันจะห้าวกว่าเดิมได้มากขนาดไหน ก็เลยเดินทางกันไปสู่ถนนแถววัชรพล ที่เป็นเส้นตัดใหม่ (เรียกว่าอะไรไม่รู้) เป็นเส้นทางค่อนข้างโล่ง ก็เหมาะที่จะเปิด Power Mode กันแล้ว พลันที่กดปุ่มทีเดียว รอบเครื่องก็เร่งรอเราเอาไว้เลย หลังใส่เกียร์ 1 แล้วปล่อยคลัทซ์ ต้องบอกอารมณ์ตอนนั้นเลยว่าตกใจมาก เพราะรถพุ่งทะยานออกไปได้อย่างรวดเร็วกว่า ECO Mode เป็นอย่างมาก ส่วนตัวผมเคยกด Power Mode บน All New Fortuner แบบเกียร์ออโต้มาแล้ว แต่ยังไม่แรงเท่าตอนปล่อยคลัทซ์หมดของ  Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E คันนี้เลย กดแวบเดียวก็วิ่งได้ถึง 140 กม./ชม. แบบไม่รู้ตัว ขนาดเครื่อง 2.4 แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ที่มีน้ำหนักตัวกว่า 2 ตัน ยังทำได้ดีขนาดนี้ ถ้าเป็นตัว 2.8 จะวิ่งดีขนาดไหน

Toyota Hilux Revo

โชคร้ายที่วันทดสอบ ฝนโหมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เลยต้องหยุดทำการทดสอบแบบความเร็วไว้ก่อน แล้ววิ่งกลับเข้าสู่รามอินทราเพื่อเดินทางกลับบ้าน แน่นอนว่าช่วงประมาณ 1 ทุ่มตรงแถมฝนตก การจราจรก็ย่อมเล่นงานเราเอาได้อย่างไม่ปราณี วิธีแก้เบื่อที่ดีที่สุดคือการคลายเครียดด้วยการฟังเพลง ซึ่งเครื่องเสียงบนรถคันนี้ก็รองรับการเชื่อมต่อกับ iPhone ของผมได้อย่างดี โดยผมใช้วิธรการต่อผ่านสาย USB เพราะต้องการชาร์จแบตไปด้วย แต่เริ่มฟังจากสถานีวิทยุก่อน เสียงก็โอเคนะ พอไปวัดไปวาได้ แต่พอลองเปิดเพลงที่อยู่ในโทรศัพท์ปั๊บ บอกเลยครับว่าเสียงดีขึ้นจากวิทยุอีกหลายเท่าตัว เรียกได้ว่าถ้าไม่หูเทพมาก ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาใส่เพิ่มเติม ก็ฟังเพลงอย่างเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แถมมีปุ่มเพื่อควบคุมอยู่บนพวงมาลัย เพิ่มความสะดวกให้มากขึ้นไปอีก เสียอย่างเดียวที่ผมไม่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ ตัวหน้าจอแสดงผลมันดูยื่นๆออกมาไม่เป็นทรงเดียวกับคอนโซล มันเลยดูเหมือนเราเอาเครื่องเสียงไปติดมาเองใหม่ เลยดูแปลกอย่างไรก็ไม่รู้ครับ

Toyota Hilux Revo

ก่อนกลับถึงบ้าน แอบแวะไปทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซักหน่อย โดยลองลุยลงไปในถนนดินช่วงฝนตก เลือกเอาจุดที่ว่าน่าจะพอขึ้นได้ แต่ขับ 2 ไปไม่ได้ หลังจากถึงจุดที่ล้อหลังเริ่มสไลด์ไปต่อไม่ได้ ก็บิดสวิตซ์เพื่อเข้าสู่โหมด 4H ทันที จากที่ติดและสไลด์ไปไม่ได้ รถก็ค่อยๆเลื่อนออกจากถนนดินจุดนั้นได้อย่างสบาย และที่สำคัญ  Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E ก็มีระบบ Diff Lock ที่ช่วยกระจายแรงหมุนให้เท่ากันทุกล้อได้อีกด้วย

Toyota Hilux Revo

รุ่งขึ้นก็ได้คิวไปคืนรถเพื่อส่งไม้ต่อให้เจ้าบอนเอาไปเทสอีกครั้ง ก็แอบแวะเอารถไปถ่ายรูปเล่นแถวช็อกโกแล็ตวิลล์หน่อย โดยวันนี้จะเดินรถในโหมด Normal (คือไม่เปิดโหมดอะไรเลย) รถดูพุ่งออกไปง่ายกว่า ECO Mode แต่ไม่แรงสะใจแบบ Power Mode วัดความสิ้นเปลืองได้ประมาณ 9.6 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าดีพอตัวสำหรับรถขนาดนี้ ที่เจอทั้งกระทืบคันเร่งแรง และรถติดแบบสาหัส ได้ขนาดนี้ถือว่าน่าพอใจมาก สำหรับการทดสอบในการใช้งานทั่วไปของ Toyota Hilux Revo 4X4 2.4E ส่วนตัวถือว่าใช้งานได้ดี เร่งแรงเร้าใจ แถมยังเผื่อเอาไว้ขนของในยามจำเป็น และยังวิ่งในยามที่พบน้ำรอการระบายช่วงหน้าฝนใน กทม. ได้อย่างสบายเลยครับ


Toyota Hilux Revo

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

 

 

 

5 เรื่องน่าสนใจ