Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde หรูเล็กเปรี้ยวจี๊ด สเปกปานกลาง ในราคาเอื้อมได้

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 7 ม.ค. 63
  • 41,705 อ่าน

สมัยผมยังเป็นวัยเด็ก เวลาเห็นคนขับรถ Mercedes-Benz ผ่านมา เราจะอนุมานเอาเองว่าคนนั้นจะต้องเป็นคนที่อยู่ในระดับมั่งมี มีเงินเหลือพอที่จะเอาเงินไปซื้อรถยนต์หรูระดับนี้ได้ เพราะราคารถยนต์ใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์สมัยนั้น อยู่ในระดับสูงมากกว่ารถตลาดทั่วไปแบบเอื้อมคว้าแทบไม่ถึง

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

แต่สำหรับยุคสมัยใหม่ในปัจจุบัน เมื่อมีการพัฒนาทั้งเทคโนโลยีและธุรกิจ ทำให้ Mercedes-Benz นั้น สามารถขยับทำราคาที่ต่ำลงมาได้โดยที่ไม่ได้ลดคุณภาพของตัวรถลงมาสักเท่าไหร่ แถมค่ายรถยนต์ตราดาวสามแฉกจะยังคงระดับเกรดของตัวเองอยุ่ในระดับสูงได้อย่างมั่นคง ทำให้คนชนชั้นระดับกลางเริ่มสามารถเอื้อมขึ้นไปไขว่คว้าดาวเอามาเป็นเจ้าของได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนมากกว่าเดิมสักเท่าไหร่ ประมาณว่า ถ้าขับรถแบรนด์ญี่ปุ่นในระดับรุ่นท็อปได้ ก็สามารถอัพเกรดชีวิตตัวเองขึ้นไปขับตัวเริ่มต้นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ไม่ยาก เฉกเช่นการเอื้อมขยับขึ้นไปเล่นรุ่นเริ่มต้นอย่าง Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde นั่นเอง

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ถึงแม้ว่า Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde จะไม่ใช่รถค่ายตราเพชรที่ราคาต่ำสุดในการจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่ก็ถือเป็นรถยนต์ Saloon ในระดับเริ่มต้นที่น่าสนใจ ยิ่งการเพิ่มการประกอบรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย ยิ่งทำให้ราคานั้นเย้ายวนใจให้คนที่กำลังมองหารถยนต์ใหม่เพื่อใช้งานสักคัน และพอจะมีกำลังทรัพย์พอเหลือเก็บบ้าง สามารถจับจองมาเป็นเจ้าของได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แถมยังได้ชื่อว่าเป็นชนชั้นขับ “เบนซ์” ได้อีกด้วย ความน่าสนใจอย่างนี้เอง ผมในฐานะทีมงาน AUTODEFT เอยอยากเอามารีวิว ทดลองขับดูหน่อยว่า รถคันนี้มันมีดีคุ้มค่ากับราคาหรือเปล่า

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ก่อนเริ่มต้นการทดสอบ เรามาดูสเปกของ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde กันก่อนดีกว่า แต่ก่อนจะดูข้อมูล เรามาดูเรื่องของชื่อรุ่นที่หลายคนยังไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรก่อน ซึ่งชื่อรุ่น C 220 d คงไม่น่าสงสัยเท่าไหร่ เพราะว่ามันหมายถึงรถยนต์ C-Class ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลอย่างที่ทราบกันดี แต่กับคำต่อท้ายว่า Avantgarde นี่สิ มันหมายถึงอะไร ถ้าตามรากศัพท์แล้วคำนี้คือภาษาเยอรมนี แปลตรงตัวตาม Google ว่า “เปรี้ยวจี๊ด” พอแปลมาแล้วก็แปลกใจว่ามันเปรี้ยวจี๊ดอย่างไรหว่า เลยเดากันเอาเองว่า น่าจะหมายถึงขับได้สนุกสนาน ปราดเปรียว (มั้ง) เอาเป็นว่าถ้าเห็นคำนี้ต่อท้ายมาเมื่อไหร่ มันคือรุ่นเริ่มต้นของรุ่นนั้นนั่นเอง

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

เอาล่ะ ได้เวลาเข้าสู่สเปกของ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ได้สักที เริ่มต้นที่ขุมกำลังก่อน รถยนต์ซีดานคันนี้ใช้ขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง Turbo พร้อม Intercooler ความจุเครื่องยนต์ 1,950 ซีซี (ปัดเศษเป็น 2.0 ลิตร) ให้พละกำลัง 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบ แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600 - 2,800 รอบ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-Tronic) มี Paddle Shift ให้เปลี่ยนเกียร์ได้ที่พวงมาลัย ตามสเปกเคลมเอาไว้ว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 6.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตาม Eco Sticker ระบุเอาไว้ว่า อัตราสิ้นเปลืองนอกเมืองคือ 24.3 กม./ลิตร, ในเมือง 18.1 กม./ลิตร และเฉลี่ยรวม 21.2 กม./ลิตร ถ้าดูตามตัวเลขนี้ ถือว่าเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์ Eco Car เลยทีเดียว มิติตัวรถอยู่ที่ 1,810 x 4,686 x 1,440 มม. (กว้างxยาวxสูง) ส่วนฐานล้อนั้นไม่มีระบุเอาไว้ในโบรชัวร์

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

 

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde มีการตกแต่งภายนอกด้วยกระจังหน้าตะแกรงรังผึ้งสีดำ พาดทับด้วยเส้นแถบโครเมียมสีเงิน 2 เส้น พร้อมตราดาว 3 แฉกตรงกลาง ไฟหน้าเป็น LED High Performance และ Daytime Running Light แบบ LED fibre - optic ลากเป็นเส้นพาดเหลือโคมไฟหน้า ส่วนจุดที่น่าจะเป็นไฟตัดหมอก ถูกแทนที่ด้วยแผงกระจังรังผึ้งแทนพร้อมติด Sensor ลงไป เช่นเดียวกับแถบกันชนหน้าก็เป็นแผงกระจังหน้าเช่นกัน มีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟเบรกและไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ทั้งแผง โดยตัวไฟท้ายนั้นถูกออกแบบให้ติดอยุ่กับตัวถังท้ายรถเลย ไม่มีติ่งติดไปกับฝากระโปรงท้าย ชายกันชนด้านหลังมีเส้นแถบโครเมียมเหมือนกับมีท่อคู่ แต่จริง ๆ ไม่มี มีท่อออกจริงแค่ข้างเดียว (แต่ออก 2 ท่อนะ) ล้อแม็กซ์เป็นอัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18" พร้อมยาง Run-Flat ขนาด 225 / 45 R18 ที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นขนาด 245 / 40 R18

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ขยับเข้ามาด้านในบ้าง Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ตกแต่งเบาะนั่งด้วยหนัง ARTICO ทรงเบาะคล้าย Bucket Seat นะ  เพราะมีปีกมาโอบตัวเอาไว้ แต่นั่งสบายกว่า คู่หน้าปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้า แต่ปรับหมอนรองหัวไม่ได้ เบาะด้านหลังก็เป็นหนังเดียวกัน สามารถพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของ มีม่านบังแดดด้านหลัง เลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนที่กระจกข้างด้านหลังก็มีเช่นกัน แต่ดึงขึ้นและลงด้วยระบบมือ มาตรวัดความเร็วและวัดรอบเครื่องยนต์แบบ All - digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว (ใหญ่โคตร) และหน้าจอกลาง Infotainment แบบ MB Audio 20 หน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว ควบคุมได้ผ่าน controller และ Touchpad ตรงกลางรถ (ข้างคนขับ) รวมทั้งปุ่มบนพวงมาลัย แต่ไม่ใช่ระบบสัมผัสที่หน้าจอนะ ไม่ต้องไปลองแตะหรอก เสียเวลา รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth และสาย USB มีระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ไว้ให้ใชงาน รองรับการเพิ่ม Navigator เมื่อเอา SD Card มาเสียบ (แต่รุ่นที่ทดสอบไม่มีมาให้นะจ๊ะ) ส่วนกุญแจเป็นแบบรีโมท พร้อมระบบ Push Start ไม่มีระบบ Smart Entry มีเบรกมือไฟฟ้า แต่ไม่มีระบบ Auto Hold จ้า พวงมาลัยปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ถึงแม้ว่า Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde จะเป็นรุ่นเริ่มต้น (และเป็นรุ่นเดียวในรหัส C 220) แต่ก็ยังใส่ระบบความปลอดภัยแบบพื้นฐานมาให้ครบ ทั้งถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist, ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP, เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ, ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน รวมทั้ง Mercedes me connect ที่ช่วยตรวจสอบสถานะของรถเราได้ผ่านทาง Smartphone

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ส่วนระบบอำนวยความสะดวกนั้น Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ก็มีมาให้พอสมควร ทั้งระบบรักษาความเร็ว (Cruise control) และ จํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ใบปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า, ฟังก์ชัน ECO start / stop, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 - ZONE, ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารปรับได้ 64 เฉดสี (Ambient Lighting) และแน่นอนว่า จะต้องมีนาฬิกาแบบอนาล็อก อันเป็นเอกลักษณ์ที่ต้องมีในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกคัน

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ข้อมูลของตัวรถเยอะพอแล้ว เรามาเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ เส้นทางรีวิว ทดสอบรถยนต์ในวันนี้ ผมจะมีการใช้งาน 2 รูปแบบ ทั้งเดินทางภายในกรุงเทพแบบชีวิตประจำวัน กับการขับขี่นอกเมืองไป-กลับพัทยา ระยะทางเซ็ตละประมาณ 120 กิโลเมตร แล้วลองมาดูกันว่า ผมจับอัตราสิ้นเปลืองได้ที่เท่าไหร่บ้าง

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

เมื่อเริ่มก้าวเข้าไปนั่งภายในตัวรถ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde นั้น ผมว่าตัวเบาะนั่งได้กระชับดีนะ อาจจะมีบ้างที่รู้สึกถูกเบียดเล็กน้อยจากปีกเบาะที่โอบรับตัวเอาไว้ แต่ก็ยังนั่งขับได้สบาย ถึงแม้จะขับเป็นเวลานานก็ตาม ที่พวงมาลัยมีปุ่ม Multi-Function ให้เลือกกดทำนุ่นนี่นั่นได้ตามสบาย แทบจะคุมทุกอย่างได้ในที่เดียว ส่วนแผงตรงกลางข้างคนขับ มีปุ่มใช้ควบคุมหน้าจอกลางได้ จะเลือกแบบปุ่มหมุน หรือแบบ Touch Pad ก็ได้ตามสะดวก แต่ส่วนตัวผมชอบแบบใช้ปุ่มหมุนมากกว่า มันได้อารมณ์กึ๊ก ๆ ๆ ดี (ไปตีความกันเอานะ) หน้าจอลอยออกจากแผงคอนโซล แต่ตำแหน่งมันไม่อยู่ในจุดบังทัศนวิสัยในการขับขี่เลย เสียดายอย่างเดียวที่ไม่ได้เป็นระบบสัมผัส คอยจะเผลอเอามือไปจิ้มเรื่อย ชินกับการเทสรถคนอื่น (รถตัวเองก็ไม่ใช่เหมือนกัน ฮ่า ๆ ๆ) ปุ่มควบคุมบนคอนโซลก็ไม่ได้มีเยอะให้ดูรกรุงรัง ดูยุ่งยากในการกด มีเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นการควบคุมแอร์มากกว่า ส่วนช่องแอร์เป็นวงกลมสไตล์ท่อ Jet สวยงามตามท้องเรื่องของเมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่แล้ว ส่วนวัสดุภายในนั้นเกรดดี มีผสมผสานกันทั้งแบบ Soft Touch และ Hard Touch แต่ทุกชิ้นเปี่ยมไปด้วยวัสดุที่ดูดีมีราคาทุกชิ้นเลย

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ย้อนกลับไปแถวแผงด้านข้างคนขับอีกเล็กน้อย ตรงตำแหน่งที่รถรุ่นอื่นท ๆ ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งของเกียร์ แต่สำหรับบน Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเกียร์ไปเปลี่ยนที่ตำแหน่งก้านบนพวงมาลัย (ที่เดียวกับไฟเลี้ยวบนรถญี่ปุ่น) ตรงกลางข้างคนขับเลยเป็นการวางตำแหน่งของปุ่ม Controller และ Touchpad ขนาบข้างด้วยปุ่มอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยที่ชอบที่สุดคือปุ่มการเปลี่ยนโหมดขับขี่ ที่ปกติจะมีให้เลือกใช้งานได้ 3 แบบคือ ECO, Normal และ Sport มันสะดวกในการใช้งานมาก เอื้อมมือไปโยกเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเปลี่ยนการขับขี่จากท่านชายผู้แสนประหยัด ไปสู่โหมดกามนิตหนุ่มผู้เร่าร้อนได้ในการกระดิกนิ้ว 2 ที เจ๋งสุด

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

สิ่งที่ขัดใจผมในการนั่งขับ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde มีอยู่บ้างเล็กน้อย ก็ตรงที่ตำแหน่งในการวางขาซ้ายนั้น มันดันมีโป่งจากแผงคอนโซลข้างขานูนออกมาดันขาเล็กน้อย ทำให้การกางขาขับนั้นมันทำไม่ได้ เมื่อวางเท้าซ้ายเต็มเท้าไปจุดที่มีแผงวางเท้า หัวเข่ามันจะเบนกลับมาเอียงเข้าตรงกลางอยู่เล็กน้อย มันทำให้ตัวผมรู้สึกวางขาได้ไม่ถนัด ต้องยกเท้ามาวางเขยิบออกมาจากแผงวางเท้าเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นคงเมื่อยขาน่าดู แต่อันนี้มันอาจจะทำให้คนสรีระอย่างผมอึดอัดคนเดียวก็ได้นะ ของแบบนี้ต้องไปลองนั่งเอง

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

อ่ะ เรามาเริ่มขับออกเดินทางกันเลยดีกว่า สิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังจากการเดินทางบน Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ก็คือ เฮ้ย มันนั่งสบายอ่ะ ช่วงล่างดูไม่ตึงตังเหมือนตอนที่ขับ Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium เมื่อรอบที่แล้วเลย รอบนี้มันนุ่มนวลกว่าพอตัว อย่างว่าแหล่ะครับ เจ้ารถซาลูนตัวเล็กคันนี้ ออกแบบมาเพื่อการเดินทางปกติทั่วไป ไม่ได้ออกแบบมาให้ซิ่งกระจายเหมือนคันก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคันนี้จะซิ่งแบบชาวบ้านเขาไม่ได้นะครับ ในช่วงการเดินทางในกรุงเทพนั้น มันไม่ได้ทดสอบเรื่อง Performance ของตัวเครื่องยนต์เท่าไหร่ แต่มันสามารถทดสอบเรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่กันอย่างเต็มที่ ที่ชอบสุดเป็นเรื่องของพวงมาลัยนะ ที่มันอยู่ในน้ำหนักที่พอดีมือ ไม่เบาจนใจหาย หรือไม่หนักจนเมื่อยมือ สามารถหมุนไปมาตามช่องทางที่เราอยากจะไปได้อย่างสบายมือ และมันมีความแม่นยำสูงมาก ใช้การหมุนไม่มาก แต่รถสามารถหันไปได้ตามใจสั่ง ตัวอัตราทดของพวงมาลัยนั้น ใช้การหมุนจนครบวงเลี้ยวน้อยกว่ารถญี่ปุ่นระดับกลางประมาณหนึ่งเลย ทำให้ไม่ต้องสาวจนเมื่อยกว่าจะครบรอบ แต่ไม่ได้หมายความว่ารถมันจะหน้าไวไปกว่าเราต้องวการนะ ผมถือว่าขนาดนี้กำลังดีเลย ชอบ Feeling การใช้งานพวงมาลัยมาก

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ช่วยเรื่องความสะดวกสบายนั้น มันก็มีมาเพียงพอกับการใช้งานนะ อย่าง Apple CarPlay เนี่ย กลายเป็นของขาดไม่ได้ (สำหรับตัวผมเอง) ในการใช้งานรถยนต์ใหม่ไปแล้ว และการที่ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ไม่มีระบบนำทาง Navigator ให้ใช้งาน มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องลำบากอะไร เพราะถึงมีมาก็ไม่ใช้งานอยู่ดี (555) ผมชอบเลือกการเปิดใช้งาน Google Maps มากกว่า เสียบสายปั๊บ ขึ้นหน้าจอปุ๊บ สะดวกมากมาย แถมยังมีรายงานการจราจรแบบ Real-Time ได้อีกด้วย ค้นหาก็สะดวก หรือจะเป็นแผง Multi-Function บนพวงมาลัยก็คือความดีงามอีกระดับ ที่ช่วยให้เราไม่ต้องละมือไปจากพวงมาลัย คุมได้ทั้งหน้าจอกลางและหน้าปัดผู้ขับขี่ สะดวกมาก มี Touch Pad ไถ ๆ เลื่อนไปได้สะดวก กดปุ่มเลือบปั๊บ ๆ สบาย ชื่นชมการออกแบบสำหรับการวางตำแหน่งมือและนิ้วได้ดีจริง แต่ก็ใช่ว่ามันจะมีครบถ้วนทั้งหมดนะ ยังมีบางอย่างที่น่าจะใส่เข้ามาให้ด้วย อย่างเช่นระบบ Smart Entry ที่เอากุญแจใส่กระเป๋ากางเกง จับที่มือจับประตูแล้วรถปลดล็อกเลย น่าจะใส่มาให้นะ เพราะผมเองมองว่า มันดูไม่สะดวกเอาเสียเลย เวลาต้องคอยมาล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อมากดปุ่มเปิดประตูแล้วค่อยปลดล็อกได้ กับอีกระบบที่น่าจะใส่มาเช่นกันคือระบบ Auto Brake Hold ที่จะคอยกดเบรกไว้ให้อัตโนมัติเมื่อเรามีการกดเบรกจนรถหยุดสนิท และจะปลดตัวเองออกเมื่อกดคันเร่ง ผมว่าถ้ามีเพิ่มอีก 2 ระบบนี้ มันจะเพิ่มความสะดวกสบายได้อีกเยอะ เหมาะกับความหรูหราตามแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เลย (ขอเยอะไปป่าวหว่า)

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

การเดินทางในกรุงเทพนั้น ผมยึดการใช้งานโหมด Normal เป็นหลักตลอดเส้นทางครับ รูปแบบการใช้งานแบบชีวิตประจำวันที่ผมใช้เป็นประจำเลย คือออกเดินทางย่านชานเมือง เจอช่วงวิ่งได้บ้าง รถติดเคลื่อนตัวช้าบ้าง รถติดหนักบ้าง เข้าสู่ใจกลางเมืองหลายย่าน ทั้งลาดพร้าว จตุจักร สุขุมวิท คลองเตย อะไรประมาณนี้ ตัวเครื่องยนต์นั้นหายห่วงครับ เพียงพอสำหรับการใช้งานในเมืองอยู่แล้ว การออกตัวอะไรก็เป็นไปตามเท้าเลย จังหวะเร่งเพื่อเข้าช่องทำได้ทันใจ ช่วงรอรอบน้อยมาก ไม่ต้องเผื่อช่วงเปลี่ยนเลนว่าจะต้องเผื่อเวลาในการรอเครื่องยนต์หมุนด้วย แต่เมื่อลองใช้งานโหมด Eco เจอเลยครับ จังหวะดึงของเกียร์และเครื่องยนต์ไม่ให้ทำงานเร็วเกินไป มีจังหวะรอเล็กน้อยเผื่อให้เราเปลี่ยนใจอะไรหรือเปล่า ก่อนที่จะปล่อยกำลังลงไปที่ล้อเพื่อพาตัวรถออกไป แต่ไม่ได้มากมายอะไร มันคือการดึงเอาไว้ไม่ให้ออกตัวกระชากตัวรถ และเป็นการกระชากน้ำมันออกไปเผาไหม้ในห้องเครื่องเยอะด้วยเช่นกัน ไม่งั้นมันจะเรียกว่าโหมดประหยัดหรือ แต่ถ้าอยากสวมหัวใจสิงห์ จัดโหมด Sport เข้าไป ทีนี้รอบของเครื่องยนต์ไปปั่นรอเราเลยครับ จากรอบเครื่องช่วงเดินเบาโหมดปกติจะอยู่ที่ราว 700-800 รอบ/นาที มันจะปั่นเพิ่มไปเป็นประมาณ 900 รอบเลย และคันเร่งตอบสนองไวขึ้นอย่างชัดเจน แตะนิดก็พุ่งออกไปข้างหน้าแล้ว รวดเร็วทันใจจริง ๆ รวมทั้งน้ำมันในถึงก็รวดเร็วด้วยเช่นกัน (นิดนึง)

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

ขับในเมืองจนเบื่อแล้ว เรามาพา Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ไปยืดเส้นยืดสายนอกเมืองกันบ้างดีกว่า การเดินทางรอบนี้จะใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์เพื่อมุ่งหน้าสู่พัทยาครับ ขับกันแบบปกติทั่วไป มีเบาบ้างแรงบ้างตามสถานการณ์ มีลองรถบ้างบางช่วงที่รถว่างมากพอ (และไม่มีกล้อง) ชัดเจนครับว่าขุมกำลังเครื่องดีเซล ที่มีความแรง 194 แรงม้า มันทำให้การขับขี่รถไซส์นี้สนุกมากจริง ๆ ครับ การเปลี่ยนย่านความเร็วถึงมันจะไม่ได้ขนาดพุ่งพรวดสไตล์ Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium แต่ก็เปลี่ยนได้เร็วมากพอที่จะแซงคันอื่นได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร เร่งถึง 200 ได้โดยไม่ต้องลุ้นอะไรมากมาย การเก็บเสียงดีตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่แล้ว พวงมาลัยยังคงมีความแม่นยำและปรับน้ำหนักได้ดีแม้จะอยู่ในย่านความเร็วสูง ตัวรถมีขนาดคล่องตัว ทำให้การเข้าช่องต่าง ๆ สามารถเข้าไปได้อย่างใจต้องการ การทรงตัวทำได้ดีมาก การกระโดดขึ้นสะพานด้วยความเร็วไม่มีอาการสะบัดแต่อย่างใด การเข้าโค้งทำได้เรียบเนียน อาการท้ายไหลหาไม่เจอเลย ถึงจะเข้าด้วยความเร็วก็ตาม แต่ต้องเข้าใจว่าตัวรถนั้นมีขนาดไม่ได้ใหญ่อะไร ช่วงพ้น 160 กม./ชม. ขึ้นไปพอจะเริ่มมีความรู้สึกรถเบาขึ้นแล้ว ยิ่งเร็วมากขึ้น มันก็จะเจอมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร รถยังอยู่ในการควบคุมได้แน่นอน เพียงแค่ต้องมีสมาธิกับมันให้มากขึ้นเท่านั้นเอง (โหมด Normal เป็นส่วนใหญ่ มี Sport ในบางช่วงที่ต้องการความเร็ว)

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

สำหรับการ Test Drive ในรอบนี้ของ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde ผมได้ใช้การจับอัตราสิ้นเปลืองผ่านทางหน้าจอ โดยแบ่งการ Reset เอาไว้ 2 ช่วง คือการเดินทางในเมือง ที่มีแบบวิ่งยาว, วิ่งช้า, รถติด, ติดมโหฬาร เอาเป็นว่าครบถ้วนทุกรูปแบบในลักษณะผสมปนเปกันไป ระยะทางุประมาณ 120 กิโลเมตร ได้อัตราตัวเลขออกมาที่ 8.7 ลิตร/100 กม. แปลงเป็นแบบที่เราคุ้นเคยได้ 11.4 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนวิ่งระยะทางไกลจาก กทม. ถึงพัทยาอีกราว 120 กิโลเมตร วิ่งปะปนหลากหลายแบบ ทั้งวิ่งปกติไม่เกิน 120 กม./ชม., วิ่งกดแรงถึง 200 กม./ชม. และวิ่งได้เอื่อย ๆ ตามรถข้างหน้าไป สรุปรวมออกมาได้ 5.7 ลิตร/100 กม. หรือ 17.5 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ “ว้าว” มากเลยครับ ระดับนี้มันต้องรถพวก Eco Car หรือ Hybrid ถึงจะทำได้นะ ใครจะเชื่อว่าเครื่องยนต์ดีเซลของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะสามารถ Setting ให้ความแรงกับความประหยัดมาพร้อมกันได้ เอาจริง ๆ ถ้าขับแบบปกติมนุษย์มนาทั่วไป น่าจะได้เยอะกว่านี้แน่นอน (เรามันต้องทดสอบรถเนอะ ขออภัยด้วยครับ) แต่เมื่อดูตัวเลขระยะทางของการใช้นอกเมือง อาจจะมีคำถามว่า “เอ๊ะ ไปกลับกรุงเทพ-พัทยา น่าจะเกินนี้หรือเปล่า” ใช่ครับ มันเกินนี้ แต่ที่จับเอาขาเดียว เพราะว่าผมเอาไปวิ่งในเมืองพัทยาอยู่ประมาณหนึ่งเลย ทำให้ตัวเลขมันน่าจะคลาดเคลื่อนกับการใช้งานจริงแบบนอกเมือง (ใครว่าต่างจังหวัดรถไม่ติด) ก็เลยไม่ได้เอาส่วนตรงนั้นมานับรวมด้วยครับ

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

หลังจากใช้เวลาอยู่กับ Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde อยู่ระยะหนึ่ง พอจะสรุปเอาไว้ได้ดังนี้ครับ

ชอบ

  • พวงมาลัยเนียนมาก น้ำหนักดีทั้งย่านความเร็วต่ำและสูง ให้ความแม่นยำสูง การหมุนจนครบรอบไม่มากเกินไป
  • เป็นรถยนต์ Saloon ที่ขับสนุก คล่องตัว ช่วงล่างดีมาก นั่งได้นุ่มนวล แต่ไม่ย้วยเมื่อยามเข้าโค้ง รถนิ่งเกาะถนนมาก
  • ประหยัดน้ำมันกว่านี้ หาไม่ได้แล้ว

ไม่ชอบ

  • ออพชั่นน้อยไปนิด บางอย่างไม่ควรตัด อย่างเช่นระบบ Smart Entry ที่เปิดประตูได้เพียงแค่มีกุญแจในกระเป๋า ไม่ต้องเอาออกมากด หรือน่าจะเพิ่มระบบ Auto Brake Hold ช่วยลดอาการเมื่อยล้ายามขับในเมืองได้ (เข้าใจว่าตัวรถราคาไม่สูงครับ แต่เพิ่มเถอะ)
  • คอนโซลกลางมันนูนมาดันขาซ้ายไปนิด หุบลงไปสักหน่อยก็น่าจะวางเท้าได้สะดวกกว่านี้

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde

Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde เป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ เลยเสียภาษีสรรพสามิตเพียงแค่ 25% (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ดังนั้นจึงสามารถทำราคาจำหน่ายได้ที่เพียง 2,479,000 บาท สำหรับผมถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมากเลยนะ ราคาสูงกว่ารถซีดานขนาดกลางระดับตัวท็อปไม่มากเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ขับแล้ว มันก็เหมือนกับคุณได้อัพเกรดสถานะทางสังคมที่สูงขึ้นโดยอัตโนมัติจากสายตาคนอื่น โดยเฉพาะคณะผู้รักษาความปลอดภัยประจำห้างสรรพสินค้าหรืออาคารต่าง ๆ เชื่อผมเถอะ

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ