Hands on : Ford Eco Sport อเนกประสงค์ลุยขำๆ ชีวิตบ้านป่าของคนเมือง

  • โดย : Autodeft
  • 8 มี.ค. 57
  • 9,258 อ่าน

มาพบบททดสอบของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขนาดเล็ก Ford Eco Sport กันดีว่า จะเป็นอย่างไรมาอ่านได้เลย

 

 

ป่าคอนกรีต ทับศัพท์เสมอเหมือนที่หลายคนน่าจะเริ่มคุ้นกันดีกับคำนี้ แทนการเรียก “เมือง” ชีวิตที่โคตรสับสนวุ่นวาย และเราหลายคน ก็ยังหลงแสงสีกับมัน

ไม่แปลกใจที่เราหลายคนต้องเข้ามาอยู่ในเมือง เพื่อทำงานหาเลี้ยงชีพ รอเวลาพบคนรัก อันนี้ออกแนวเพ้อเจ้อและบลา บลา  จนค่ายรถยนต์พัฒนารถคนเมืองหรือซิตี้คาร์ขึ้นมา แต่พักหลังมานี้เวทีโลก เริ่มรถกลุ่มใหม่เริ่มขยายตัวออกมา โดยเฉพาะซิตี้คาร์ขนาดเล็กในแบบฉบับรถออเนกประสงค์

ทีแรกก็ไม่เอะใจอะไร จนกระทั่งตอนนั่งเรียนรู้วิชารถยนต์  Ford Eco Sport ที่ Ford  ขนเอาทีมวิศวกร บินจากทั่วโลกมาสาธยายให้เราว่ารถของพวกเขามีดีเด่นอะไร เรียกว่าแยกแต่ละชิ้นส่วนออกมา แต่แล้วก็ฉุกขึ้นได้หลังจากฟังว่า มันไร้ระบบขับ 4  แต่ยังเป็เรือนรางอเนกประสงค์ว่า นี่มัน รถซิตี้คาร์อเนกประสงค์เอาฮา ไม่ลุยไม่แรงไม่เปรี้ยว แต่เน้นฟังชั่นการใช้งานมากกว่ารถซิ่ตี้คาร์ทั่วไป

Ford Eco Sport เป็นรถที่เกิดมาตามความต้องการของยุโรป โดยออกแบบที่บราซิล หนึ่งทีมออกแบบ Mr. นิก ที่ทนตูดแฉะเจ็ทแล็กจากมาไทย เล่าให้ฟังว่า การออกแบบ Ford eco sport  และ Ford Everest ใหม่ มาจากพื้นฐานเส้นสายเดียวกัน แต่เมื่อถึงขั้นการออกแบบในรายละเอียดมีความต่างกัน ตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่วางเอาไว้

หากมองเรือนร่าง Ford Eco Sport  เป็นรถที่เน้นในความดูดีกลมกลืนทั้งความทันสมัยและความคลาสสิค ทางด้านหน้าได้เส้นสายการออกแบบตาม Ford  ยุคใหม่ ด้วยกระจังหน้าที่มีขนาดใหญ่ที่กันชน ดวงตาไฟหน้าทำให้ดูปราดเปรียว และมีคมสันมากขึ้น เส้นสายออกไปในแนวสปอร์ตแอบดูถึกเล็กน้อย สมส่วนความเป็นรถอเนกประสงค์ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ยกขึ้นจากเดิมเพิ่มเติมความดูแกร่งคล้ายกระบะของค่าย แต่ก็ยังตรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานเพียง  0.371 Cd

เส้นสายจากฝากระโปรงหน้าลาดผ่านหลังคาที่มีความต่อเนื่องรวมถึงด้านล่างก็พาดผ่านประตู 4  บาน ที่ดูอ้วนป้อมนิดหน่อย มาจบที่บั้นท้าย ซึ่งเน้นในการออกแบบให้มีความคลาสสิค สอดรับเข้าความทันสมัยด้วยไฟท้าย แต่จุดเด่นคือการเอายางอะไหล่มาแปะติดตูไว้ข้างนอก นิกบอกเราว่า เพราะว่ามันใช้งานง่ายในความเป็นจริง เวลารถเกิดปัญหา อย่างน้อยก็ไม่ต้องรื้อของกองแล้วถอดเปลี่ยนยาง ท้ายสุด  Ford Eco Sport  ยังต้องมีความคล่องตัว จึงอออกแบบ ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังของรถให้มีระยะยื่นที่สั้น

แม้จะเปิดตัวว่าเป็นรถอเนกประสงค์ก็จริงแต่ในความเป็นจริง  Ford Eco Sport ไม่ได้ใหญ่กว่าซิตี้คาร์คันหนึ่งเลย ด้วยความยาวเพียง  4,241  ม.ม. กว้าง 1,765  ม.ม. และสูงเพียง 1,658 ม.ม. ในขณะที่ฐานล้อยืดกว้าง 2,521 ม.ม. ตอบเรื่องความคล่องตัวเป็นอย่างดี และยังสูงกว่าซิตี้คาร์ทั่วไป ด้วยระยะต่ำสุดจากพื้น  200 ม.ม.

ภายในห้องโดยสาร Ford ตั้งใจให้มันเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ลงตัวในการใช้งาน จึงออกแบบเน้นเรื่องความสามารถมากกว่า ด้วยพื้นที่โดยสารที่สามารถรับ ผู้โดยสารสูงสุด 5  คน  พร้อมห้องสัมภาระตอนท้าย ซึ่งสามารถจุของได้มากถึง  346  ลิตร และเบาะที่สามารถปรับพับได้ สามารถขยายไดถึง 705 ลิตร ถ้าคิดไม่ออกให้นึกถึงเครื่องสักผ้าขนาด 5  กิโลกรัมที่คุณสามารถยัดเข้าไปไว้ในห้องโดยสารตอนหลังได้ แต่น่าเสียดายที่คุณไม่สามารถพับเบาะจากช่วงห้องสัมภาระได้

Test Drive Ford Eco Sport

Test Drive Ford Eco Sport

ที่สำคัญแปลกแต่จริงที่ Ford  เลือกที่จะทำประตูห้องสัมภาระแบบประตูตู้เย็น แถมดันอาจจะไม่ได้ปรับให้เข้ากับบานเราเพราะประตูเปิดขวาไปซ้าย จะว่าเป็น global design  ก็อาจจะจริงอยู่ แต่การที่คุณเปิดของเข้าหาฟุตบาทคงไม่ใช่เรื่อง่ายต่อการหยิบของ ทั้งสุ่มเสี่ยงโจรขโมยกระชากกระเป๋า หรือ อุบัติเหตุถ้าหากคุณเผลอเรอ ตรงนี้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่สุด

นอกจากนี้ประตูห้องสัมภาระท้ายเอง ยังไม่มีช่วงล็อกตรงกลาง นอกเสียจากว่าคุณเปิดอ้าสุดในคราวเดียว เว้นแต่จะแอบพิงกำแพงหรือรถข้างหลัง รวมถึงการเปิดออกทางด้านข้างอาจจะเป็นปัญหาคุณที่คุณจอดรถชิดกำแพง หรือมีรถคันอื่นมาจอดต่อท้าย อาจจะทำให้การเก็บของสู่ห้องสัมภาระไม่สะดวกมากมายนักในการใช้งานจริง

แม้ว่าการขนของจะถูกบดบังประสิทธิภาพด้วยรายละเอียดของประตูบานท้าย แต่ในเรื่องความทันสมัยก็ยังจัดเต็มปรี่จนต้องร้องว่าอุแม่เจ้า ไม่อับอายรถพี่น้องของค่าย Ford  เลย

Test Drive Ford Eco Sport

ด้วยความเหมือน Ford Fiesta Minorchanged  เจ้า Ford Eco Sport ได้อานิสงค์หลายๆอย่างมาประกอบร่างสร้างความงาม ตั้งแต่มาตรวัดแนะนำโทนการตบแต่งเรืองรองด้วยสีฟ้า Ice blue รวมถึงในรุ่น  Titanium อย่างที่เราขับ ยังมีระบบ Ford Sync แนะนำความง่ายในการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือของคุณ

ในรุ่นท๊อปเหมือนที่เราทดสอบในวันนี้ยังมาพร้อมหลังคาซันรูฟ ซึ่งยากมากที่จะพบในรถราคา 8 แสนกว่าบาท แต่ก็น่าแปลกเพราะเมื่อคูหู เรากระแทกคันเร่งหักพวงมาลัยเข้าโค้ง การหาที่ยึดตัวหรือมือจับ ซึ่งควรมาให้อย่างแรง!!  ยิ่งในความเป็นรถอเนกประสงค์ สมควรจะมี กลับหายไปแบบงง ๆ ... อย่าว่าแต่ผู้เขียนงงเลย ทีมวิศวกรฝรั่ง ก็งงว่าอ้าวตกลงไม่มีได้ไง ...

ใต้ฝากระโปรง  Ford Eco Sport  แนะนำมาพร้อมเครื่องยนต์   4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5  ลิตร พร้อมระบบกระเดื่องกดวาล์วแปรผันอิสระ  Ti-VCT  ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า 6,300 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 142  นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที

Test Drive Ford Eco Sport

ที่จริง  Ford Eco Sport   แนะนำระบบส่งกำลัง  2 แบบ ทั้งเกียร์ธรรมดา  5  สปีด และเหมือนอย่างที่เรากำลังขับอยู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ Powershift   6 สปีด  ระบบเกียร์ที่ค่อนข้างชาญฉลาดอยู่เป็นทุนเดิม และน่าจะเรียกว่าทีเด็ดของค่าย Ford

เครื่องยนต์ 1.5  ลิตร  Ti VCT  น่าจะคุ้นเคยจาก  Ford Fiesta  แม้ Ford Eco Sport  จะเป็นรถที่ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายในเรื่องขนาด แต่ การเซทการขับเคลื่อนแตกต่างโดยสิ้นเชิง ตอนนั่งเรียงวิชา  Ford Eco sport  ทางทีมวิศวกรบอกว่า พวกเขาได้ปรับระบบส่งกำลังใหม่ โดยเปลี่ยนเพียงเฟืองท้ายให้จัดจ้านขึ้นกว่า  Ford Fiesta

และในระหว่างที่เรากำลังขับอยู่นี้ถ้าคุณเคยผ่านมือ  Ford Fiesta 1.5  ลิตร มาบ้าง จะรู้สึกได้ทันทีว่า รถออกตัวดีว่าเดิมค่อนข้างมาพอสมควร แต่เมื่อขับไปตามทางหลวงต้องเดินทางไกล ก็อาจจะเริ่มไม่สนุกนัก เพราะในจังหวะเร่งแซงหลายครั้งที่กดคันเร่งลงไป รถจะยังไม่เร่งแซงทันที แต่ดูเหมือน มันจะพยายามค่อยๆ เร่งแซงจนกระทั่งทนไม่ได้ต้องเหยียบคันเร่งมิดพื้น เกียร์ จะสับจาก 6 >>5>>>4  เจ้า  Ford Eco Sport  จะเร่งดีขึ้นมาทันทีทันใด แต่หลายครั้งกว่าจะตอบสนองก็เสียจังหวะไปแล้ว

เพื่อความมั่นใจเลยลองวัดอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. พิสูจน์ดูสมรรถนะในการเร่งบนทางหลวง และFord Eco Sport  ทำเวลาได้ที่ 14 วินาทีพอดี ถือว่าค่อนข้างอืดอาดหน่อย แต่ก็พอได้อยู่ ถ้าคิดว่ามันเป็นรถอเนกประสงค์ที่เน้นขับสบายๆ

Test Drive Ford Eco Sport

 แง่หนึ่งจากที่สัมผัสได้ ในระหว่างที่ขับไปตามทางเพื่อกลับไปยังปลายทาง ดูเหมือนว่าเป็นการเซทการตอบสนองของกล่องสมองกลเกียร์เน้นความประหยัดไม่กระโชกโฮกฮากมากจนเกินไปนัก เกียร์ตอบสนองในแบบที่คนแก่อาจจะถูกใจ เหมาะเป็นรถเดินทางไกลแบบขับชิวไปเรื่อยๆ ตามทาง หรือมีเพื่อนคอยนั่งเมาท์มอยคลายเหงา

แง่หนึ่งที่ชัดเจนเลยคือ การเซทการทำงานของรอบเครื่องยนต์ เมื่อเดินทางไกล ซึ่งเน้นรอบแรงบิดมากขึ้นกว่าซิตี้คาร์ของค่าย โดยเฉพาะความเร็วเดินทางปกติ 120 ก.ม./ช.ม. จะใช้รอบเครื่องยนต์สูงถึง  3100 รอบต่อนาที หรือถ้าต้องขับประหยัดน้ำมันที่  90 ก.ม./ช.ม. ก็ยังใช้รอบเครื่อง  2250  รอบต่อนาที แต่ถ้ามองในภาพรวมจากความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่เคยผ่านๆมา ก็เรียกว่าลงตัวดี ในการขับขี่

Test Drive Ford Eco Sport

ในช่วงความเร็วต่ำ  Ford Eco Sport  ตอบสนองการขับขี่ที่น่าถึงพอใจด้วยอัตราเร่งที่พอดีๆ ไม่แรงไปหรืออืดเกิน และเข้าทีกับ พวงมาลัยช่วงผ่อนแรงไฟฟ้า พร้อมระบบ Pull-Drift Compensation มีข้อดีการที่มันสามารถจะปรับน้ำหนักตามสภาพความเร็วได้ เพิ่มความคล่องตัว เมื่อรวมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และการออกแบบตัวถังรถให้ระยะยื่นน้อยมาก ช่วยให้รถมีความคล่องตัวเป็นพิเศษ แถมด้วยขนาดเรือนร่างของรถเอง ทำให้ การเข้าไปวิ่งในเส้นทางที่คับแคบเป็นเรื่องสบายๆของ  Ford Eco sport ไปในบัดดล

การเป็นรถอเนกประสงค์คนเมือง แม้จะไม่ใช่เรื่องบ่อยนักสำหรับการที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค แต่วิถีคนเมืองในป่าคอนกรีตก็ไม่ง่ายนักอย่างทีคิด การต้องฝ่าลูกระนาดที่หัวสั่นหัวคลอน รวมถึงสะพานกระโดด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การออกแบบ  Ford Eco Sport เพิ่มระยะต่ำสุดจากพื้นมากถึง   200 ม.ม.

ถ้านึกไม่ออกว่า 200 ม.ม. นี่ทำอะไรได้บ้าง  Ford  ก็จัดแจงจำลองสภาพการณ์ง่ายๆ อย่างฟุตบาททางเท้าที่เราเห็นทั่วไป  Ford Eco Sport  ใหม่สามารถนอกลู่นอกทางปีนป่ายขึ้นและลงได้ สามารถห้าวเป้งได้เป็นบางเวลาและเช่นเดียวกัน สำหรับ ชีวิตคนเมืองหน้าฝน ที่บ้านใครต้องฝ่าซอยที่เทศบาลไม่ค่อยเหลียวแล ชอบเปลี่ยนจากถนนเป็นคลองได้ทุกเมื่อ  Ford Eco sport  ยังสามารถลุยน้ำได้สูงถึง   550 ม.ม. หรือ กว่า  60 %  จากรุ่นกระบะ

Test Drive Ford Eco Sport

ความสามารถในการลุยที่เพิ่มขึ้นมา เป็นสมรรถนะที่โดดเด่นของ  Ford Eco Sport  ด้วยการให้ความสามารถมากขึ้นแต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นที่คุณไปลุยทางออฟโรดได้เสียทีเดียว

การเซทระบบกันสะเทือนของรถ แม้จะยังคุ้นเคยกับแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และด้านหลังทอร์ชั่นบีมทางด้านหลัง  แต่ความรู้สึก ถ้าเทียบกับเก๋งซิตี้คาร์นั้นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ในถนนที่มีสภาวะไม่สู้ดีอุดมด้วยหลุมบ่อประดุจดวงจันทร์  Ford Eco Sport  ด้วยช่วงโช๊คอัพ ที่มีความยาวกว่าทำให้มีการกระแทกน้อยกว่า รวมถึง รถที่สูงนี้ยังดูมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีกว่า ด้วยตัวสปริงเซทออกมาค่อนข้างแข็งพอสมควร เมื่อบวกเข้ากับโช๊คช่วงยาวแล้ว มันจึงมีความลงตัวในแง่ของการเดินทาง ด้วยความนิ่มนวลที่แฝงไว้ในความแข็งกร้าวในการขับขี่ แต่ไม่มีความกระด้างแบบรถลุยขนานแท้

ช่วงขับความเร็ว  Ford Eco Sport  ตอบเรื่องเสถียรภาพในการเกาะถนนที่ดี รถที่สูงขึ้นกว่ารถเก๋งไม่ใช่ปัญหาการเข้าโค้ง หรือแม้จะทำความเร็วสูง กว่า 172  ก.ม./ช.ม. หลังจากที่ น้าตั๋มออนเดอะโรด ได้พิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าสามารถทำได้อย่างแน่นอน  แต่ด้วยโครงสร้างตัวถังเบาเมื่อเจอลมแรงก็ยังเป็นปัญหามีอาการโคลงอยู่บ้างเล็กน้อย

ภาพรวมของ  Ford Eco Sport  อาจจะไม่ได้เป็นรถอเนกประสงค์ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากนัก เครื่องยนต์มีดีพอตัวแต่ยังไม่หวือหวาอย่างที่คิด ก็น่าจะคล้ายกับชื่อของรถ “Eco Sport” คำสองคำที่ยังไม่เคยไปด้วยกันได้สักที เว้นแต่เจ้าขุมพลัง  Eco Boost ซึ่งยังไม่มีจำหน่ายใน Ford Eco Sport  แต่หากคุณเฉยๆเรื่องการขับขี่แล้วชอบฟังชั่นการใช้งาน  Ford Eco Sport  จะตอบโจทย์อย่างแน่นอน ถ้าสามารถมองข้ามบางอย่างไปได้ ....

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ขอบคุณ  Ford  ประเทศไทย  ที่เอื้อเฟื้อทีมงานเข้าร่วม การทดสอบ  Ford Eco Sport  

 

รถทดสอบ  Ford Eco Sport Titanium

Ford Eco Sport Titanium ราคาจำหน่าย 829,000 บาท

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY353]

5 เรื่องน่าสนใจ