Full Drive : Hyundai Veloster Turbo เร้าสมรรถนะในราคาที่จับต้องได้
- โดย : Autodeft
- 22 เม.ย. 57 00:00
- 14,604 อ่าน
มาแล้วในที่สุดของบททดสอบรถเกาหลี สุดเร้าใจ Hyundai Veloster Turbo
เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ติดต่อพูดคุยได้ที่ [email protected]
หากพูดถึงประเทศผู้ผลิตรถยนต์หน้าใหม่ๆ เชื่อได้เลยว่า เกาหลีจะกลายเป็นประเทศที่ได้รับการจดจำย่างมาก พวกเขาไม่เพียงประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนารถยนต์ให้มีสมรรถนะที่ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถพัฒนาศักยภาพทางด้านการออกแบบให้รุดหน้าอย่างมาก จนรถเกาหลี อย่าง Hyundai ติดตาต้องใจคนมาแล้วทั่วโลก
รถรุ่นหนึ่งที่วันนี้คนกระเป๋าหนักในไทยเริ่มหันมามองไม่ใช่เพียงแค่รถที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม แต่ยังมีสมรรถนะที่ดี ที่สำคัญ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ทำรถกลุ่มเดียวกันออกมาวางจำหน่ายแล้ว มันมีราคาถูกกว่าเกือบครึ่งและสมรรถนะที่ดีกว่า และเรากำลังพูดถึงรถสปอร์ตขับหน้าชั้นเลิศผลงานล่าสุดของค่ายเกาหลีในนาม Hyundai Veloster ที่สามารถตราตรึงใจคนมาแล้วทั่วโลก
Hyundai Veloster เป็นรถที่เกิดขันจากวิสัยทัศนของ Hyundai Motor ในเกาหลี พวกเขามองว่าคนทั่วไปที่ใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลางอาจจะต้องการรถที่มีความแตกต่างมีสมรรถนะดี ที่สำคัญ ถึงแม้มันจะกลายเป็นรถสปอร์ต แต่ก็ต้องไม่ถูมองว่า เป็นรถเห็นแก่ตัว ไปไหนมาไหนสองคน หรือบางทีไปเดินตามห้างแล้ว อยากได้ทีวีจอยักษ์กลับบ้านก็ไม่ต้องเพิ่งบริการส่งของให้วุ่นวาย
โจทย์ต่างเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลี ในช่วงปี 2006 ซึ่งประเทศได้เริ่มก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนของการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้ค่ายรถยนต์เกาหลี ต้องการสร้างรถยนต์ที่เป็นรถสปอร์ตที่ตอบโจทย์โจทย์ในการใช้ชีวิตรอบด้าน ครั้งจะพูดว่า Hyundai ผลิตรถยนต์ Hot hatch ซิตี้คาร์คันจิ๋วที่มาพร้อมสมรถนะในการขับขี่ที่ดี ก็ดูว่าอาจจะธรรมดา ไป ก็เลยก่อเกิดเป็นการตั้งต้นรถสปอร์ตใหม่ที่ไม่เหมือนใคร
Hyundai Veloster เป็นผลผลิตของการออกแบบ ภายใต้โครงการพัฒนาแห่งยุค Hyundai HND 3 ซึ่งนำออกเปิดตัวครั้งแรกในโลกในงาน Seoul Motor Show ปี 2007 โดยเจ้ารถต้นแบบคันนี้ออกแบบในเกาหลี ในศูนย์การพัฒนาการออกแบบที่นัมยาง และมีการขัดเกลาอีกหน่อยก่อนที่เวอร์ชั่น ซึ่งเราจะเห็นเป็นรูปร่าง อย่าง Hyundai Veloster ในปัจจุบัน จะเปิดตัวในงาน Detroit Auto Show ในปี 2011 ซึ่งเป็นระยะเวลาประจวบเหมาะพอดี กับก่อนหน้านั้น Hyundai ตัดสินใจจบรุ่นสปอร์ต Hyundai Tiburon จากตลาดไป
รถต้นแบบก่อนผลิตจริงของ Hyundai Veloster
ชื่อ Veloster นั้นมาจากการเล่นสมาสคำ ระหว่างคำว่า Velocity บวกเข้ากับคำว่า Roadster ทำให้ เจ้าสปอร์ตน้องใหม่ ถูกคาดหวังว่ามันจะมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเหมือนชื่อของมัน การเปิดตัวในไทยเมื่อปีกลาย Hyundai ตัดสินใจนำมันเข้ามาให้คนกระเป๋าหนักได้เลือก 2 รุ่น มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ N/A และเครื่องยนต์เทอร์โบ ให้เลือกตามกำลังทรัพย์
หนนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เขียน มาพบ Hyundai Veloster เพราะก่อนหน้านี้ Hyundai พาเราสัมผัสตัวตนของ Hyundai Veloster มาก่อนแล้วถึงประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา แต่ว่าในครั้งนั้น เราได้เพียงสัมผัสรุ่นเครื่องยนต์ N/A ซึ่งก็สมน้ำสมเนื้อในสมรรถนะ และด้วยชื่อของมันที่เกิดจากคำว่า Velocity + Roadster ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะลิ้มลองเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จดูบ้าง
แม้ว่าจะเป็นรถรุ่นเดียวกัน ต่างกันที่เครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรง แต่ Hyundai ก็ให้ความสำคัญในความแตกต่างของรถตั้งแต่เรื่องของการออกแบบภายนอกกันเลยทีเดียว
ทรวดทรงรถที่เป็นการออกแบบรถสปอร์ตคูเป้ ผสานเข้ากับ รถสไตล์ท้ายลาด ถูกเขย่าออกมาเป็นทรงการออกแบบของ Hyundai Veloster ซึ่งต่างจากสปอร์ตรุ่นอื่นๆที่มีในตลาด เพราะจะว่าเป็นคูเป้ ก็ไม่ใช่ จะเป็นแฮทช์แบ็คก็ไม่เชิง
สไตล์ของรถ Hyundai Veloster ที่ดูประหลาดแตกต่างไปนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความแปลกใหม่ในการทำตลาดรถสปอร์ต แต่ยังต้องดูลงตัวในตัวตนของมัน และในรุ่นเทอร์โบครบครันด้วยความรู้สึกที่มอบความทันสมัยมากกว่า ทั้งกระจังหน้า 6 เหลี่ยม ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ลากความคมเข้มไปสู่ด้านข้างต่อเนื่องสู่ด้านหลังที่มาพร้อมไฟท้ายแบบ LED เช่นเดียวกับกันชนหลัง ที่มีการออกแบบให้ความลงตัว มาพร้อมชุดดิฟฟิวเซอร์ติดตั้งจากโรงงาน
แถมยังเท่ห์กับท่อไอเสียคู่ออกตรงกลาง นั่นยังไม่พอเมื่อเทียบกับล้ออัลลอย ขอบ 18 นิ้ว กว้าง 7.5 นิ้ว ที่มาพร้อมยาง ขนาด 215/40 R18 จากโรงงานวาดลวดลายคมดาบปัดเงา ที่ไม่ว่าใครดูแล้ว ต้องยกนิ้วเยี่ยมให้ว่า คิดได้ไง และ ถ้าคิดว่า Hyundai Veloster มีความสปอร์ตหมดจดแล้ว ลองดูที่สีรถ ซึ่งเรานำมาทดสอบ หลายคนมักคิดว่าเรานำไปหุ้มสติกเกอร์
พุทโธ่ ..เอ้ย ...รถทดสอบ ใครเข้าจะเอาไปลงทุนหุ้มสติกเกอร์ นี่เป็นสีพิเศษ และมันดูพิเศษที่สุดในสารระบบที่เคยขับทดสอบมา กับ สี Petrol Grey สีเทาเข้มด้าน ที่ดุดัน และมีเฉพาะใน Hyundai Veloster Turbo เท่านั้น
แม้การออกแบบจะมีความเด่นชัดมากว่า มันถูกทำให้เป็นสปอร์ตลงตัว แต่ความเป็นตัวตนในเรื่องการใช้งานก็ไม่ขาดหายไป ก่อนอื่นเลย Hyundai ให้ความสำคัญมากต่อการขับขี่ในเมืองมันต้องเป็นรถยนต์สปอร์ตชั้นเลิศ ที่สามารถใช้เดินทางไปได้ทุกที่ ในเมือง ว่าไปก็ขับง่าย จอดง่าย
นั่นทำให้เรือนร่างของ Hyundai Veloster มีขนาดไม่ได้ต่างจากรถคอมแพ็คคาร์ที่เราคุ้นเคยนัก ความยาว 4,250 ม.ม. กว้าง 1,809 ม.ม. และ สูง 1,399 ม.ม. รวมถึง ฐานล้อที่ยาว 2,650 ม.ม. และระยะต่ำสุดจากพื้นเพียง 143 ม.ม. ซึ่งอาจจะทำให้มันเตี้ยกว่ารถธรรมดา แต่อย่างได้กังวล เพราะไม่ได้ถึงขนาดเตี้ยติดพื้น จนต้องโยกซ้ายขวาเมื่อเจอลูกระนาด
ไฮไลท์สำคัญของ Hyundai Veloster ทั้งรุ่นธรรมดา และเทอร์โบนั้นอยู่ที่การออกแบบห้องโดยสาร เริ่มตั้งแต่การต้อนรับเข้าสู่ภายในนั้น ก็มีความลงตัวมากกว่า แม้จะเป็นสปอร์ตแต่ต้องใช้งานได้ โจทย์นี้ทำให้ Hyundai Veloster Turbo และรุ่นธรรมดา มาพร้อมการออกแบบประตูแบบ 2+1
การออกแบบ ประตู แบบ 2 +1 นี้เป็นการหดประตูด้านหลังฝั่งคนขับออกไป การไร้ซึ่งประตู 1 บาน ทำให้ มันลดค่าใช้จ่าย ได้มากโขต่อการผลิตรถ ทั้ง บานพับ งานขึ้นรูปประตู รวมถึงกระจกและ ชุดขับเคลื่อนกระจกขึ้นลง ตามยุคสมัยกระจกไฟฟ้าครองเมือง
ข้อดีของการออกแบบเช่นนี้ นอกจากเป็นการลดต้นทุนที่สมเหตุสมผล รถสไตล์แปลกนี้ ทำให้คุณดูหล่อเมื่อขับไปคนเดียว มันมีความรู้สึกเหมือนอารมณ์ขับรถสปอร์ตคูเป้ แต่ยามที่สาวเจ้าต้องการเอาเพื่อนเดินทางไปด้วยคุณก็ไม่หวั่นใจ ว่าจะต้องพับเบาะกระดกพวกเธอม้วนตัวลงไปนั่งเบาะหลัง แบบที่รถคูเป้ส่วนใหญ่มักจะเป็น แค่เพียงให้ขึ้นทางประตูหลังฝั่งคนนั่งก็ก็เข้าออกได้สบาย
แม้ประตูจะมีถึง 3 บาน แลคล้ายรถกึ่งซีดานลูกผสม แต่ความเป็น Roadster ก็ยังไม่ทิ้งคราบโดยเฉพาะประตูหน้าที่ยาว และค่อนข้างมีน้ำหนัก สาวไทยไซส์มินิส่วนใหญ่จะมีปัญหากับการปิดประตูให้แน่น ก็ไม่น่าแปลกใจนัก
เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร การออกแบบทั้งหมด จะเน้นไปที่ความทันสมัยที่กลมกลืนอย่างลงตัว การแนะนำการออกแบบที่ทันสมัยถูกปรับให้เข้าความสปอร์ต โหมดรงด้วยสีดำเงา glossy Black รับเข้ากับการตัดโทนด้วย Silver Accent ทำให้มัน มีความดูดีไม่น้อย
ตรงหน้าคนขับได้พวงมาลัยสามก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังชั่นที่ดูเยอะไปนิด เมื่อเทียบคำว่ารถสปอร์ต ส่วนหลังพวงมาลัยมี Paddle Shift ให้กระดกบริหารนิ้วมือในยามใช้ความเร็ว ตรงหน้าได้มาตรวัด Super Vision ที่ส่องสว่างลงเห็นข้อมูลชัดเจน ส่วนตรงกลางเป็นระบบความบันเทิงที่แสดงผลผ่านจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว เสียดายที่มีระบบนำทาง แต่อาจจะถูกมองว่าไม่จำเป็น ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เพิ่มความสบายในห้องโดยสาร
เบาะนั่งออกแบบให้โอบกระขับมากที่สุดเพื่อการทรงตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในยามเข้าโค้ง ดีกว่ารถสปอร์ตรถระดับเดียวกันตรงที่มันการปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางมาด้วย รวมถึง ระบบดันหลังช่วยผ่อนคลายยามเดินทางไกล ส่วนคนนั่งก็ตามอัตวิสัย ของความเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ซึ่งตัวเบาะด้านหน้า แม้จะโอบกระชับแต่ไม่ได้สร้างความอึดอัดที่รองนั่งก็เต็มสะโพกดีและโอบกระชับพอสมควร
ห้องโดยสารตอนหลังเอง การขึ้นลงทางเดียว มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะใครที่เป็นโรคกลัวที่แคบ แล้วต้องเข้าไปนั่งซุกหลังคนขับ อาจจะรู้สึกว่า ถูกเอาซุกมุม มีความอึดอัด อาจจะเป็นเพราะ กระจกบานหลังฝั่งคนขับไม่สามารถเปิดได้ ทำให้รู้สึกเช่นนั้น แถมแทนที่เบานั่งตอนหลังจะมีความสามารถในการจุได้ 5 คนในบางสถานการณ์ที่อาจจำเป็น แต่วิศวกร Hyundai ก็เล่นฟิกตำแหน่งให้นั่งแบบ 2+2 ( ตอนหน้า 2 คน ตอนหลัง 2 คน) เพียงอย่างเดียว ด้วยที่วางแก้วน้ำ
ยังดีที่เบาะหลังสามารถแยกพับได้อย่างอิสระ 60/40 เมื่อ คุณต้องการขนของชิ้นใหญ่ อย่าง TV จอ 42 นิ้ว สามารถขนกลับบ้านได้อย่างสบายใจ เพราะลองมาแล้ว รวมถึงในรุ่นเทอร์โบ ยังมาพร้อมหลังคา Panoramic Roof บานใหญ่สามารถเลื่อนเปิดได้ ถ้าคุณชอบแสงแดดจ้าของบ้านเรา
การเป็นรุ่นเทอรโบ ทำให้เราค่อนข้างจะคาดหวังอย่างมากกับสมรรถนะในการขับขี่ของ Hyundai Veloster Turbo และในรุ่นนี้เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.6 ลิตร พัฒนาพละกำลังด้วยระบบเทอร์โบชาร์จช่องคู่ ให้กำลังสูงสุด 186 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และให้กำลังแรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร เรียกใช้ได้ ตั้งแต่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที ซึ่งจากการทดสอบพบว่าใช้กำลังแรงอัดเทอร์โบ สูงสุดที่ 15.8 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว หรือ ราวๆ 1.1 บาร์ โดยประมาณ
กำลังขนาดนี้ ถ้าเทียบกับรถเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีความจำหน่ายในปัจจุบัน หลายรุ่น ด้วยแรงม้า อาจจะพูดได้เต็มปากว่ามีความใกล้เคียงกันแต่เมื่อมีเทอร์โบความเร้าใจของแรงบิดที่ได้นั้นจะมากกว่าเป็นเท่าตัว แต่บทพิสูจน์ที่สำคัญนั้นอยู่ที่อัตราบริโภคน้ำมันด้วย
การเดินทางออกตะลุยแสงสีในกรุงเทพมหานครยามเย็นนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายของศุกร์ที่รถติดมหาศาล แม้ว่า Hyundai Veloster Turbo ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบจะขับง่ายด้วย ระบบเกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบ Sequential Shift 6 สปีด และเป็นระบบเกียร์แบบเดียวที่จำหน่ายในบ้านเรา
แม้ว่าจะขับง่ายแต่คันเร่ง Hyundai Veloster Turbo ที่ออกไปทางความสปอร์ตมีความแข็งในตัวมัน ทำให้การขับขี่ในช่วงรถติดจะต้องใช้ความใจเย็นการเดินคันเร่งมากไป นอกจากจะทำให้ใช้เบรกมาก เพราะ แรงบิดที่มาในรอบต่ำ อาจจะพาเจ้า Veloster ไปปะดากของชาวบ้าน แล้วยังเปลืองน้ำมันและเบรกโดยใช่เหตุ
พวงมาลัยเองก็ค่อนข้างจะหนักนิดหน่อยแต่พอรับได้ความหนืดของพวงมาลัย ส่วนหนึ่งมาจากหน้ายางของรถ ที่ใช้ถึง 215/40/R18 และระบบช่วงล่างก้ออกแนวแข็งๆ กระด้างนิดๆ ยามใช้ความเร็วต่ำ แต่ที่พูดมานี่ไม่ได้บอกเลยว่าเป็นข้อเสีย หากมันคือธรรมชาติของรถสปอร์ตสมรรถนะสูง
การป้วนเปี้ยนไปมาของเราในเมืองจบที่การเติมน้ำมันเพื่อวัดอัตราประหยัด หลายคนอาจจามว่าทำไมต้องวัดเมื่อเราพูดว่า มันเป็นรถสปอร์ต แต่ด้วยโจทย์ของ Hyundai ซึ่งเน้นที่การเป็นรถที่ใช้งานได้ทุกวัน มันจึงต้องตอบความประหยัดได้ และอาการรถติดหนักสาหัสในกทม.ยามเย็นวันศุกร์ ก็อาจจะทำให้ คุณต้องจ่ายน้ำมันแพงถึง 6.87 ก.ม./ลิตร เลยทีเดียว
อัตราซดน้ำมันนี้ถือว่าค่อนข้างกินเกินกว่าที่คาดเล็กน้อย ใช่แล้ว เราคงคิดเหมือนกันว่า ทำไมเครื่อง 1.6 ลิตรเทอร์โบ ซดแทบไม่ต่างจากบล็อกใหญ่ 6 สูบ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการทำให้เทอร์โบตอบสนองดีในรอบต่ำ ทำให้ เมื่อคุณเร่งไม่ได้มาก แต่การคำนวณว่าเทอร์โบเริ่มทำงาน ต้องจ่ายน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งผสมกับ อัตราบูสต์สูงสุดที่ 1 บาร์ ก็ย่อมทำให้เราได้คำตอบว่า ทำไมมันถึง ได้ซดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น
ในเมืองอาจจะไม่ที่เหมาะสำหรับการขับ Hyundai Veoloster Turbo เมื่อนับว่า มันเป็นรถเครื่องแรงสมรรถนะสูงต้องมานั่งจับเจ่าท่ามกลางการจราจรที่ติดจัด และนั่นทำให้เรารู้ทันทีเมื่อขับมันออกนอกเมืองว่า นี่จะเป็นหนังคนละม้วน
การเดินทางไปไม่ไกลจากเมือง ใน Hyundai Veloster ทำให้เรารู้ทันทีว่าเมื่อยามที่ต้องเดินทางไกล Hyundai Veloster Turbo ก็มีดีไม่แพ้กัน ส่วนหนึ่งการได้กำลังช่วยสม่ำเสมอทำให้เจ้าสปอร์ตคันนี้โดนใจในความแรง ยิ่งคุณเป็นนักขับด้วยแล้วน่าจะยิ่งชอบใจ
การเร่งที่เร้าใจมาพร้อมสถิติดีที่สุด ใน 0-100 ก.ม./ช.ม. ที่ 8.01 วินาที่ และ เร่งช่วง 80-120 ก.ม./ช.ม. ได้ใน 5.10 วินาที จากการทดสอบบนสภาพถนนลาดยางเปิดทั่วไป และ ถ้าคิดว่ามันยังไม่พอที่จะพิสูจน์สมรรถนะลองคิดว่า ในระยะ 400 เมตร จะใช้เวลาเพียง 16 วินาที กว่าๆ และเรายังสามรรถทำความเร็วสูงสุดใน Hyundai Veloster Turbo ได้ ถึง 209 ก.ม./ช.ม. และมันเร่งดีไปยัน 180 ก.ม./ชม .แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีเท้าของคุณแล้วล่ะ ...
การเร่งที่ดีและออกแบบมาเป็นรถสปอร์ต แน่นอนว่ามันต้องมันใจในการขับขี่ด้วย ลืมเรื่องระบบกันสะเทือนที่แข็งไปได้เลย เพราะเมื่อใช้ความเร็ว ระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท และ ด้านหลังที่ออกแบบมาเป็นพิเศษแบบ Couple Torsion Beam Axel นั้น ให้ความมั่นใจ การเข้าโค้งสบายๆไม่ต้องหวั่นว่าจะใช้ความเร็วมากเกินไป ตัวโช๊คยุบตัวและยืดเร็วแบบรถสปอร์ตขนานแท้ รวมถึง สปริงก็ยังพยายามสร้างความมาดมั่นไปด้วยในตัว
เสียดายที่ Hyundai Veloster ออกแบบ Layout เป็นเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ หลายครั้งที่ใช้ความเร็วเข้าโค้งแรง จะพบว่าหน้ารถค่อนข้างดื้อ และท้ายไวต่อการเบรกแรงๆ ผ่านชุดจานเบรกหน้าระบายความร้อน 300 มม. .และ จานหลัง ใช้แบบธรรมดา 262 ม.ม. ยังดีที่มันไม่ไหลออกไปให้ได้เสียวกัน
ทว่าในยามที่คุณเข้าสู่โหมดความเร็วสูงจริงๆตั้งแต่ 180 ก.ม./ช.ม. ในแบบนรกแตก ช่วงล่างจะเริ่มมีความรู้สึกรอบตัวมากกว่าปกติ แต่ยังมั่นใจได้ ในแบบที่ไม่ได้รู้สึกแน่นเหมือนเดอม แต่ถ้ามีอะไรหน้าสิ่วหน้าขวาน ตัดหน้าที่ 200 ก.ม./ช.ม. การเบรกแรง ในระดับ 50% ของแป้นเบรกก็ทำให้รถมีอาการสะบัดเล็กน้อยได้ แต่ยังสามารถควบคุมได้จากพวงมาลัย ซึ่งส่วนหนึ่งนั้น ต้องขอบคุณที่ Hyundai ยังยัดระบบควบคุมการทรงตัว ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และท้ายสุด ระบบจัดการเสถียรภาพการขับขี่ รวมถึง ระบบเบรก ABS และกระจายน้ำหนักแรงเบรกมาให้
และน่ายินดีที่นอกเมือง Hyundai Veloster Turbo ทั้งในโหมดขับชิวและ ใช้ความเร็วสูงสุด 209 ก.ม./ช.ม. ยังทำอัตราประหยัด ประทับใจที่ 10.2 ก.ม./ลิตร ....ถ้าคุณต้องการเดินทางไกลแบบมีสไตล์
ราคาน่าโดน สมรรถนะ ก็เยี่ยม ....ถ้าทำใจได้เรื่องอัตราประหยัด
จะขับจะซื้อรถสปอร์ตใครจะสนใจอัตราประหยัด ฟะ.... ประโยคนี้ผู้เขียนโดนกรอกหูจากเพื่อนที่คุยเล่นผ่านโทรศัพท์ เมื่อบอกว่า Hyundai Veloster Turbo นั้น ดีทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียวคือเรื่องความประหยัด
ราคา 1.739 ล้าน ที่ ฮุนได มอเตอร์ ประเทศไทย เคาะออกมาจำหน่ายด้วยการนำเข้าทั้งคันส่งตรงจากเกาหลี กับตลาดรถยนต์เมืองไทยถือว่ามันไม่ได้เป็นรถที่มีราคาแงเลย เรือนร่างที่หล่อเหล่าทั้งภายนอกภายใน ทำให้มันดโดนใจหลายคน ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะตอนออกแบบ Hyundai เล็งเป้ามาที่ Gen Y โดยตรง ด้วยนักออกแบบเกาหลี มองว่า คนกลุ่มนี้คือผู้ซื่อที่มีกำลังสำคัญต่อรถกลุ่มนี้
ส่วนพวกอาเฮีย อาซ้อ คุณป้าตีกระบัง ที่มีปัญหาชีวิต Midlife Crisis นั้น อาจจะมีกำลังซื่อมากกว่านี้ ซึ่งในต่างประเทศก็จะมาสปอร์ตขับหลัง Hyundai Genesis เป็นฐานรองรับ เสียดายที่มันไม่มีขายในบ้านเราเมืองไทย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากมาย
คูณผู้อ่านรู้ไหมครับ ว่า ผู้เขียนตอบไปว่าอย่างไร คำตอบนั้นอยู่ในแนวคิดของรถที่ได้เล่าไปตอนต้นเกี่ยวกับ Hyundai Veloster ว่ามัน เป็นรถที่คนที่สร้างต้องการให้ใช้ได้ทุกวันมีความแรงพอตัว เป็นรถที่มีสไตล์ และไอการที่มัน ซด...ขนาดหนักกับการขับขี่ในเมืองนั้น ก็ถือว่าเกินไปนิด
แม้จะพูดว่า ก็มันมีหอยไง แต่มีหอยแล้วไง ?? ถ้าในอัตราประหยัดเดียวกัน ขึ้นไปเร้าหรือกับเสียงหวานของเครื่องยนต์ 6 สูบ หรือ จะดุดันไปเลยกับเครื่องยนต์ 8 สูบ ก็แทบจะไม่มีความแตกต่าง แถมกำลังก็ได้มากกว่า จริงที่บางรุ่นอาจจะมีฟังชั่นใช้งานที่ไม่ตอบโจทย์ แต่เมื่อจะเสียน้ำมันเพื่อความแรงแล้วกำลังก็มาสำคัญ ถ้าจะซดขนาดนี้ก็เล่นที่มีกำลังมากกว่าน่าจะดีกว่า หรือเปล่า .
“เออ จริง” นั่น คือ คำตอบปลายสายที่ทำให้เราปิดประเด็นนี้ แล้วยอมรับในข้อการสนทนาต่างๆ ของ Hyundai Veloster Turbo ว่า ราคารับได้ ออพชั่นลงตัว การออกแบบภายนอกภายในดีเยี่ยม แต่ทั้งหมดนั้น ถ้าอัตราประหยัดประมาณนี้ เขยิบเพิ่มเงินอีกนิดเอารถสปอร์ตที่แรงกว่า และซดน้ำมันเท่ากับ Hyundai Veloster Turbo
อีกประการที่สำคัญเลยคืออยากให้มีการจัดจำหน่ายรุ่นเกียร์ธรรมดาในไทย เพราะไหนๆ ก็ใช้วิธีสั่งนำเข้าอยู่แล้วการเพิ่มทางเลือกเกียร์ธรรมดา จะทำให้ขาแรงบางกลุ่มตัดสินใจ การซื้อได้ง่าย ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักแข่งที่อยากได้รถไปลงสนาม ..แข่งในบ้านเรา คนเหล่านี้เป็นขุนศึกที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้เห็นศักยภาพของรถในเรื่องสมรรถนะ
แม้ว่าเราอาจจะเรียนและติตามตรงว่า Hyundai Veloster Turbo บริโภคน้ำมันเป็นเยี่ยม แต่ก็นั่นแหละครับ ท่านผู้อ่าน ราคา 1.739 ล้านบาทของมัน ทำให้มันน่าสนใจไม่น้อย เพราะราคาเดียวกับที่คุณซื้ออเนกประสงค์หรูๆ ทั้งหลายได้ แต่ถ้าต้องการ รถที่มาพร้อมสมรรถนะเร้าใจจอดไว้ที่บ้านสักคัน แบบว่าเอาไว้ใช้ออกงานบ้างครั้งคราว ตัวเลือกหนึ่งในความดูดีและแนะนำมันคือ Hyundai Veloster Turbo ..186 ม้าที่เร้าใจทุกรอบเร่ง...
เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ติดต่อพูดคุยได้ที่ [email protected]
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
ผลการทดสอบ Hyundai Veloster Turbo
รถยนต์ที่ทดสอบ Hyundai Veloster Turbo
ราคาจำหน่าย 1.739 ล้านบาท
การทำงานของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบ พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
อัตราความเร็วที่เดินทาง (ก.ม./ช.ม.) |
อัตรารอบเครื่องยนต์ที่ตำแหน่งเกียร์สูงสุด (รอบต่อนาที) @ เกียร์ 6 |
90 |
2000 |
100 |
2300 |
110 |
2550 |
120 |
2700 |
ความเร็วสูงสุดในระหว่างการทดสอบ 209 ก.ม./ช.ม.
สถิติ เวลา ต่างๆ
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. |
8.56 |
8.01 |
8.15 |
8.24 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
5.50 |
5.10 |
5.40 |
5.33 |
จับเวลา 0-400 เมตร (1/4 ไมล์) |
16.78 |
16.56 |
16.428 |
หมายเหตุ สภาพถนนเปิด บนถนนลาดยางในเวลากลางคืน
อัตราประหยัดน้ำมัน
ในเมือง 6.82 ก.ม./ลิตร (สภาพรถติดสาหัส วันศุกร์)
นอกเมือง 10.2 ก.ม.ลิตร (เดินทางด้วยความเร็ว 120-130 ก.ม./ช.ม. และทำความเร็วสูงสุด 209 ก.ม./ช.ม.)
ขอบคุณ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Hyundai Veloster Turbo มาให้ขับทดสอบในครั้งนี้ รวมถึงทีมงานประชาสัมพันธ์ Hyundai ทั้งพี่น้อง และ พี่แกะ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับรถนอกเวลาทำการ
ขอบคุณ พี่อุ๋ย สฤษฎ์พร สกลรักษ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ให้ความวางใจในทีมงาน Autodeft.com มาด้วยดี ครับ
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน นาย ณัฐยศ ชูบรรจง และเว็บไซต์ Autodeft.com
อนุญาตให้นำเสนอต่อได้ ตามกฎ Creative Common โดยให้เครดิตผู้เขียนและ เว็บไซต์ Autodeft.com อย่างเหมาะสม
เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ Autodeft.com
[GALLERY457]