OBD Tuning Box เสียบแล้วแรง ..ใช้ได้จริง ...หรือหลอกลวง

พบความจริงจากเรา Autodeft กับของเล่นขาแรงอันใหม่ OBD II Tuning Box สรุป มันใช้ได้จริง หรือแค่อีกครั้งของการหลอกลวง

 

 

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

 

ทุกวันนี้ เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปมาก ในหลายๆความทันสมัยที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี รถยนต์ก็เป็นอีกสิ่งที่ถูกพัฒนาให้มีการใช้งานง่ายดายมากขึ้น ทั้งยังมีสมรรถนะที่ดีมากขึ้น แต่สำหรับหลายคนมันอาจจะยังไม่พอกับความต้องการ การเพิ่มสมรรนถะอย่างง่ายๆ จึงเป็นทางออกที่

รถยนต์สมัยใหม่นั้น ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่คอยวัดและประมวลผล สิ่งต่างๆระหว่างการทำงาน ข้อมูลต่างๆในระหว่างการทำงาน ถูกสั่งงานและควบคุมโดยหน่วยประมวลผลคอมพิวเตอร์ ทำให้รถยนต์ในปัจจุบัน มีสมรรถนะขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นความต้องการที่ไม่เคยพอของคนบางกลุ่ม ก็ทำให้พ่อค้าหัวใสหลายรายออกสินค้ามาหลอกลวงว่าพวกเขามีทางอออกสำหรับคนที่ต้องการสมรรถนะมากขึ้น และมันใช้งานง่ายเพียงเสียบพ่วงก็สามารถใช้งานได้ทันที

OBDII Tuning Box   กำลังเป็นที่สนใจของใครหลายคนจำนวนมาก ด้วยราคาจำหน่ายที่ถือวาถูกมาก เมื่อเทียบกับคำโฆษณาในสรรพคุณมากมายจากผู้ขาย ที่เผยถึงความแรงและความประหยัดในการขับขี่ เพียงแค่คุณสนใจและเสียเงินซื้อสินค้าของพวกเขาในราคาหลักร้อยบาท

ถึงมันจะไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายอะไรนัก เมื่อนับว่าจะต้องเสียเงินเพื่อลองของความแรง ที่พอจะจ่ายได้อย่างไม่ยาก แต่ในอีกด้าน เจ้า   OBD II Tuning Box   อาจจะเป็นแค่เพียงการซื้อความเชื่อสมรรถนะทางใจหรือเปล่า ....ในความเป็นจริง

จุดเริ่มต้นของ   OBDII Tuning Box   มาจากไหน ไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่เจ้า OBDII  นี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในระยะ  2-3  ปีทีผ่านมา หลังจากที่ระบบคอมพิวเตอร์รถยนต์เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ช่องเสียบปลั้กที่มีอยู่ในรถยนต์แทบทุกรุ่นทุกยี่ห้อนี้ คือ การปฏิวัติในการตรวจสอบรถยนต์ปัจจุบัน โดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่างจะใช้อุปกรณ์เฉพาะเสียบเพื่อตรวจสอบปัญหาอาการผิดปกติของเครื่องยนต์เป็นสำคัญ

[IMAGE1]

หากแต่   OBDII Tuning Box   ถูกประกาศโดยผู้ขายว่า พวกมันคือนวัตกรรมในการขับขี่เพียงเสียบเข้ากับตำแหน่งที่ใช้รับส่งสัญญาณเพื่อการตรวจสอบ เจ้ากล่องจูนจิ๋วเหล่านี้จะทำให้สมรรถนะของรถคุณเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมจากโรงงาน ผู้ผลิตบางรายถึงขนาดกล่าวอ้างว่าเพียงแค่ติดตั้งจะมีแรงม้ามากขึ้นกว่าเดิมถึง   20  แรงม้า  และสำหรับรถยนต์เครื่องดีเซล ยังมีอัตราประหยัดน้ำมันดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ในความเป็นจริงแล้วช่องสัญญาณ  OBDII  นั้นมีหน้าที่ไว้เพียงรับ-ส่งข้อมูลเพื่อการตรวจสอบค่าต่างๆ การทำงานภายในของเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนการทำงานขอเครื่องยนต์จะยอาศัยข้อมูลการสั่งจ่ายน้ำมัน รวมถึงการจุดระเบิดต่างๆ จากข้อมูลแผนที่การทำงานหรือ Map ที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำหรือ  Rom  ภายในกล่องสมองกลคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกกันว่า   Electronic Control Unit (ECU)

หน่วยประมวลผลนี้จะคอยสั่งจ่ายและประเมินสภาวะการขับขี่ที่เหมาะสม เพื่อสั่งการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะการส่งน้ำมัน การจ่ายหัวฉีดน้ำมัน และเวลาที่เหมาะสมในการจุดระเบิด ซึ่ง ECU  สามารถเข้าถึงได้ผ่านการใช้สัญญาณของ   OBDII แต่ก็เป็นเพียงแค่การตรวจสอบการทำงานทั่วไป ดูค่าการทำงานปัจจุบันต่างๆ รวมถึงตรวจสอบระบบเซ็นเซอร์ต่างๆที่มีมากมายในเครื่องยนต์ปัจจุบัน

[IMAGE2]

[IMAGE3]

แม้ว่าจะเข้าถึง  ECU ได้ แต่การทำให้รถมีสมรรถนะมากขึ้น หรือจะประหยัดขึ้น ต้องเข้าถึงชุดแผนที่ข้อมูลการจ่ายน้ำมัน หรือการจุดระเบิด หรือ  Map   ของ   ECU   ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์มักจะมีการป้องกันเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเอาไว้ เพื่อป้องกันผู้ใช้งานรู้มากเข้าไปวุ่นวายข้อมูลส่วนสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์ 

ตลอดจนไม่เพียงข้อมูลสำคัญๆ จะถูกเข้ารหัสไว้เท่านั้น แต่การนำข้อมูลจำนวนมากไปประมวลผลเมื่อมีการใช้งาน ระหว่างการขับขี่ จำเป็นต้องมีชุด  Rom  ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่มันจะเก็บข้อมูล ไว้ในชิ๊ปเซทขนาดเล็กจิ๋วใน   OBDII Tuning Box   แม้บางคนอาจจะเถียงว่า   tumbdrive  สมัยนี้ก็จิ๋วลงเหมือนกัน แต่ข้อมูลที่จะต้องไปส่งเพื่อประมวลผลตลอดเวลาในการทำงานของเครื่องยนต์มีมหาศาล

รวมถึงตัวกล่องนี้เองต้องประมวลผลแทนหรือร่วมกับ   ECU ด้วย ซึ่งขนาดหน่วยประมวล OBDII tuning Box   ที่เล็กนี้ไม่น่าจะสามารถจะช่วยประมวลผลอะไรได้ด้วยซ้ำไป และมันไม่น่าจะสามารถทำให้คุณแรงขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย

การจะเชื่ออะไร สมควรที่จะต้องเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างถ่องแท้ และเจ้า  OBDII Tuning Box  นี้ดูเหมือนจะเป็นอีกครั้งของการหลอกลวงคนอยากแรงครั้งใหญ่ ที่แค่เพียงเชื่ออย่างๆผิดว่า  OBDII  ช่องเสียบเพื่อตรวจสอบเครื่องยนต์นั้น ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด ...

 

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@nattayodc)