Bugatti Brouillard W16 สร้างตำนานบทใหม่ พา Chiron กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

Bugatti เปิดตัวผลงานชิ้นเอกล่าสุด “Brouillard” ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษแบบคันเดียวในโลกที่นำขุมพลัง W16 อันเป็นตำนานของแบรนด์กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากประกาศเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฮบริดด้วย Tourbillon รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในยุโรปที่งาน Wheels Marienwaerdt ประเทศเนเธอร์แลนด์ ต่อเนื่องจากการอวดโฉมครั้งแรกที่ The Quail, A Motorsports Gathering ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

Bugatti Brouillard พัฒนาขึ้นภายใต้โปรแกรมใหม่ที่ชื่อว่า Programme Solitaire ซึ่งเป็นโปรแกรมโคชบิลท์ระดับสูงสุด ที่เน้นการสร้างรถคันเดียวในโลกตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย โดย Brouillard คันนี้ถูกสั่งทำพิเศษโดยนักธุรกิจชาวดัตช์ Michel Perridon เจ้าของคอลเลกชัน Bugatti ส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังครอบครองผลงานศิลปะจากตระกูล Bugatti ทั้งเฟอร์นิเจอร์ของ Carlo Bugatti และประติมากรรมของ Rembrandt Bugatti

แม้รูปลักษณ์จะชวนให้นึกถึงเวอร์ชันคูเป้ของ Bugatti W16 Mistral โรดสเตอร์ แต่แทบทุกชิ้นส่วนของ Brouillard ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยยังคงโครงสร้างตัวถังจากคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมบนแพลตฟอร์มของ Chiron เอาไว้ พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ลูก ให้กำลังสูงสุด 1,578 แรงม้า ซึ่งเป็นขุมพลังที่ทรงพลังที่สุดของแบรนด์

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกันชนหน้าทรงสปอร์ตที่รับกับกระจังหน้าทรงเกือกม้าขนาดใหญ่ และไฟหน้า LED แบบติดตั้งบนซุ้มล้อ พร้อมช่องรับลมเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน เส้นสายด้านข้างสะดุดตาด้วยช่องรับลมทรง C อันเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับคาร์บอนไฟเบอร์สีเข้มตัดกับตัวถังสีเขียวสดใส ด้านท้ายมีปีกหลังแบบดักเทลที่ออกแบบให้เนียนไปกับตัวถัง เสริมด้วยท่อไอเสีย 4 ชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Chiron Super Sport

ภายในห้องโดยสารยังยึดเค้าโครงของ Chiron แต่ปรับแต่งใหม่ทุกจุดในธีมสีเขียว โดดเด่นด้วยผ้าทอลายตารางจากปารีส คาร์บอนไฟเบอร์แบบเคลือบสีเขียว หนังแท้ และอลูมิเนียมกลึงพิเศษ ไฮไลต์สำคัญคือปุ่มเกียร์ที่ฝังประติมากรรมรูปม้าทำมือไว้ภายในแกนอลูมิเนียมและกระจก ซึ่งเป็นการอุทิศให้กับม้าตัวโปรดของ Ettore Bugatti ผู้ก่อตั้งแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีลายปักรูปม้าอยู่บนแผงประตูและพนักพิงที่นั่งอีกด้วย

Brouillard ถือเป็นรถคันแรกภายใต้โปรแกรม Solitaire ที่จะผลิตรถแบบ one-off เพียงสองคันต่อปีเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างอย่างแท้จริง โดยจะใช้แพลตฟอร์มและระบบส่งกำลังจากรุ่นเรือธงของแบรนด์ เช่น Chiron หรือ Tourbillon และปรับแต่งใหม่หมดทั้งภายนอกและภายใน

Hendrik Malinowski กรรมการผู้จัดการของ Bugatti กล่าวว่า “โปรแกรม Solitaire เปิดโอกาสให้เรานำเสนอการตีความใหม่ของดีไซน์ Bugatti อย่างแท้จริง โดยไม่สูญเสียคุณภาพหรือสมรรถนะในทุกแง่มุม ทุกคันจะเป็นผลงานที่ไม่มีใครเหมือน สะท้อนถึงความพิถีพิถันในระดับที่แม้แต่รถยนต์สุดหรูทั่วไปก็ยังเทียบไม่ได้”

Brouillard จึงไม่ใช่แค่การนำ Chiron กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ยังเป็นการแสดงถึงทิศทางใหม่ของ Bugatti ที่ยังคงเคารพรากเหง้า พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยความประณีตและความเป็นเอกลักษณ์ในทุกมิติ

ที่มา Carscoops