ยอดขายรถ EV เริ่มลดลงในสหรัฐฯ แม้จะมีโปรโมชันจูงใจเต็มที่ สัญญาณเตือนสำหรับผู้ผลิตรถยนต์

หลังจากเติบโตต่อเนื่องมาหลายปี ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐอเมริกาเริ่มชะลอตัวอย่างน่ากังวล โดยล่าสุดข้อมูลการจดทะเบียนรถใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2025 เผยว่า ยอดขาย EV ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาด EV หดตัวเหลือเพียง 7.1% จาก 7.5% เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว

ผู้ผลิตหลายราย “แผ่ว” แม้มีแรงจูงใจ แม้ยังมีมาตรการส่งเสริม เช่น ส่วนลด, เครดิตภาษี และไฟแนนซ์ดอกเบี้ย 0% แต่หลายแบรนด์กลับมียอดจดทะเบียนลดลง
* Tesla ยังครองแชมป์ยอดขายสูงสุดที่ 42,861 คัน แต่ลดลง 12%
* Ford ลดลง 6% เหลือ 6,710 คัน
* Hyundai ลดแรงถึง 22% เหลือ 4,730 คัน
* Rivian ลดลง 25%
* BMW ลดลง 21%

ในทางกลับกัน บางแบรนด์กลับเติบโตสวนทาง 
* Honda เพิ่มขึ้น 266%
* GMC โต 111%
* Cadillac เพิ่มขึ้น 33%
* Nissan เพิ่มขึ้น 29%
* Acura พุ่งขึ้น 2,911% (แม้จะเป็นการเทียบกับฐานที่ต่ำมากในปีก่อน)

สาเหตุเกินแค่เรื่อง “ราคา” แม้ช่องว่างด้านราคาของ EV กับรถเครื่องยนต์สันดาปจะถูกลดลงด้วยส่วนลดและเครดิตภาษี แต่ Tom Libby นักวิเคราะห์จาก S&P Global Mobility ชี้ว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ราคาล้วน ๆ แต่รวมถึง:
* ความกังวลเรื่อง “ระยะทางขับขี่ต่อชาร์จ”
* ความล่าช้าหรือไม่เพียงพอของ “สถานีชาร์จ”
* ความหลากหลายของ “ตัวเลือกผลิตภัณฑ์” ที่ยังไม่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่ม

ผลกระทบจากเครดิตภาษีใกล้สิ้นสุด ต้นปีนี้ยอดขาย EV พุ่งสูงจากความกังวลว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะยกเลิกเครดิตภาษี EV มูลค่า $7,500 ซึ่งล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่าจะหมดอายุวันที่ 30 กันยายนนี้ อาจทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นชั่วคราวอีกครั้งในไตรมาส 3 ก่อนร่วงแรงในไตรมาส 4

การลดลงของยอดขาย EV ในสหรัฐฯ ชี้ว่าตลาดเริ่มเข้าสู่ช่วง “ดื้อยา” แม้มีแรงจูงใจมากขึ้น แต่หากยังไม่แก้จุดอ่อนเรื่องระยะทาง, ความสะดวกในการชาร์จ และความหลากหลายของรุ่นรถ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยก็ยังลังเลที่จะเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปสู่โลกไฟฟ้าอย่างเต็มตัว

ที่มา Carscoops