Subaru ปรับแผนลงทุนรถยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ หลังยอดขายชะลอ-ภาษีสูงกระทบหนัก

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 12 พ.ย. 68 20:11
  • 1,054 อ่าน

กระแสความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่พุ่งสูงขึ้น และการชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ Subaru กลายเป็นผู้ผลิตอีกรายในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ตัดสินใจ “ชะลอการลงทุนด้านไฟฟ้าเต็มรูปแบบ” หลังจากเคยประกาศแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านเยน (ประมาณ 9.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อพัฒนา EV ภายในปี 2030

Atsushi Osaki ประธานบริษัท Subaru เปิดเผยในรายงานผลประกอบการล่าสุดว่า บริษัทจะ “เลื่อนการลงทุนครั้งใหญ่ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับแมส” ออกไป เนื่องจากแนวโน้มความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการกลับมาให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์สันดาปและการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถไฮบริด

Subaru ใช้งบไปแล้วกว่า 300,000 ล้านเยน (1.94 พันล้านดอลลาร์) จากงบลงทุนทั้งหมด และยังคงมีเงินลงทุนอีก 1.2 ล้านล้านเยน ที่จะถูก “ทบทวนและจัดสรรใหม่” ตามรายงานของ Nikkei Asia

ในระยะสั้น การปรับแผนนี้จะไม่กระทบต่อโครงการรถยนต์ไฟฟ้าที่ร่วมพัฒนากับ Toyota โดย Subaru ยังมีแผนเปิดตัว SUV ไฟฟ้า 4 รุ่น ภายในสิ้นปี 2026 ตามกำหนดเดิม แต่ รถยนต์ไฟฟ้าอีก 4 รุ่น ที่ Subaru ตั้งใจพัฒนาเองอาจถูกเลื่อนออกไปหลังปี 2028

แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนการเปลี่ยนทิศทางของตลาดโลกในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ผลิตหลายราย เช่น Hyundai เริ่มเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีไฮบริดเพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

นอกจากความต้องการของตลาดแล้ว ปัจจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายภาษีก็ส่งผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะการ ยกเลิกเครดิตภาษี EV มูลค่า 7,500 ดอลลาร์ ในสหรัฐอเมริกา และ ภาษีนำเข้ารถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ Subaru ต้องรับภาระต้นทุนเพิ่มราว 210,000 ล้านเยน (1.36 พันล้านดอลลาร์) ภายในปีนี้

บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 จะลดลงเหลือเพียง 160,000 ล้านเยน (ประมาณ 1.04 พันล้านดอลลาร์) หรือลดลงถึง 53% จากปีก่อนหน้า เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว Subaru เตรียมเดินหน้าโครงการลดต้นทุนระยะยาว มูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านเยน (1.29 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2030

แม้จะชะลอแผน EV เต็มรูปแบบ แต่ Subaru ยังคงขยายไลน์รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน โดยล่าสุดเปิดตัว Subaru Uncharted ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Toyota บนพื้นฐานของ C-HR ไฟฟ้ารุ่นใหม่ พร้อมปรับดีไซน์ให้ดูแข็งแกร่งและมีบุคลิกสายลุยตามเอกลักษณ์ของแบรนด์

การตัดสินใจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ผู้ผลิตทั่วโลกยังมุ่งสู่ยุคไฟฟ้า แต่ความท้าทายด้านเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของตลาดกำลังบังคับให้หลายค่าย รวมถึง Subaru ต้อง ปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความอยู่รอดทางธุรกิจ

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ