Toyota เปิดตัวระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่หมดจดใน RAV4 รุ่นปี 2026 ยกระดับเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารแบบก้าวกระโดด

Toyota เดินหน้าปรับโฉมเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวระบบ Toyota Audio Multimedia รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจะประเดิมใช้ใน Toyota RAV4 เจเนอเรชันที่ 6 รุ่นปี 2026 ก่อนขยายสู่รถรุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์ในอนาคตอันใกล้นี้

การอัปเกรดครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มขนาดหน้าจอ แต่ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ฉลาดขึ้น กล้องบันทึกภาพแบบบิวท์อิน รวมถึงอินเทอร์เฟซเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยทั้งหมดได้รับการพัฒนาโดยทีมงานของ Toyota ในสหรัฐฯ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ในอเมริกาเหนืออย่างเต็มที่

หน้าจอใหญ่กว่า เชื่อมต่อเร็วกว่า ปรับแต่งได้อิสระกว่าเดิม
ผู้ขับขี่สามารถเลือกหน้าจอขนาดมาตรฐาน 10.5 นิ้ว หรืออัปเกรดเป็น 12.9 นิ้ว พร้อมหน้าจอหลักที่สามารถจัดวางวิดเจ็ตได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง เพลง สภาพอากาศ หรือสถานะอุปกรณ์อัจฉริยะ นอกจากนี้ยังมี “Quick Control Menu” ที่มุมขวาบนของหน้าจอ เพื่อเข้าถึงการตั้งค่าที่ใช้บ่อย เช่น บลูทูธ ความสว่าง ระบบช่วยขับ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้เพียงแตะเดียว
ระบบรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เช่นเคย พร้อมเพิ่มความลื่นไหลของระบบสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อคลาวด์อีกต่อไป ผู้ใช้สามารถสั่งงานได้ทันที เช่น “Hey Toyota เปลี่ยนเพลง” หรือแม้แต่ให้ช่วยคำนวณอย่างง่ายขณะขับขี่

เชื่อมต่อเครือข่าย 5G พร้อมฟังก์ชันใหม่อย่าง Drive Recorder
Toyota ผนวกการเชื่อมต่อ เครือข่าย 5G จาก AT&T เพื่อการรับสัญญาณและการส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรกว่าเดิม พร้อมระบบปฏิบัติการพื้นฐาน Automotive Grade Linux ที่ได้รับการเสริมความสามารถด้วยซอฟต์แวร์ Woven by Toyota (Arene SDK) ก้าวแรกสู่ยุค “Software-Defined Vehicle” ที่ Toyota ตั้งเป้าพัฒนาอย่างจริงจัง

อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Drive Recorder ฟังก์ชันกล้องบันทึกเหตุการณ์ที่เชื่อมต่อกับกล้องภายนอกรถโดยตรง สามารถบันทึกภาพอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ หรือให้ผู้ใช้กดบันทึกเองได้ โดยสามารถดูภาพย้อนหลังบนหน้าจอหรือดาวน์โหลดผ่าน USB ได้ทันที หมดความจำเป็นในการติดตั้งกล้อง Dash Cam เพิ่มเติม

รองรับผู้ใช้รถไฟฟ้าและไฮบริดด้วย “EV Domain”
Toyota เพิ่มเมนูเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดภายใต้ชื่อ “EV Domain” เพื่อให้ผู้ใช้ตั้งค่าขีดจำกัดการชาร์จ เปิด-ปิดการชาร์จ หรือสั่งงานผ่านแอปบนสมาร์ตโฟนได้โดยตรง รวมถึงฟังก์ชันใหม่อย่างการเปิดไฟรถ ยกฝากระโปรงท้าย หรือเลื่อนกระจกผ่านโทรศัพท์มือถือ

แม้หลายฟีเจอร์อาจดูไม่ล้ำหน้าเกินค่ายอื่นในตลาด แต่ความครบเครื่องและความสะดวกในการใช้งานจริงถือเป็นก้าวสำคัญของ Toyota ในการยกระดับประสบการณ์ผู้ขับขี่ และอาจทำให้ Toyota RAV4 รุ่นปี 2026 กลายเป็นตัวเลือกมาตรฐานใหม่ของกลุ่มรถ SUV ขนาดคอมแพกต์ในตลาดโลก

ที่มา Carscoops