Porsche Macan และ Audi Q6 EVs รถสปอร์ต SUV ตัวเก่ง จะออกสู่ตลาดในปี 2023

  • โดย : PR Autodeft
  • 9 พ.ค. 65
  • 5,914 อ่าน

แบรนด์รถหรูอย่าง Porsche และ Audi กำลังอยู่ในช่วงสุดท้าย ในการเตรียมการสำหรับรถ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่ทั้ง 2 ได้พัฒนาร่วมกัน โดยรถแต่ละรุ่นจะทำหน้าที่เป็นหัวหอกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม ที่เน้นเทคโนโลยีรุ่นใหม่และสมรรถนะที่สูงขึ้น บนการออกแบบใหม่ทั้งหมด

รถ SUV ตัวใหม่ล่าสุด จาก 2 แบรนด์พันธมิตร ได้เร่งไปสู่การเลิกใช้พลังงานจากน้ำมัน 

 

Porsche Macan EV และ Audi Q6 E-tron รุ่นใหม่นั้น ต่างไม่มีความเกี่ยวข้องทางเทคนิคกับรถรุ่นที่มีอยู่แล้วในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯผู้ผลิต นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงสเต็ปต่อไปในแผนการที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเร็วที่สุด ซึ่งถูกกำหนดโดย 2 ยี่ห้อรถสัญชาติเยอรมัน

 

โดยรถแต่ละรุ่นนั้น จะทำหน้าที่เป็นทางเลือกที่ใช้ไฟฟ้า สำหรับรถรุ่นยอดนิยมที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปของพวกเขา และน่าจะเป็นการเร่งไปสู่การเปลี่ยนผ่าน เพื่อมุ่งไปที่การใช้พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปอย่างรวดเร็วของทั้ง Audi และ Porsche

ซึ่ง Porsche คงมองไปที่ความพยายามต่อยอดจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ของการเปิดตัวรถ EV อย่าง Taycan ด้วยการใส่ระบบไฟฟ้าแบบใหม่ลงไปในรถรุ่น Macan SUV ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดจากทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2015

 

รถรุ่น Macan EV ซึ่งจะออกสู่ตลาดในปีหน้านั้น นับเป็นการออกขายในโชว์รูมครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังจากรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินรุ่นปัจจุบัน ที่ได้รับการอัพเดตครั้งใหญ่ในปี 2019 ถูกเปิดเผยออกมา แต่มันจะไม่เข้ามาแทนที่รถรุ่นก่อนๆที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปในทันที เช่นเดียวกับรถรุ่น Porsche Panamera ที่ยังคงวางจำหน่ายควบคู่ไปกับ Taycan ซึ่งมีขนาดและโพซิชั่นที่ใกล้เคียงกัน โดย Porsche จะยังคงขาย Macan รุ่นเดิมที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการออกขายรุ่น EV อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน สำหรับสายการผลิตในรถรุ่นใช้ไฟฟ้าล้วนๆ

 

Macan EV จะเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่นำมาใช้งานจริงรุ่นแรก ที่ใช้การออกแบบที่เรียกว่า Premium Platform Electric (PPE) ของ Porsche และ Audi ซึ่งเป็นการผสมผสานองค์ประกอบของงานออกแบบ J1 ซึ่งใช้ใน Porsche Taycan และ Audi E-tron GT กับแพลตฟอร์ม MEB ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น ในรถ EVs รุ่นเมนสตรีมของกลุ่ม Volkswagen

 

โครงสร้างงานออกแบบ PPE จะถูกนำมาเป็นพื้นฐานของรถ EVs ที่อยู่ในกลุ่มระดับไฮเอนด์และเน้นที่ไดนามิก แต่จนถึงขณะนี้ กลับมีเพียงแบรนด์ Porsche และ Audi เท่านั้น ที่ยังคงยืนยันการใช้งานในรถรุ่นที่จะออกสู่การผลิตจริง โดยรถ EV รุ่นแรกของ Lamborghini นั้น คาดว่าจะออกมาหลังจากการเปิดตัวแพลตฟอร์ม SSP ของรถในกลุ่ม และ Bentley ยังได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มรุ่นใหม่อย่าง Artemis ซึ่งกำลังถูกพัฒนาโดย Audi สำหรับรถ EV รุ่นแรกของตัวเอง

 

แบรนด์ Porsche นั้น ต่างจาก Volkswagen และ Audi โดยพวกเขาตัดสินใจที่จะไม่ปรับแพลตฟอร์ม ICE Car สำหรับรถ EVs เวฟแรก ซึ่ง Michael Steiner หัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯ กล่าวว่า “มันมักจะมีการเกี้ยเซียะกันในเรื่องของน้ำหนัก แพ็คเกจ และไดเมนชั่นอื่นๆได้” ด้วยแพลตฟอร์มระบบส่งกำลังหลายๆแบบ

ข้อดีอย่างหนึ่งของงานสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวของรถ EV คือ การมีห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางกว่า เนื่องจากมันไม่มีท่อส่งกำลัง และมีการควบคุมที่ดีมากขึ้น เนื่องจากรถจะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าและทำให้การกระจายน้ำหนักดีขึ้น

 

หลังจากที่มีการทดสอบเสมือนจริงมาอย่างยาวนาน รถต้นแบบตัวจริงของ Macan EV ก็กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบบนท้องถนน โดยมันได้เผยให้เห็นถึงความแตกต่างที่จะทำให้รถ SUV ไฟฟ้านี้ ไม่เหมือนรถรุ่นก่อนๆที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป

 

Porsche มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ ในการทำให้ Macan EV เป็นรถรุ่นที่สปอร์ตที่สุดในเซกเมนต์นี้ และโปรแกรมการทดสอบส่วนใหญ่นั้น ก็เน้นไปที่ขีดความสามารถในการนำเสนอ “ตัวเลขประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในระดับที่เน้นย้ำได้” แม้ว่าจะยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถขั้นสูงสุดที่จะทำได้ของรถรุ่นนี้ก็ตาม

 

รถรุ่น Macan EV นั้น จะมีบทบาทสำคัญในการนำบริษัทฯไปสู่เป้าหมายที่ถูกประกาศไว้เมื่อเร็วๆนี้ โดยบริษัทฯตั้งเป้าให้มียอดขายรถไฟฟ้ากว่า 80% ในปี 2030 ควบคู่ไปกับรถรุ่นย่อยต่างๆของ Taycan และรถรุ่นต่อจากรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Porsche อย่าง 718 Boxster และ Porsche 718 Cayman sports-car duo

 

แต่ในปัจจุบัน Porsche ยังไม่ได้ยืนยันแผนการที่จะใช้ระบบไฟฟ้าในรถรุ่นที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Cayenne SUV และพวกเขายังได้พูดเน้นย้ำอีกว่า รถสปอร์ต 911 ที่มีอายุ 58 ปีนั้น จะเป็นรถรุ่นสุดท้ายที่จะใช้ระบบเผาไหม้ ซึ่งมีแนวโน้มว่ามันจะเกิดขึ้นหลังจากปี 2030

 

Audi Q6 E-tron

คาดว่ารถรุ่นแรกของ Audi ที่ใช้สถาปัตยกรรมการออกแบบใหม่นี้ จะกลายเป็นหนึ่งในรถ EVs ที่ขายดีที่สุดอย่างรวดเร็ว ด้วยขนาดและตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันกับรถ Audi รุ่น Q5 ที่สามารถเลือกเติมเชื้อเพลิงได้ตามความสะดวก ซึ่งขึ้นครองชาร์ตยอดขายสูงสุดของรถเยอรมันเมื่อปีที่แล้ว

 

แต่จนถึงตอนนี้ ทางแบรนด์ก็ยังปิดปากเงียบ ที่จะกล่าวถึงข้อกำหนดทางเทคนิคที่แน่นอนและรายละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Q6 E-tron อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้ชี้เป้าที่ชัดเจนถึงสิ่งที่คาดหวังไว้ ด้วยแนวคิดการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับ PPE ที่แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างที่แนบแน่นในรถเวอร์ชั่น Saloon และ Estate ที่ถือเป็นรถรุ่นพี่รุ่นน้องกับ Audi A6 E-tron กำลังจะเปิดตัวในปี 2024 ที่จะถึงนี้ ซึ่งแนวคิดแต่ละข้อนั้น จะมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากรถ EV รุ่นแรกของ Audi อย่าง E-tron, E-tron GT และ Q4 E-tron ด้วยรูปแบบใหม่ที่ไปจนถึงขีดสุด ซึ่งทำให้มันเน้นไปที่ประสิทธิภาพในเรื่อง Aerodynamic และระบบไดนามิกอย่างถึงที่สุด

 

ภาพหลุดล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงรถต้นแบบของ Q6 E-tron โดยที่ไม่ได้ปิดบังบริเวณด้านหน้านั้น เป็นการยืนยันว่าสเป็คส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่ว่าไว้ แม้ว่าตัวรถจะดูมีความสูงที่มากขึ้นและมีรูปทรงที่ดูตรงมากขึ้น

 

การกำหนดฟีเจอร์ที่มองเห็นได้ในขั้นตอนนี้ ได้แก่ การตีความใหม่ของกระจังหน้า Singleframe แบบกว้าง ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของ Audi (แต่สำหรับรถ EV ในอนาคตนั้น จะใช้รูปแบบของแผงตกแต่งแบบแบนชิ้นเดียว) การติดตั้งไฟหน้า LED แบบเพรียวบาง (ซึ่งน่าจะใช้เทคโนโลยี Digital Matrix ขั้นสูง ที่เราเคยแนวคิดนี้บนรถรุ่น A6 E-tron) และช่องระบายอากาศแบบหลายช่อง เพื่อการกระจายลมเย็น

 

ส่วนสไตล์การตกแต่งด้านท้ายของรถนั้น จะใกล้เคียงกับรถรุ่นเดิมอย่าง Q4 E-tron มากขึ้น และเช่นเดียวกัน Q6 E-tron มีแนวโน้มที่จะถูกนำเสนอให้มีหลังคาทรงโค้ง (และดูมีความแอโรไดนามิกมากกว่าเดิมเล็กน้อย) รวมทั้ง Sportback ด้วยเช่นกันในที่สุด

Audi ได้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพทั้งหมดอย่างแท้จริงของรถรุ่นต่างๆ ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่อย่าง PPE โดยคอนเซ็ปต์ของ A6 E-tron นั้น จะให้กำลังรวม 469bhp และ 590lb ft จากระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์คู่ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในการผลิต แม้ว่าแบรนด์จะยังคงยืนยันว่าแพลตฟอร์ม PPE นั้น สามารถใช้กับมอเตอร์เดี่ยวที่ติดตั้งไว้บริเวณด้านหลังในรุ่น entry-level ที่มีกำลังน้อยกว่า

 

และเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการที่จะนำเสนอรถสปอร์ตในอนาคต Audi นั้นยังคงทำงานกับรถไฟฟ้าในกลุ่มโมเดล RS ที่มีประสิทธิภาพ โดยรถรุ่น E-tron GT เวอร์ชั่นตัวท็อปสุด ก็กำลังถูกส่งเข้าร่วมในการปรับเปลี่ยนไปสู่รถที่ใช้ไฟฟ้าที่แผนกรถสปอร์ตของ Audi ด้วยเช่นกัน

 

โดยรถรุ่น Q6 E-tron เวอร์ชั่นสุดฮอตนั้น จะโดดเด่นด้วยสไตล์ที่ดุดันมากขึ้น มีระบบเบรกที่แน่นขึ้น และการตั้งค่าแชสซีที่เน้นระบบไดนามิกมากยิ่งขึ้น แต่รถก็ยังจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มกำลังที่โดดเด่นขึ้นเหนือรถระดับมาตรฐานทั่วไปอีกด้วย ด้วยกำลังที่น่าจะออกมาทางเหนือกว่า 500 แรงม้า ทำให้มันจะสามารถแข่งขันกับ Ford Mustang Mach-E GT ได้

 

อย่างไรก็ตาม Audi ไม่ได้บอกว่ารถทุกรุ่นที่ใช้การออกแบบ PPE นั้น จะได้รับการติดตั้งระบบส่งกำลังแบบอสมมาตรสามมอเตอร์ ซึ่งถูกใช้กับ E-tron S ซึ่งเป็นรถ SUV ไฟฟ้า ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบัน

 

PPE สร้างขึ้นบนอนาคตของรถที่ใช้ไฟฟ้า

สถาปัตยกรรมการออกแบบสไตล์ PPE นั้น จะเป็นตัวสนับสนุนรถ EVs ในส่วนต่างๆที่หลากหลาย ตั้งแต่การฟอลโลว์อัพด้วยไฟฟ้า ในรถรุ่น Audi A4 ไปจนถึงรถลีมูซีนขนาดใหญ่อย่าง 'Landjet' ที่จะสืบทอดต่อจากรถรุ่น Audi A8 และเวอร์ชั่นที่เข้าสู่การผลิตของรถ MPV คอนเซ็ปต์ เช่น Urbansphere ที่มีความยาวกว่า 5.5 เมตร

 

รายละเอียดเบื้องต้นที่ได้รับการเปิดเผยโดยแบรนด์บอกว่า PPE นั้น จะสามารถใช้กับรถที่มีระยะความสูงระหว่างพื้นถนนกับจุดที่เตี้ยที่สุดบนแชสซีส์ได้ตั้งแต่ 152 มม. ถึง 217 มม. โดยมีระยะฐานล้อระหว่าง 2890 มม. ถึง 3080 มม. และความกว้างของ track ระหว่าง 1641 มม. ถึง 1714 มม. ซึ่งนั่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับสูง ระหว่างรถรุ่นหลักๆหลายรุ่น และในทางกลับกัน ก็จะทำให้สามารถตัดในส่วนของงบพัฒนาและต้นทุนการผลิตออกไปอีกด้วย แม้ Porsche จะไม่ค่อยเตรียมแผนการสำหรับแพลตฟอร์มใหม่ๆ แต่รายละเอียดที่ได้รับจากแบรนด์ลูกพี่ลูกน้องนั้น แนะนำว่าบริษัทฯควรจะสนับสนุนรถในกลุ่ม EVs ทั้งรุ่นที่อยู่เหนือและต่ำกว่า Macan EV

 

จากรายงานล่าสุดระบุว่า Porsche Cayenne เจเนอเรชั่นต่อไปนั้น จะเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งน่าจะเพิ่มยอดขายรถ EV ของบริษัทฯได้อย่างมาก เนื่องจาก SUV รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ Marque

 

ที่มา autocar

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ