Renault เตรียมเปิดตัวรถแรงรุ่นใหม่ในปีหน้า และอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคาดไว้

ซีอีโอเผยกำลังพิจารณาทางเลือก พร้อมโชว์ต้นแบบใน 12 เดือนข้างหน้า Renault กำลังชั่งน้ำหนักและวางทิศทางสำหรับ เจเนอเรชันใหม่ของรถสมรรถนะสูง โดยมีแผนจะเผย “ข้อเสนอ” เบื้องต้นในปีหน้าในรูปแบบต้นแบบ (Concept) ก่อน เพื่อตรวจสอบทั้ง ความเป็นไปได้ในการผลิต และ ความต้องการของตลาดก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าโครงการจริง

ข่าวนี้มาจาก Fabrice Cambolive ซีอีโอคนใหม่ของ Renault ที่ให้สัมภาษณ์กับ Autocar โดยยืนยันว่าแบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสนใจตลาดรถแรง เขากล่าวว่า:
“ใช่ครับ เรากำลังสำรวจแนวทางอื่น ๆ และใน 12 เดือนข้างหน้า เราจะมีข้อเสนอมาให้คุณได้เห็น”
อย่างไรก็ตาม Cambolive เน้นย้ำว่า Renault ต้องหาสมดุลระหว่าง ต้นทุนการพัฒนา และ ความต้องการของผู้บริโภค ก่อนอนุมัติผลิตจริง ทำให้โปรเจกต์เหล่านี้ยังอยู่ในช่วงไอเดียมากกว่าการยืนยันแน่นอน

อัตลักษณ์ใหม่ของรถแรง Renault
หลังจากที่ Renault Sport (RS) ถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย Alpine คำถามใหญ่คือรถแรงรุ่นใหม่ของ Renault จะติดตราอะไร? ไม่ว่าจะเป็น Alpine หรือชื่อใหม่ แต่รถกลุ่มนี้จะอยู่ในระดับ เข้าถึงได้ง่ายกว่า R5 Turbo 3E ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็น ไฮเปอร์แฮทช์ไฟฟ้า ราคาสูงถึง €155,000 (ราว 6.6 ล้านบาท) และผลิตจำกัด 1,980 คัน

ก้าวที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคือ Megane E-Tech เวอร์ชันสมรรถนะสูง ซึ่งกำลังจะได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ในปีหน้า ทั้งดีไซน์ที่ดุดันขึ้นและแบตเตอรี่ใหม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

สำหรับ Clio รุ่นใหม่ Renault ยืนยันว่าจะยังไม่มีเวอร์ชันแรงออกมา แต่ตลาดแฮทช์ไฟฟ้าขนาดเล็กก็ยังมี Alpine A290 (พัฒนาจาก R5 E-Tech) มาทำหน้าที่แทนอยู่แล้ว

ทางเลือก: SUV สมรรถนะสูง
อีกเส้นทางหนึ่งที่ Renault อาจเลือกคือ SUV Performance เนื่องจากไลน์อัปปัจจุบันมีทั้ง Captur, Arkana, Symbioz, Austral, Espace และ Rafale รวมถึงรุ่นไฟฟ้า R4 E-Tech และ Scenic E-Tech โดยรุ่นที่แรงที่สุดตอนนี้คือ Rafale E-Tech 4×4 300 แรงม้า แบบปลั๊กอินไฮบริด พร้อมเวอร์ชัน Atelier Alpine ที่ปรับช่วงล่างให้สปอร์ตยิ่งขึ้น

อนาคต: ไฟฟ้าคือทางเดียว
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.8 ลิตรจาก Megane RS เดิม และ Alpine A110 รุ่นปัจจุบันไม่สามารถไปต่อได้เพราะกฎมลพิษที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ ไฟฟ้าเป็นทางเลือกเดียว ในการสร้างรถแรงยุคใหม่ของ Renault ความหวังคือแบรนด์จะสามารถถ่ายทอด ความเร้าใจในการขับขี่แบบ RS รุ่นเก่า มาสู่ EV รุ่นใหม่ ได้สำเร็จ

ที่มา Carscoops