Subaru อาจเบรกแผนรถยนต์ไฟฟ้า หลังยอดขายชะลอและนโยบายสหรัฐยังไม่ชัดเจน

ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรงในหลายประเทศทั่วโลก ดูเหมือนว่า Subaru อาจไม่รีบร้อนเข้าร่วมขบวนการนี้อย่างเต็มตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากผู้บริหารของแบรนด์ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทกำลัง “ทบทวนกลยุทธ์” ด้านการผลิตและทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อีกครั้ง เนื่องจากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคเริ่มชะลอตัว ขณะที่กฎระเบียบและนโยบายภาษีนำเข้ารวมถึงเครดิตภาษีของสหรัฐอเมริกายังคงไม่แน่นอน

ปัจจุบัน Subaru มีรถยนต์ไฟฟ้าที่วางจำหน่ายในตลาดสหรัฐเพียงรุ่นเดียวคือ Subaru Solterra และมีแผนจะเพิ่มรุ่น Trailseeker ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับ Outback ในปี 2026 อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ล่าสุด มีแนวโน้มว่าทางบริษัทจะชะลอการเปิดตัวรุ่น EV ใหม่เพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้

สิ่งที่ทำให้ Subaru ต้องคิดหนักคือความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาลสหรัฐ โดยเฉพาะภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศที่อาจกลับมาสูงขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะคงอยู่ในรูปแบบใด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อแผนการผลิตและจำหน่ายในตลาดหลักอย่างอเมริกาเหนือ แม้ Subaru จะมีโรงงานในรัฐอินเดียนาที่สามารถผลิตได้ปีละประมาณ 345,000 คัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะแบรนด์มียอดขายในสหรัฐมากกว่า 700,000 คันต่อปี การพึ่งพาการนำเข้าจากญี่ปุ่นจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์หากต้องเผชิญกับภาษีเพิ่มเติม

นอกจากนี้ Subaru ยังระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาแผนสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นที่เดิมตั้งใจให้เป็นโรงงานผลิตรถ EV โดยเฉพาะ แต่ตอนนี้อาจต้องเปลี่ยนเป็นโรงงานที่สามารถผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถเครื่องยนต์สันดาป เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น

ในด้านผลประกอบการปีงบประมาณล่าสุด Subaru มีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 13% เหลือ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ยอดขายทั่วโลกลดลง 4.1% เหลือประมาณ 936,000 คัน โดยเฉพาะในตลาดอเมริกาเหนือที่ยอดส่งมอบลดลง 4.1% เหลือ 732,000 คัน ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นกลับมียอดขายเติบโตขึ้น 5.4%

จากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด EV การเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ และข้อจำกัดด้านการผลิต ทำให้ Subaru อาจหันกลับมาให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ ไฮบริด มากขึ้นในระยะสั้น เพื่อรักษาสมดุลระหว่างต้นทุน ความคุ้มค่า และความต้องการของตลาด

แม้จะดูเป็นการเดินสวนทางกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่เร่งพัฒนา EV อย่างเต็มที่ แต่สำหรับ Subaru แล้ว การเดินเกมอย่างระมัดระวังอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้

ที่มา Carscoops