Royal Enfield ประกาศตั้งโรงงานประกอบในประเทศ หวังขึ้นเป็นเบอร์ 1 รถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 25 มี.ค. 62
  • 8,845 อ่าน

Royal Enfield ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก ประกาศเตรียมตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย คาดจะเริ่มประกอบได้ช่วงกลางปีนี้ หวังชูโรงตัวเด็ด Royal Enfield Interceptor 650 และ Continental GT 650 เพื่อขึ้นเบอร์ 1 ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง 250 - 750 ซีซี

Royal Enfield

นายสิทธัตถะ ลาล ประธานบริหาร รอยัล เอนฟิลด์ ได้เปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ในการเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปี Royal Enfield ในประเทศไทย โดยกล่าวว่า “นับตั้งแต่เราเริ่มจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สัมผัสถึงความรักจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในไทย ลูกค้าของเราในประเทศไทยได้พบว่ารถมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของเรามีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขับขี่ทางไกลบนถนนไฮเวย์ และยังสมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง เรามีความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทพลังของเราเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และการตัดสินใจของเราที่จะเริ่มการประกอบรถจักรยานยนต์ของเราในประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของรอยัล เอนฟิลด์ และความมั่นใจที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดแห่งนี้”

Royal Enfield

"3 ปีที่ผ่านมา Royal Enfield มียอดขายไปแล้วรวมกว่า 4,000 คัน และปีที่แล้ว ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง หรือรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 250 - 750 ซีซี มียอดขายทั้งตลาดรวมราว 15,000 คัน โดยที่ยอดขายของ รอยัล เอนฟิลด์นั้น มียอดขาย 1,400 คัน และตั้งแต่การเปิดตัวของรถเครื่องยนต์ Twin 2 รุ่นใหม่ของเรา ไม่ว่าจะเป็น Interceptor 650 หรือ Continental GT 650 ตอนนี้ก็มียอดจองรวมกว่า 700 คันไปแล้ว ทำให้ทางเราจึงมีแผนในการเปิดโรงงานประกอบรถภายในประเทศไทย เพื่อหวังให้การส่งมอบรถยนต์สู่ลูกค้า เป็นไปได้เร็วมากกว่าเดิม โดยเลือกสถานที่ตั้งเอาไว้ที่ฉะเชิงเทรา โดยการร่วมมือกับทาง United Auto ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านประกอบรถอยู่แล้ว โดยจะเริ่มการผลิตรถ CKD (Completely Knocked Down) ได้ตั้งแต่ประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยจะถือว่าเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศอินเดีย และเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของ Royal Enfield ทั้งนี้ หวังเอาไว้ว่า รอยัล เอนฟิลด์ จะก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ของรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในประเทศไทยให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะว่าในระดับโลก เราก็เป็นแชมป์ยอดขายสูงสุดในโลกของรถในคลาสนี้อยู่แล้ว"

Royal Enfield

นอกจากนี้ นายวิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค รอยัล เอนฟิลด์ ยังได้กล่าวถึงแผนธุรกิจของรอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทยว่า “รอยัล เอนฟิลด์เริ่มต้นด้วยการเปิดโชว์รูมแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจตลาดแห่งนี้ เรามีแผนการเชิงรุกอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มโชว์รูมแบบสแตนด์อโลนของเราให้อยู่ที่ประมาณ 15 แห่ง และศูนย์บริการหลังการขายอีก 25 แห่งภายในเดือนมีนาคม 2563 แผนการขยายธุรกิจดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการของรอยัล เอนฟิลด์ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่”

Royal Enfield

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดแรกๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รอยัล เอนฟิลด์จำหน่ายอินเตอร์เซปเตอร์ 650 (Interceptor 650) และคอนติเนนทัล จีที 650 (Continental GT 650) ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานเครื่องยนต์สูบคู่เรียงรุ่นใหม่ นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2561 รถมอเตอร์ไซค์สูบคู่มียอดจองแล้วกว่า 700 คันในประเทศไทย โดยทำการส่งมอบไปแล้วกว่า 100 คัน รถมอเตอร์ไซค์สูบคู่ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากมรดกความสำเร็จของรอยัล เอนฟิลด์และได้รับการพัฒนาให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่อย่างแท้จริงคือการเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงที่จำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน รถมอเตอร์ไซค์สูบคู่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดภายใต้ความร่วมมือระหว่างทีมนักพัฒนาในศูนย์เทคโนโลยีของรอยัล เอนฟิลด์ทั้งในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย และเมืองบรันติงธอร์ป (Bruntingthorpe) ในสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ อินเตอร์เซปเตอร์ 650 เพิ่งคว้ารางวัลรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ประเภท “โมเดิร์นคลาสสิก – มิดเดิลเวทยอดเยี่ยม” ที่งานประกาศรางวัล Thailand Bike of the Year 2019 อีกด้วย

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ