รถมือสองรุ่นเด่น!! Nissan X-Trail T32 เอสยูวีขับดีขับสนุกที่ไม่ควรมองข้าม

  • โดย : Autodeft
  • 17 พ.ค. 64
  • 11,935 อ่าน

รถยนต์ญี่ปุ่นจากเมืองโยโกฮาม่า อย่าง นิสสัน สร้างสรรค์ยนตกรรม มากมายหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่ง รถยนต์เอสยูวี และรถปิกอัพ แต่ละรุ่นก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาตลดจากสาวกเพื่อนที่เสนดีชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอสยูวี จากรุ่นที่คนไทยคุ้นเคยและคุ้นตาไม่ว่าจะเป็น Nissan Patrol, Nissan Pathfinder, Nissan Terrano II, Nissan Juke ฯลฯ แม้กระทั่ง Nissan X-Trail รวมอยู่ด้วย

Nissan X-Trail

Nissan X-Trail

จริงๆแล้ว Nissan X-Trail เปิดตัวในตลาดโลกมาตั้งแต่ ปี 2000 ผ่านมาแล้วสองเจเนอเรชั่นแต่สำหรับเจเนอเรชั่นที่จะนำเสนอนั้นเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 รหัส T32 โดยเปิดตัวที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2013 แต่สำหรับเมืองไทยเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนปี 2014 และเป็นครั้งแรกของเจนนี้ที่ทาง นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ตัดสินใจประกอบในประเทศแทนการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ประกอบที่โรงงาน นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) บางนา-ตราด กม.22

ความหล่อที่ไม่หลอกลวงสาวกเอกลักษณ์เด่นไม่แพ้ใครในรุ่นก่อนปรับโฉมสมสง่าตั้งแต่ กระจังหน้าทรงตัววี V-Shape ไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟ Daytime แบบ LED ในโคมเดียวกัน ไฟท้ายทรงบูมเมอแรงแบบ LED ราวหลังคา สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราวหลังคา หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ระบบประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ (Auto Lift Gate) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวระบบ Heated Mirror ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ก็ยังเป็นออพชั่นประจำตัวของเจนนี้ ล้ออัลลอยมีให้เลือกถึง 2 ขนาด ได้แก่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65 R17 กับ 18 นิ้วพร้อมยาง 225/60 R18 และความเด่นอีกอย่างคือกระจกโอเปร่า ที่ไม่มีกระจกเล็กๆซ่อนในกระจกประตูหลังคู่ เสา D ที่ออกแบบหนาขึ้นกว่า X-Trail เจนที่ผ่านมารวมถึงการเข้าออกด้านหลังสะดวกมากขึ้น ด้วยชุดประตูหลังที่เปิดได้กว้างถึง 90 องศา 

Nissan X-Trail

เรือนร่างภายนอกเปี่ยมไปด้วยความหรูหราผสานกับความอเนกประสงค์ ปราดเปรียวในทุกองศา ด้วยความยาวตลอดรอบคัน 4,690 มม. กว้าง 1,830 มม. ความสูง 1,740 มม. มาพร้อมฐานล้อยาว 2,705 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 210 มม.น้ำหนักรถ 1,670 กก. และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร ตอบโจทย์ในการใช้งาน

Nissan

Nissan

Nissan

ภายในเป็นครั้งแรกที่ นิสสัน ส่งสเปก 7 ที่นั่งทำตลาดในไทยสำหรับเจนนี้ พร้อมพรั่งด้วยออพชั่นที่ทันสมัย โดยมีโทนสีภายในเลือกถึง 2 สีทั้งสีเบจ และสีดำ ออพชั่นภายในคครบครัน ทั้งมาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ TFTแสดงผล 3 มิติ ขนาด 5 นิ้ว พร้อมแสดงผลข้อมูลการขับขี่ เย็นสบายรอบคันด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual zone ปรับแยกอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา มอบเสียงเพลงอันไพเราะที่ทำให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายขึ้นด้วย ระบบเครื่องเสียง CD, MP3 เชื่อมต่อ AUX, USB และระบบ Nissan Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน โดยผ่าน Application ที่ล้ำสมัย สามารถอัพเดทข้อมูลผ่าน Facebook และค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ผ่าน Google search

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2015 เสริมทางเลือกในรุ่น Hybrid และเป็นครั้งแรกของไทยที่ติดตั้งเครื่องยนต์ลูกผสมระหว่างเบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้าลงในคอมแพ็กเอสยูวีด้วยหน้าตาที่ไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นปกติเพียงแต่ว่าตัดที่นั่งตอนที่สามออกไป เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับจัดวาง แบตเตอร์รี่ลิเธี่ยมไอออน จนมียอดขายสูงสุดในปี 2015 อยู่ที่ 6,755 คัน ซึ่งถือว่าเป็นปีทองของเขาเลยทีเดียว (เริ่มปี 2014 ยอดขาย 574 คัน) และในปีต่อๆมาถึงยอดขายจะลดลงจนในปี 2018 เปิดตัวรุ่นพิเศษภายใต้ขื่อ Limited Editionมากอบกู้ยอดขายด้วยชุดตกแต่งรอบคัน สเกิร์ตด้านหน้า ด้านหลัง และ ด้านข้างด้วยการนำรุ่น 2.0 V 4WD ขายในจำนวนจำกัด 300 คัน

Nissan

Nissan X-Trail

กระทั่งในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2019 เปิดตัวรุ่นปรับโฉมหรือ Facelift ซึ่งเป็นการปรับครั้งแรกในรอบ 5 ปี และยังช้ากว่าตลาดโลก 2 ปี มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรทั้งกระจังหน้า V-Shape ขนาดใหญ่ตัดกับกรอบตัว V สีดำเข้ม ไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟ Daytime ปรับดีไซน์เข้ากับความดุดันของชุดกันชนหน้าที่งานนี้ไฟตัดหมอกเปลี่ยนจากทรงกลมเป็นสี่เหลี่ยมเสริมด้วยชุดคิ้วขอบโครเมี่ยมที่ใต้กันชนหน้า-หลัง และด้านข้าง รวมถึงระบบประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ อัพเวอร์ชั่นใหม่สามารถใช้เท้าเตะไปที่ใต้กันชนหลังเพื่อเปิด-ปิดได้ เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยคราวนี้มีให้เลือกถึง 3 ขนาดด้วยกันจากเดิมมีขนาด 17, 18 นิ้ว มีการเพิ่มขนาด 19 นิ้ว แบบทูโทน 5 ก้านคู่ พร้อมยาง 225/55 R19

Nissan

Nissan

Nissan

ส่วนภายในมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยๆทั้งโทนห้องโดยสารใช้เป็นโทนสีดำเข้มทุกรุ่น (เดิมรุ่นเริ่มต้นเป็นสีเบจ) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้ายตัด 3 ก้าน หุ้มหนังยกชุดจาก Nissan LEAF และ Note เบรกมือจากเดิมจะเป็นที่เหยียบบริเวณใกล้แป้นเบรก เปลี่ยนมาเป็นแบบกดปุ่มไฟฟ้า พร้อม Auto Hold แทน เครื่องเสียงจอสัมผัส 7 นิ้ว อัพเกรดใหม่สามารถดูหนัง DVD และระบบนำทางได้และคอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่และยังมีให้เลือกทั้ง 5 ที่นั่งในรุ่น Hybrid และ 7 ที่นั่งสำหรับรุ่นปกติ

Nissan

โดยมิติตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเริ่มที่ความยาว 4,640 มม. กว้าง 1,820 มม. ความสูง 1,720 มม. มาพร้อมฐานล้อยาว 2,705 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 210 มม.น้ำหนักรถ 1,638 กก. และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร และเมื่อเทียบมิติกับก่อนปรับโฉมมิติที่เล็กลงเล็กน้อย โดยความยาวห่างกัน 50 มม. ความสูงห่างกัน 10 มม. ความสูงห่างกัน 20 มม. น้ำหนักรถห่างกัน 32 กก.

Nissan

Nissan

Nissan

ไม่ว่า Nissan X-Trail รหัส T32 ทั้งรุ่นก่อนและรุ่นปรับโฉมยังใช้ขุมพลังเบนซิน ถึง 3 แบบ เครื่องยนต์เบนซิน QR25DE 2.5 ลิตร 171 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 233 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที เครื่องยนต์เบนซิน รหัส MR20DD ความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 144 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที และเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.0 ลิตร MR20DD 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า รองรับความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.

Nissan

Nissan

Nissan Go Anywhere Malaysia

ทั้ง 3 ขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ X-TRONIC CVT Manual Mode 7 สปีด ระบบขับเคลื่อนมีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ All Mode 4X4-I ที่เลือกได้ทั้งแบบ 2WD, Auto และ Lock เด่นด้วยระบบ Advanced Chassis Control ประกอบด้วยระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HSA – Hill Start Assist) ,ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC – Hill Descent Control) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ, ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ ในขณะที่ผู้ขับขี่ถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง (AEB- Active Engine Brake), ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC – Active Ride Control) เพื่อประสิทธิภาพในการทรงตัวให้ดียิ่งขึ้น, ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ช่วยป้องกันการหลุดโค้ง (ATC – Active Trace Control) และระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (ABLS – Active Brake Limited Slip)ระบบจะช่วยส่งแรงเบรกไปยังล้อที่เกิดการลื่นไหล เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมทิศทางรถได้ทันท่วงที พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐาน โครงสร้างตัวถังนิรภัย (Zone Body Concept) รองรับการกระแทกรอบด้าน พร้อมระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบป้องกันการล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบเบรกป้องกันการล้อล็อค (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง และระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) 360 องศา

Nissan Go Anywhere Malaysia

แต่ในรุ่นปรับโฉมมีการเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นตามแนวคิดเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต Nissan Intelligent Mobilityไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัย 4 จุด และ 6 จุดรอบคัน เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC) ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Forward Collision Warning (FCW) ระบบเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (FEB) ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง Lane Departure Warning (LDW) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Asisst (HBA) และ กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD)

Nissan

จากข้อมูลอ้างอิงในการทดลองขับ Nissan X-Trail ที่ได้เคยรีวิวไป ถ้าเป็นรุ่น Hybrid 2.0 ให้กำลังเทียบเท่ากับรุ่นเบนซิน 2.5 ลิตร ถึงแรงม้าห่างกัน 8 แรงม้า ก็ตาม เหมาะกับพ่อบ้านแม่บ้านที่ต้องรีบไปช็อปที่ห้างในวัน Sale ลดราคา หรือ ต้องรีบไปส่งลูกที่โรงเรียน ทันทีทันใด ส่วนเส้นทางในสวนผึ้งที่เต็มไปด้วยขึ้นเขาลงเขา ทางโค้งค่อนข้างคดเคี้ยวนั้น ระบบ Hybrid ก็ตอบสนองการทำงานแบบฉับไวจริงๆ ยิ่งตอนลงเขานั้นจะเข้าระบบมอเตอรไฟฟ้าอย่างเดียวเพื่อรีชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังใช้ได้ในตอนชะลอความเร็วเมื่อเข้าไฟแดง สิ้นเปลืองในเมืองทำได้ 9.82 กม./ลิตร นอกเมือง 11.4 กม./ลิตร

Nissan Go Anywhere Malaysia

ทางด้านรุ่น 2.5 ลิตร ที่กำลังวังชาไม่ต่างจากรุ่น Hybrid ถึงแม้เป็นเครื่องสันดาปแท้ๆก็เร่งได้สะใจน่าดู จนมันอาจจะทำให้คุณกลายเป็นคนขับรถเร็วไปโดยปริยาย จากอัตราเร่งที่เหลือเฟือ การขับขี่ค่อนข้างได้ความรู้สึกความสปอร์ตทุกครั่งที่เดินคันเร่ง แล้วดูเหมือนคุณแทบจะแซงรถทุกคันบนถนนกำลังที่ออกมาในแบบที่ค่อนข้างเหลือเฟือในการใช้งานนั้น ทำให้การเร่งแซงบนถนนทางราบ อย่างถนนมิตรภาพ ช่วงสระบุรีมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครค่อนข้างมั่นใจ ที่จริงแล้วรถค่อนข้างพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วแถมอัตราสิ้นเปลืองในเมืองทำได้ 8.06 กม./ลิตร นอกเมือง 10.92 กม./ลิตร และ Save Mode ทำได้ 14.42 กม./ลิตร

Nissan

Nissan Go Anywhere Malaysia

แต่ 2.0 ลิตรที่ไร้ทั้งแบตและมอเตอร์ไฟฟ้านั้นเป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Renault และ Nissan การขับขี่ถือว่าจัดอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ไม่ขี้เหร่ กำลังดีพอใข้ได้ แม้สิ้นเปลืองในเมืองทำได้ 8.00 กม./ลิตร นอกเมือง 12.58 กม./ลิตร และ Save Mode ทำได้ 15.07 กม./ลิตร

ระบบกันสะเทือน Nissan X-Trail ไม่ว่าจะรุ่น Hybrid หรือ ปกติใช้ช่วงล่างเมือนกันทั้งด้านหน้าใช้แบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างออกแข็งๆ กระด้างหน่อยแต่การเข้าโค้งกลับสอบผ่านทำให้เป็นรถที่ขับสนุกในทางต่างจังหวัดแต่ความหนึบของช่วงล่างกลับโดดเด่นที่สุด รวมถึง ระบบเบรก ช่วงแรกๆเมื่อรถหยุดนิ่งนั้น แป้นแบรกจะเหยียบแบบเบาๆ แต่เมื่อใช้ความเร็วนั้น แป้นเบรกจะหนืดขึ้น เหยียบแล้วสามารถหยุดทำงานทันใจขึ้น เมื่อเหยียบไป ประมาณ 20-30 %

Nissan Go Anywhere Malaysia

นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆที่ Nissan X-Trail T32 ที่ตัวเลขยอดขายในไทยตั้งแต่ปี 2016 ตกต่ำมาเรื่อยๆถึงจะมีรุ่นปรับโฉมมายอดขายก็ตกต่ำจนน่าใจหาย โดยมียอดขายสะสมตั้งแต่ปี 2014-2020 ในไทยเกือบ 16,000 คัน และจากปัญหาของรุ่น Hybrid ทั้งระบบเกียร์ที่ผลิตโดย Jatco เครื่องยนต์ และอื่นๆ ทำให้ความนิยมหล่นหายไป จนมีการลดราคาเพื่อระบายสต็อกและยุติการจำหน่ายไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีกลายและไม่มีวี่แววว่าจะมีเจนใหม่มาสานต่อ โดยราคาป้ายแดงช่วงนั้น.ในรุ่นก่อนปรับโฉมจำหน่ายเริ่ม 1,172,000-1,551,000 ในรุ่นเบนซิน และ 1,249,000-1,395,000 บาท ในรุ่น hybrid ส่วนรุ่นปรับโฉมเริ่มต้น 1,350,000 - 1,660,000 บาท ในรุ่นเบนซิน 2.5 และ 1,537,000-1,617,000 บาทในรุ่น Hybrid

แต่ด้วยความเป็นรถที่มีคุณภาพทั้งในเรื่องการขับขี่ช่วงล่างและเทคโนโลยีที่เด่นเป็นสองรองใครก็ยังเป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสองด้วยราคาเริ่มต้นที่ 600,000- 850,000 บาท ขึ้นอยู่กับปีรถสภาพตัวถังและระยะทางการใช้งาน แต่ถ้าเอามาใช้งานในครอบครัวและไม่อยากมีปัญหาภายหลัง แนะนำเป็นรุ่นเบนซิน 2.0 กับ 2.5 จะดีกว่า ถึงราคามือสองอาจไม่ดีเท่า Honda CR-V แต่ก็ได้ความดีทั้งในเรื่องความเงียบ ช่วงล่างนุ่ม ขุมพลังที่พอไปได้ถึงต้องแลกกับอัตราสิ้นเปลืองที่รับประทานเป็นชีวิตจิตใจ ในรุ่นเบนซินเท่านี้ก็สามารถเป็นเจ้าของเอสยูวีพรีเมี่ยมคันนี้ได้

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ