Full Review : Subaru Levorg 1.6 GTS พ่อบ้านอยากซิ่ง.... แม่บ้านสั่งห้าม !!!!

  • โดย : Autodeft
  • 16 พ.ย. 59 00:00
  • 42,491 อ่าน

รถในฝัน...พูดถึงประโยคนี้พวกเราหลายคนคงละเมอเพ้อภพไกลอยากได้ Ferrari - Lamborghini – Porsche และรถราคาแพงอีกมาก แต่เอาเข้าจริงฝันที่เป็นจริงได้และใกล้ชิดกับเรามากกว่า ชายชาตรีถวิลหาคงไม่พ้นรถยนต์ตราดาวลูกไก่ ค่าย Subaru รถดีราคาไม่แพงมากเกินเอื้อมและยังพอมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ว่า จะเป็นเจ้าของสักวัน

 

ไม่แปลกที่หลายคนถวิลหา  Subaru WRX   เมื่อพวกเขาคิดว่าต้องการสมรรถนะในการขับขี่ กำลังแรงเต็มเปี่ยมจากเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา แต่ฝันกลางวันก็สลายไป เพียงคิดว่า
“เธอๆ ฉันจะซื้อ  WRX”  ทันใดภรรยาของคุณก็จะต้องกลับมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ  ต่อด้วยคำพูดอย่างเช่น  “ซื้อทำไมแพง รถแรงไป แก่แล้วยังจะบ้ารถซิ่งอีก”  นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ทำเอาชายอย่างเราต้องหวานอมขมกลืนช้ำอกช้ำใจมานักต่อนัก

รถทดสอบ   Subaru Levorg

 หากว่าถ้าเรายังสามารถเดินตามฝันได้ และมันไม่ทำให้คุณโดนภรรยาด่าว่าใช้เงินสะรุ่ยสะร่ายไม่มองถึงอนาคตของเธอ และลูกของคุณ.... คุณคงเริ่มสนใจใช่ไหม..

ปัญหานี้กินแหนงแคลงใจไม่น่าแปลกใจที่ผมเห็นบรรดาบริษัทรถยนต์ชั้นนำหลายรายหันมาเอาดีทางด้านรถยนต์ทรงแวน  5 ประตูมากขึ้น หนึ่งในนั้น คือรถยนต์จากค่าย  Subaru   ที่เพิ่งเปิดตัวรถยนต์   Subaru Levorg (ซูบารุ เลอเวอก) เข้ามาในประเทศไทย มันเป็นรถที่ราคาไม่แพงจนเกินไป อาจจะไม่แรงแบบฝันของชายหลายคน หากมันก็ยังเป็น   Subaru  เครื่องเทอร์โบ มาพร้อมระบบขับสี่ เหมือนทีหลายคนอยากได้

Subaru  Levorg   คือผลผลิตจากอดีตจาก  Subaru  Legacy Van  ในรุ่นช่วงปี  90 ซึ่งภายหลังพัฒนาต่อมาเป็น    Subaru Legacy Wagon  ในรุ่นก่อนหน้า ตัวรถค่อนข้างเน้นไปทางความหรูหรา จึงไม่ได้รับคามนิยมมากนัก อย่าว่าแต่ไทยเลย ทั่วโลกเจ้า  Legacy Wagon  ก็ขายไม่ได้มากมายอะไรนัก และนั่นทำให้ค่ายดาวลูกไก่ต้องคิดหนักมากๆ เมื่อพวกเขาจะเปิดตัวรุ่นใหม่

การเปิดตัว   Subaru Levorg   นับเป็นการเปลี่ยนเกมที่สำคัญ   Subaru  รู้ว่ารถทรงพ่อบ้านขายยากกว่ารถเก๋งซีดาน แต่พวกเขาก็มีดีกรีเจ๋งเรื่องรถ 5  ประตูอยู่ในบ้าน แต่จะทำอย่างไรให้คนหันมาซื้อรถพวกเขา

รถทดสอบ   Subaru Levorg

การครุ่นคิดหัวแทบแตกของ นักออกแบบ วิศวกร และ การตลาด ที่คงจับโต๊ะลงนั่งคุยกันอย่างคร่ำเครียด หลังนายสั่งมา ทำให้แนวทางการพัฒนารถรุ่นใหม่ชัดขึ้นในทันที

แน่นอนในด้านการตลาด การสร้างยอดขายมากๆ รถต้องโดนใจ รถยนต์ที่ถือว่าเป็นในฝันของชายทุกคน หรือลูกค้าทุกคนของ  Subaru  นั้น คือ  Subaru   WRX  .... 

ด้วยการมองไปยังดาวเด่นของค่าย ทางการออกแบบก็คงเลย ...เออ งั้นเราก็ออกแบบรถคันนี้ให้ดูเหมือน  WRX   สิ  จุดเด่นสำคัญ คือ รถหน้าโหดจมูกโต เด่นเห็นมาแต่ไกล  

ทางด้านวิศวกรรมก็เลยเสริมต่อว่า งั้นเราจัดเครื่องเทอร์โบขับสี่ด้วยละกัน

ทุบโต๊ะจบปั้ป ก็บูมกลายมาเป็นสูตรสำเร็จพัฒนาเจ้า  Subaru Levorg   ที่อยู่ตรงหน้าผมในวันนี้

 

ผมจำได้ว่าแรกเห็น   Subaru  Levorg   มันดูแล้ว นี่มัน   Subaru WRX   ชัดๆ แต่เฮ้!!! หน้า ใช่แต่ตูดไม่ใช่นี่หว่า  รถทรงพ่อบ้านแบบนี้ยังไม่ใช่วัยของเรา แต่เมื่อเหลือบมองราคา ต้องยอมรับว่า เร้าใจอย่างยิ่ง มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาทันที ราคาที่บอกเบื้องต้นว่าแพงกว่า   Subaru  XV  รุ่นทอปเพียง   6  แสนมันทำให้ผมใจชื้นขึ้นมา ว่าโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ ไม่ใช่ฝันกลางวันอีกต่อไป

หน้าตาที่ดูเข้าที เส้นสายการออกแบบ   Subaru  Levorge   นี่แทบพูดได้เลยว่าลอก  Subaru   WRX   มาหลายจุดสนองความต้องการในการใคร่อยากมีของสาวก Subie   ทั้งหลาย  หน้าตาที่ถอดแบบมาจากตัวแรงให้เส้นสายที่แลดูราบลื่นมากกว่า  การลดดีกรีความดุดัน ช่วยให้มันเป็นรถที่ดูแล้วไม่น่าหวาดกลัวเหมือน   WRX   แต่ก็ยังคงไว้ซึ้งดีกรีของความเป็นเสือร้ายแห่งถนน มันไม่ต่างอะไรระหว่างคนใจร้อนที่ปัจจุบันกลายเป็นคนสุขุม

รถทดสอบ   Subaru Levorg

รถทดสอบ   Subaru Levorg

การออกแบบอันเปี่ยมล้น ถูกถ่ายทอดสู่ด้านข้างผ่านทรวดทรงเรือนร่างยาว  5  ประตู ด้านท้ายเน้นการออกแบบที่แลดูทันสมัยมากๆ ไม่น่าเชื่อ  Subaru  ออกแบบให้รถดูหรูทันสมัยได้ดีไม่หยอก หากก็ยังแอบความสปอร์ตเอาไว้ด้วยชุดท่อไอเสียคู่ พวกเขาคงวางเป้าหมายตลาดยุโรปเป็นสำคัญ รถเลยออกมาเน้นหน้าตาในภาพรวมดูดี  เพิ่มเสน่ห์ในความสปอร์ตด้วยล้อขอบ 18   นิ้ว ลาย  5  ดาบ สีทูโทนตามยุคสมัย  จัดยาง 225/45/R18  มาให้พร้อมสนองการขับขี่

สตาร์ทเครื่องยนต์ออกมามองรอบรถ ทำเอาแปลกใจ เจ้า  Subaru  Levorg  บ้านเราไม่มีไฟ   Day Time Running Light LED   แต่ทางค่ายดาวลูกไก่ต่อเอาเจ้าไฟตัดหมอกมาเป็นไฟ   Day Time  เสียอย่างงั้น  ทำเอาผมคิดไม่ตกว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ คนทั่วไปคงจะแปลกใจว่า เฮ้ย.. !! รถคันนั้นมันเปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อทำไม แถมยังล่อเป้าตำรวจแจกใบสั่งข้อหาใช้ไฟตัดหมอกไม่เหมาะสม ทั้งที่จริงๆแล้วโรงงานเขาผลิตมาแบบนี้ และคุณคงไม่ชอบใจนัก ...ผมก็เช่นกัน

มองร่างที่ดูใหญ่ยาวของ   Subaru Levorg   บางทีก็แอบหวั่นใจว่ามันจะขับยาก แต่ความจริงมันไม่ได้เกินอะไรอย่างที่เราหลายคนคิด ด้วยความยาวตลอดคัน 4,690  มม. กว้าง 1,780   มม. และสูง 1,490   มม. ตัวรถมาพร้อมฐานล้อยาว   2,650   มม. จนพอจะบอกได้ว่าอาจจะดูยาวด้วยสายตา แต่ความจริงก็ไม่ได้ยาวมากกว่าเก๋งซีดานกลางเลยด้วยซ้ำไป

เปิดประตูด้วยกุญแจรีโมท หย่อนตัวลงบนเบาะนั่งฝั่งคนขับแรกสัมผัสบอกเลยว่านี่คือรถที่เน้นในความสบายการขับขี่เป็นสำคัญ เบาะนั่งทำออกมาได้ค่อนข้างใหญ่ ใช้งานง่ายด้วยการปรับไฟฟ้าสัมผัสให้ได้ท่าตามต้องการ ตรงหน้า เป็นพวงมาลัยสามก้านตูดตัดทรง   D Shape   มาพร้อมปุ่มต่างๆ ที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะระบบเครื่องเสียงทางฝั่งซ้าย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติทางฝั่งขวา ตลอดจนยังสามารถเลือกโหมดในการขับขี่ได้ตามต้องการ หลบในด้านซ้ายเป็นชุดคุมจอตรงกลางอัจฉริยะ ตัวพวงมาลัยสามารถ ปรับขึ้นลงแถมยืดหดได้ตามต้องการของผู้ขับขี่ ไฟเลี้ยวและก้านน้ำฝนเป็นแบบสไตล์รถยุโรป ไฟเลี้ยวอยู่ฝั่งซ้าย ปัดน้ำฝนอยู่ขวา ได้เสน่ห์รถตัวนอก

รถทดสอบ   Subaru Levorg

เหลียวมองตรงกลางคอนโซลหน้า เป็นหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะเลือกได้หลายแบบตามต้องการ ไม่ว่าจะระยะทางในการขับขี่ , ระยะทางคงเหลือ ตลอดจน ยังสามารถแสดงโหมดซิ่ง บอกการใช้คันเร่งของคุณจังหวะการทำงานของเทอร์โบ รอบๆมีไฟเตือนรัดเข็มขัดผู้โดยสารทั้งหมด   5   ที่นั่ง ... มาให้

ถัดลงมาเป็นชุดจอสัมผัสระบบเครื่องเสียง เมนูแสดงผลเข้าใจง่ายไม่ลำบากรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนมาแล้ว ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศต่างๆ ตามด้วยช่องสัญญาณจากภายนอกของระบบเครื่องเสียงและช่องเสียบ  USB

พูดถึงเจ้าช่องเสียบ   USB   ,Subaru  Levorg   ก็จัดมาให้เต็มที่มีช่องเสียบ  USB    6 ช่องเสียบ แถมทั้งหมดสามารถทำหน้าที่เป็นช่องชาร์จ  Power Outlet   แบบเดียวกับไฟบ้าน  ด้วยแรงดันไฟฟ้า   5   โวล์ต สองช่องอยู่ถัดจากคอนโซลหน้า อีกสองช่องอยู่ที่ในเก๊ะกลาง และอีกสองจัดมาให้สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ได้ใช้งานกัน

รถทดสอบ   Subaru Levorg

ช่วงกลางบริเวณคันเกียร์ จัดวางปุ่มใช้งานต่างๆเพิ่มเติม เริ่มจากปุ่มเปิด-ปิด ระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ และแม้บ้านเราจะไม่ได้ใช้ออพชั่น เบาะอุ่นร้อนบ่อยนัก หากรถก็มีมาให้ได้ใช้สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า แต่ที่ผมว่าไม่น่ามีปุ่มดันมี คงไม่พ้นเจ้าปุ่มเปิด-ปิด ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน มันน่าจะทำงานอย่างอัตโนมัติ ตามความคิดเห็นของผม

ลงจากเบาะหน้ามาดูด้านหลัง   Subaru Levorg    มาพร้อมห้องสัมภาระขนาดใหญ่มากพอรองรับสัมภาระของทุกคน  Subaru  เปิดเผยรายละเอียดห้องเก็บสัมภาระว่า มีความยาว 1,070  มม.   กว้าง 1,080  มม.   ระยะจากพื้นถึงความสูงเพดานรถช่วงประตูท้ายสูง   770  มม.  และเมื่อเปิดประตูท้ายเต็มที่จะมีความสูง 1,806   มม. มีความจุดทั้งสิ้น   522   ลิตร  โดยนอกจากนี้ใต้พื้นรถยังมีช่องเก็บของลับสำหรับซ่อนเงินทอง หรืออะไรก็ว่ากันไป ขนาดความจุ   40   ลิตร

รถทดสอบ   Subaru Levorg

เช่นเคยเบาะนั่งตอนหลังสามารถปรับพับได้ในอัตรา  60/40   ตลอดจนยังสามารถปรับความชันพนักผิงหลังได้นิดหน่อย ตรงกลางมาพร้อมพนักเท้าแขน พร้อมที่วางแก้ว และขาดไม่ได้กับเข็มขัดนิรภัย  3  จุดทุกที่นั่งในรถ ส่วนเรื่องที่นั่งในการโดยสารต้องยอมรับว่าเอาเข้าจริงไม่ได้กว้างขวางมากมาย ผมกับเดือนอาจจะเป็นคนสูงทั้งคู่ลองสลับนั่งกันดู ต้องบอกว่ามีติดช่วงระยะวางขาอยู่บ้างเล็กน้อย ผมมองว่า มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกหน่อย จะได้ใจไปเต็มๆ ...

รถทดสอบ   Subaru Levorg

กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ขุมพลังบ็อกเซอร์สูบนอน  4  สูบ ขนาด   1.6  ลิตร ฟังดูเป็นตัวเลือกยอดแย่สำหรับรถขนาดใหญ่ แต่เจ้า   Subaru Levorg   ก็ทำให้หลายคนสนใจด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ พกอานุภาพความแรงระดับเดียวกับเครื่องยนต์ขนาด   2.5   ลิตร   ด้วยกำลังสูงสุด  170   แรงม้า ตั้งแต่   4,800- 5,600   รอบต่อนาที  และทำแรงบิดสูงสุด   250   นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,800-4,800   รอบต่อนาทีอาจจะฟังดูไม่แรงมากในการขับขี่ แน่นอนคุณพูดถูก เจ้านี่ไม่ใช่รถซิ่งอย่างที่เข้าใจกัน แต่กระนั้นก็ย่าลืมว่ามันยังมีหอยร้ายฝังในให้คุณสนุกสนานในทุกเส้นทาง

กวาดพวงมาลัยเดินทางในเมือง สัมผัสแรก   Subaru Levorg   คือรถพ่อบ้านที่มีสไตล์ของมัน หน้าพิมพ์เดียวกับ  WRX   และมีขนาดใหญ่กว่าทำให้รถคันนี้ทำให้คุณหลอกเพื่อนร่วมทางได้ว่า ตัวแรงมาแล้ว!!! ทั้งที่จริงๆ คุณมีกำลังน้อยกว่า  WRX   พอสมควร

จุดเด่นเมื่อขับ Subaru Levorg คือความคล่องตัวเหนือชั้นกว่ารถรุ่นอื่นในตระกูล Subaru  แม้ว่าเรือนร่างของมันจะยาวแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในการใช้งานจริงบนถนน  แถมมิหนำซ้ำรถยังขับสบายพอสมควร การมีเทอร์โบช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ แรงบิดสูงในรอบต่ำอาจจะมีจังหวะรอรอบบ้างในช่วงแรกๆ เมื่อเหยียบคันเร่ง แต่เมื่อเทอร์โบทำงาน มันเป็นสวรรค์ของนักขับทั้งหลาย คุณรู้สึกไม่อยากจะเปลี่ยนเท้าไปเหยียบเบรกเลยแม้สักเสี้ยววินาที รถพุ่งทะยานขับได้ดี

รถทดสอบ   Subaru Levorg

และเมื่อมาถึงไฟแดงเหยียบเบรก เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานทันที ช่วยเพิ่มอัตราประหยัดน้ำมันในการขับขี่ ... แต่เมื่อมาถึงช่วงเวลาสำคัญต้องลองวัดอัตราประหยัดในเมือง   Subaru Levorg   กลับไม่ประหยัดอย่างที่คิดมากมายนัก ผมขับในเมืองมาทั้งสิ้น 120.4   กิโลเมตร  เติมน้ำมันคืนถังไปที่ 12.741  ลิตร สรุปตัวเลขอัตราประหยัดทำได้  9.44   ก.ม./ลิตร ในภาวะนั่งสองคนฝ่ารถติดเมืองกรุงตามสภาวะการจราจรจริง 

ถามว่าประหยัดไหมก็พอได้อยู่นะ เพราะเมื่อนำตัวเลขอัตราประหยัดมาเทียบกับรถลักษณะเดียวกันอย่าง   Volvo V60 D4   ที่ทดสอบก่อนหน้านี้ไม่นาน ต้องยอมรับว่า ได้ตัวเลขประหยัดใกล้เคียงกัน ( Volvo  V60 D4   ทำอัตราประหยัดที่  9.86  ก.ม./ลิตร  - น้ำมันดีเซล) แถม  Subaru  ยังเป็นเครื่องยนต์เบนซินและมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออีกต่างหาก

และเรื่องอัตราประหยัดที่ใกล้เคียงกับดีเซลจากยุโรปนี้ถูกพิสูจน์อีกครั้งจากการทดสอบอัตราประหยัดเฉลี่ยในภาวะขับจริง   Bonn Test Mode   ผมจบอัตราประหยัดของ  Subaru Levorg  หลังจากผ่านกระบวนการคำนวณที่ 11.91  ก.ม./ลิตร   ด้อยกว่า เพื่อนร่วมรุ่นจากสวีเดนอยู่นิดหน่อย (Volvo V60 D4  ทำอัตราประหยัด   Bonn Test mode   ที่   12.81   ก.ม./ลิตร - ดีเซล)  

ความประหยัดที่ทำได้ดีจนเทียบเคียงใกล้รถจากสวีเดน ทำเอาผมประหลาดใจไม่น้อย เมื่อมาสรุปผลอัตราประหยัดช่วงแรก ..ออกมา แน่นอนนี่เป็นอานิสงค์ของเทคโนโลยีลดขนาดเครื่องยนต์และเพิ่มกำลังด้วยเทอร์โบ หรือที่เรียกันอย่างชินปากว่า   “Down Sizing”  มันตอบโจทย์อัตราประหยัดได้ดี และยังทำกำลังการขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

รถทดสอบ   Subaru Levorg

นาทีนี้    Subaru  Levorg กำลังทำให้ผมสนุกกับการขับขี่บนทางหลวง เมื่อขับมันออกนอกเมือง คุณจะดูเหมือนเป็นคนขับรถเร็วไปโดยปริยาย ด้วยกำลังแรงบิดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง    250   นิวตันเมตร ตั้งแต่   1,800 – 4,800  รอบต่อนาที  ช่วยให้คุณวิ่งเร็วแซงใครต่อใครอย่างสบายใจ และยามที่ต้องเร่งให้ทันใจ ระบบเกียร์   Linear CVT   ก็ยังมาพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ตามใจฉัน   Paddle Shift   บริหารนิ้วมือหลังพวงมาลัย จนเรื่องกำลังของรถไม่ใช้เรื่องที่น่ากังวลอะไร แม้ว่าจะนั่งกันเต็มรถก็ตามที

เห็นสภาพดูหน้าตาซิ่งสุดใจ อาจจะมีความกังวลว่าช่วงล่างมันจะแข็งไหม  ??

บอกว่าเลยว่าช่วงล่าง   Subaru  Levorg   ไม่โหดร้ายสปอร์ตเด้งจนย่อยอาหารมื้อกลางวันรวดเร็วแบบ   WRX   ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นรถที่ออกแบบมาสำหรับครอบครัว การเซทช่วงล่างทางด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท  คอยสปริง พร้อมเหล็กกันโคลง คู่กับระบบ Double Wish bone  พร้อมเหล็กกันโคลง ทางด้านหลัง ปรับบุคลิกให้รถคันนี้ออกมาทางแน่นหนึบนั่งสบาย ทั้งตอนหน้าตอนหลัง  คุณจะยิ่งแปลกใจที่พบว่า วิศวกรดาวลูกไก่ทำรถดีๆแบบนี้ได้เช่นกัน ไม่ใช่ถนัดแต่สายซิ่ง

การตอบสนองของชุดโช๊คหรือสปริงทำได้ไวพอสมควรไม่ต่างจาก  WRX   เพียงแต่เรื่องอาการกระเด้งดิบๆ นั้นไม่มีให้ศรีภรรยาบ่น ว่า “เธอซื้อรถอะไรมา” ยิ่งเมื่อมาดูยางแก้มเตี้ยที่ให้มา และระยะจากขอบยางถึงช่วงขอบแก้มซุ้มก็ไม่ได้เว้นมากมายอะไรนักต้องยอมรับว่า โช๊คและสปริงชุดนี้ตอบสนองไวจริงๆ  แถมยามเข้าโค้งรถเกาะถนนนิ่งเป็นตุ๊กแก อานิสงค์จากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ  Symmetrical All wheel Drive ผสานการทำงานเข้าขาได้ดีกับระบบกันสะเทือน แม้ว่ารถจะมีความใหญ่และยาวกว่าเจ้า  WRX  แต่เรื่องอาการหน้าดื้อท้ายปัด ไม่มีออกมาให้เห็นแม้ว่าจะใช้ความเร้วในโค้งมากมายก็ตาม

ขับมายาวนานถึงที่หมายปลายทางเขื่อนป่าสัก ได้เวลาที่เราจะมาวัดอัตราประหยัด ผมกดหน้าจอดูระยะทางทำการคำนวณอัตราประหยัดนอกเมือง สรุปดีสุดทำได้เพียง   9.59  ก.ม./ลิตร แพ้เจ้าสวีเดนที่ทำได้ดีกว่าพอสมควร อาจจะด้วยระบบเกียร์ของทางสวีเดนที่เหนือกว่ามีอัตราทดมากกว่า และเครื่องยนต์ดีเซลก็มีดีกรีโดดเด่นยามขับนอกเมืองอยู่แล้ว แต่คุณก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก เมื่อนับว่ากำลังสนุกกับเครื่องยนต์เทอร์โบและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้มาในเจ้ารถคันนี้

 

Subaru  Levorg   ...แรลลี่คาร์ในชีวิตจริง...รถสุดซิ่งไม่ทิ้งฝัน ...

ระหว่างที่เขียนบทความรีวิวนี้ ผมเปิดไปเจอเว็บไซต์ Subarulevorg.asia   ผมชอบคอนเซปต์ที่พวกเขาพยายามบอกในรถคันนี้มากๆ ว่า   “Rally Car For The Real Life“  (ไม่รู้ว่าพวกเขาแอบล้อวอลโว่หรือเปล่านะ)

ใช่..ครับ เราทุกคนมีความฝัน ผมเองก็เคยเป็นวัยรุ่นบ้ารถชอบรถแต่ง แต่พอโตขึ้นมาเราทำงานเองเก็บเงินเอง ก็เริ่มรู้คุณค่าของเงินที่หามาได้มากขึ้นและใช้มันแสวงหาความสุขเท่าตามสมควรเหมาะสมมากขึ้น

รถทดสอบ   Subaru Levorg

ผมจำไม่ได้ว่าเป็นคำพูดใครแต่เคยเห็นผ่านโซเชี่ยลในกลุ่มรถซิ่งที่ผมไปอาศัยอยู่ประจำว่า  “เมื่อโตขึ้นเราไม่ได้เลิกชอบการแต่งรถ แต่เรารู้จักคุณค่าของเงินที่จะใช้ในการแต่งรถมากขึ้น” ... ผมบอกเลยครับว่านี่เรื่องจริงที่สุดของชีวิตสายซิ่ง และมันสอดคล้องกับความเป็นจริงของชีวิตนักซิ่งสมัยวัยกระเตาะหลายคนที่หันมาเอาดีใส่ใจรักครอบครัว และดูเหมือน   Subaru   เองก็รู้ตัวว่าแบรนด์ของพวกเขาอยู่ในใจทุกคนที่รักความเร็วชอบความแรง การออกรถรุ่น  Subaru  Levorg  เหมือนการทำให้หลายคนมีโอกาสสำคัญที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง โดยทำให้คนที่มาใช้ชีวิตคู่ร่วมเดินทางไปข้างหน้าด้วยกันอย่างสบายใจ และยังพร้อมสำหรับคนที่อาจจะตามมาในอนาคตอีกด้วย

ไม่น่าเชื่อ Subaru  ตีโจทย์นี้แตกกระจุย ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ไตรภาคีที่เริ่มคุยสร้างรถยนต์ Subaru Levorg   เป็นใครบ้าง แต่อยากจะบอกว่า มันน่าชื่นชมมากๆ ที่พวกเขากล้าจะสร้างอะไรที่แตกต่าง จนแม้แต่คนที่  SUBARU  เองยังยอมรับว่า  Subaru Levorg   เป็นรถที่คนสนใจ แม้ไม่ได้อัดโปรโมชั่นมาก มีคนถามถึงพอๆกับ  Subaru XV  และ   Subaru Forester  เลยทีเดียว

ในแง่ตัวรถ ผมว่ามันลงตัวนะ ..... รถตอบตัวมันเองในความเป็นพ่อบ้านอดีตขาแรงที่ยังไม่ทิ้งตัวตนในเรื่องความบ้าและชอบรถ ด้วยดีไซน์ที่คล้าย  WRX   ทำให้คุณสามารถหลอกใครต่อใครได้ยามวิ่งมาทางด้านหลัง เมื่อเขาเห็นหน้าตารถส่วนใหญ่จะหลบให้ด้วยความเข้าใจผิดว่ามันคือ  Subaru  WRX   แต่เมื่อแซงไปพวกเขาคงจะกัดฟันกรอด เมื่อเห็นทรวดทรงพ่อบ้าน ที่มาอย่างแรงไปอย่างเร็ว ในร่างรถแวน 5  ประตู

สิ่งเดียวที่ขัดใจภายนอกสำหรับผม คงไม่พ้นเจ้าไฟ  Day Time Running Light   ที่จัดมาล่อเป้าพี่ตำรวจอย่างยิ่ง ด้วยการเปิดไฟตัดหมอก เรื่องนี้ผมไม่ค่อยโอเค!! กับมัน

ส่วนภายในห้องโดยสาร Subaru  Levorg   ออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัวแล้ว มันตอบโจทย์ในความสปอร์ตมากๆ จนคุณแทบไม่ต้องปรับแต่งเพิ่ม น่าเสียดายการโดยสารตอนหลังค่อนข้างแคบไปหน่อย เมื่อนับว่ามันเป็นรถที่มาจากพื้นฐานของ   Subaru  Legacy   ใหม่ ก็น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ แต่เรื่องคุณภาพในการโดยสารผมให้มันในระดับดีเยี่ยม รวมถึงความปลอดภัยและฟังชั่นใช้งานต่างๆ ให้ลูกเล่นมาครบถ้วนกระบวนความ

รถทดสอบ   Subaru Levorg

 

<p style="text-align: center;>

ขาดเพียงพวกระบบความปลอดภัยที่สมควรจะมีเข้ามามากกว่านี้ โดยเฉพาะ   Subaru  Eyesight  ระบบความปลอดภัยชั้นนำระดับโลก ทางผู้นำเข้ามาจำหน่ายในไทยน่าจะพิจารณาเข้ามาเป็นออพชั่นได้แล้ว

ด้านสมรรถนะการขับขี่ แม้ว่าคุณอาจจะตะขิดตะขวงใจกับเครื่องยนต์  FB16   เจ้า  1600 ซีซีเทอร์โบ ทว่ากำลังของมันเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด  2.5   ลิตรแถมมีกำลังแรงบิดมากกว่า มันทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้เฉลี่ย 10.566 วินาที อัตราเร่ง  80-120  ก.ม./ช.ม.เฉลี่ยที่  7.133  วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่  205   ก.ม./ช.ม. โดยเทอร์โบทำแรงดันสูงสุดที่   12.2  ปอนด์ต่อตารางนิ้ว  หรือ   0.84   บาร์ มันไม่มากมายแต่ก็แรงกำลังดีไม่เฉื่อยชา ทว่าเรื่องอัตราประหยัดก็ไม่ได้ดีอะไรนัก ด้วยความใหญ่และยาว แถมยังมีระบบขับสี่ของรถ

Subaru Levorg   เป็นรถที่ผมว่าน่าสนใจ เราอาจจะมองข้ามไปจากทรวดทรงพ่อบ้าน ดูแล้วไม่ถูกใจขาโจ๋วัยซิ่ง แต่เพียงลองคบลองขับใช้ชีวิตอยู่กันมันอย่างที่ผมทำ ก็กลายเป็นรถที่ลงตัวมากๆ มันเหมือนคุณไม่เคยหลงรักผู้หญิงที่ดูธรรมดามองหาแม่ของลูก ชอบเกี้ยวมองสูงสเป็คพริตตี้ แต่เมื่อได้ลองคบลองพาเธอเที่ยว กินข้าวดูหนังฟังเพลงแล้ว รู้ว่าเธอคือคนที่ใช่ ...เรื่องเดียวกันนี้คุณก็พบได้ในเจ้ารถคันนี้ ขอเพียงลองเปิดใจ แล้วจะรู้ว่าไม่จำเป็นต้อง  WRX  คุณก็ได้ความเป็น Subaru ขนานแท้ ที่ไม่ได้เป้นสองรองใครและคุณมีความสุขกับมันทุกวัน...

 

เรื่องโดย  ณัฐยศ ชูบรรจง   Content Specialist -  นักขับทดสอบรถยนต์   Autodeft.com   ติดตามได้ที่   Facebook

 

รถทดสอบ  Subaru  GT-S 1.6 

ราคาจำหน่าย 1,980,000 บาท

สิ่งที่ชอบ >>>  เรือนร่างของรถที่เหมือน   WRX   การใช้งานที่ครบครันฟังชั่นที่ต้องการ และ สมรรถนะเครื่องยนต์และการเกาะถนนแบบ  Subaru

สิ่งที่ไม่ชอบ >>>  การใช้ไฟตัดหมอกเป็น   Day Time Running Light   และที่นั่งโดยสารตอนหลังอันแสนแคบกว่าที่ควรจะเป็น

สิ่งที่อยากให้มี >>  ระบบความปลอดภัย   Subaru  Eye sight  และถ้าพอจะมีโอกาสบ้าง อยากให้แนะนำรุ่นแต่งพิเศษ  Spec B   ซึ่งมีการเสริมสมรรถนะหลายรายการ แต่ราคาอย่างแรงมาก

คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>> มันเป็นรถที่น่าซื้อ ราคาไม่แพงจนเกินเอื้อมได้ความเป็น   Subaru ครบ แต่อย่าหวังมากเรื่องความแรง แต่ถ้าคุณยังไม่รีบรอดูท่าทีว่าที่   Subaru Impreza   ใหม่ ผมว่าน่าจะตัดสินใจง่ายขึ้นว่า  Levorg ยังน่าสนใจไหม แต่ถ้าคุณอยากเป็นพ่อบ้านขาแรง คันนี้แหละใช่เลย

 

รายงานผลการทดสอบ

อัตราประหยัด

ในเมือง

9.44   ก.ม./ลิตร

นอกเมือง

9.59   ก.ม./ลิตร

Bonn Test Mode

11.91  ก.ม./ลิตร

 

ผลการทดสอบอัตราเร่ง

 

ครั้งที่  1

ครั้งที่  2

ครั้งที่  3

เฉลี่ย

อัตราเร่ง  0-100 ก.ม./ลิตร

10.538

10.419

10.742

10.566

อัตราเร่ง  80-120 ก.ม./ลิตร

6.800

7.200

7.400

7.133

อัตราเร่ง  0-160   ก.ม./ช.ม.

28.60

29.00

30.60

29.400

ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในการทดสอบ

205  ก.ม./ช.ม.

 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ