Hands On : Toyota Fortuner TRD Sportivo อเนกประสงค์มาดใหม่…ตรงใจคนไทยรักสปอร์ต
- โดย : Autodeft
- 20 มี.ค. 59 00:00
- 24,649 อ่าน
ปัจจุบัน ยานยนต์อเนกประสงค์กลุ่ม PPV มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เหล่าบรรดาผู้เล่นในกลุ่มนี้ต่างส่งรถในแบบรุ่นใหม่หมดออกทำตลาด เพื่อหวังยอดขายหวังความนิยมเพิ่มขึ้น จากความโดดเด่นในรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ความสะดวกสบาย หรูหรา แบบ 7 ที่นั่ง พร้อมสมรรถนะและความปลอดภัยที่เป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร ซึ่งหนึ่งในนั้นมี Toyota Fortuner รวมอยู่ด้วย
ล่าสุด Toyota เสริมทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าที่แสวงหาความปราดเปรียว สปอร์ตเข็มเต็มขั้น แต่ยังไม่ทิ้งความหรูหรา ด้วย Toyota Fortuner TRD Sportivo Premium Sport 7 ที่นั่ง ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยมากที่สุดเพราะเป็นรถที่พัฒนาร่วมกันจากหนึ่งสมองสองมือของเหล่าวิศวกรชาวไทยทั้ง Toyota Motor Asia Pacific Engineering and Manufacturing (TMAP-EM) และ Toyota Racing Development (TRD) เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ความสปอร์ตผสมผสานกับความหรูหราอย่างลงตัว
รูปโฉมความแข็งแกร่ง Toyota Fortuner TRD Sportivo เริ่มต้นด้วยการฉีกภาพเดิมๆที่เคยหรูหรา สมสง่า ของ Fortuner รุ่นปกติออกให้หมด ตั้งแต่ กระจังแนวนอน 3 ชั้น จากเดิมโครเมี่ยมกลายเป็นสีรมดำเข้ม สอดรับกับกันชนหน้าที่คราวนี้ออกแบบใหม่แบบสปอร์ตชิ้นเดียวขึ้นรูป พร้อมกันชนหลังที่ออกแบบใหม่ ทำให้สวยสะดดุดตาแบบไร้รอยต่อ ประตูท้ายใหม่ด้วยแถบโครเมี่ยมแบบรมดำ ล้ออัลลอย เปลี่ยนสีสันใหม่เป็น 6 ก้าน เพิ่มขนาดให้เท่กว่า ด้วยสีดำเข้ม 20 นิ้ว พร้อมยาง ขนาด 265/50 R20 ที่ว่าจ้าง Dunlop เป็นผู้ผลิตให้ เพิ่มความหรูอีกขั้น ด้วย ท่อไอเสียสแตเลส
จุดเด่นอีกอย่างที่ยานอเนกประสงค์ PPV สัญชาติเดียวกันไม่มี นั่นคือ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟสัญลักษณ์ TRD และงานนนี้ถูกใจคอรถแต่งแน่นอน ด้วย หลังคาแบบสปอร์ต Black Top เคลือบฟิล์มดำสุดโฉบเฉี่ยวจากผลงานคุณภาพของ 3 M ซึ่งสามารถสั่งเป็นออฟชั่นเสริมได้สำหรับลูกค้าที่เลือกสีขาวเท่านั้น โดยต้องควักเงินเพิ่มอีก 8,000 บาท
นอกจากนั้นออฟชั่นพิเศษที่ติดมาในรุ่น TRD Sportivo ยังมีออฟขั่นเดิมที่ยัง โดดเด่นจาก Toyota Fortuner รุ่นปกติ นั่นคือไฟหน้า Projector Bi-Beam LED ให้ความสว่างชัดเจน พร้อมชุดไฟ Daytime Running Light อยู่ในโคมเดียวกัน กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว LED พร้อมไฟ Welcome light ใต้กระจกมองข้าง บันไดข้างสีดำเข้ม ราวหลังคาดีไซน์สปอร์ตพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลามเพื่อความสวยงามและรับสัญญาณวิทยุ ได้ยอดเยี่ยมกว่าเสาอากาศแบบฝังกระจก
มิติตัวรถของ New Toyota Fortuner TRD Sportivo ยังเทียบเท่า Fortuner รุ่นปกติ เริ่มจากความยาว 4,795 มม. ความกว้าง 1,855 มม. ความสูง 1,835 มม. ฐานล้อ 2,750 มม. นำหนักรถโดยประมาณ 1,540-1,545 มม. และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ลาทีกับการล็อครถเดิมๆ ด้วยกุญแจกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry ลวดลายพิเศษ ด้วยการปะตราโลโก้ TRD ลงไปพร้อมสีสันใหม่ สีแดงสลับดำลงบนปุ่มรีโมท เพื่อควาสบายไม่ต้องควักออกมาจากกระเป๋าเพื่อกดปุ่มรีโมทอีกต่อไป
เมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสาร ตัวตนเดิมที่เคยให้ความหรูหราด้วย โทนห้องโดยสารสีดำ ครีมน้ำตาล กลายเป็นโทนดำแดง อันร้อนแรงด้วยการเดินด้ายสีแดง ด้านคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนฟากคนนั่งปรับเอนได้ด้วยก้านคันโยกธรรมดา ทั้งๆที่รถระดับนี้น่าจะให้ไฟฟ้า ปรับ 4 ทิศทางนะครับ ด้านเบาะนั่งตอน 2 สามารถปรับ เลื่อนได้ เอนได้พอสมควรและยังพับได้ 60/40 รวมถึงที่พักแขน และที่มีที่วางแก้วน้ำในตัว ส่วน เบาะตอน 3 พับได้แบบ 50/50 ปรับเอนได้ แต่อีกจุดหนึ่งที่ไม่น่าจะให้อภัยเลยนั่นคือ เบาะนั่งแถว 3 ยังพับเก็บแบบรถตู้ (เป็นกันตั้งแต่สมัย Fortuner เจนที่แล้ว) แทนที่จะพับแบบราบเรียบ
แผงหน้าปัดยังคงใช้ดีไซน์แบบเดียวกับ Toyota Fortuner รุ่นปกติ แต่ปรับสีสันให้เข้ากับธีม TRD Sportivo โดยใช้หนังสีดำสลับแดงหุ้มที่ คอนโซลกลาง มาตรวัดเรืองแสง Optitron ใหม่ สีแดงลาย carbon Kevlar แปะตราโลโก้ TRD เทียบคียงรถสปอร์ตแรงๆด้วย การปักโลโก้ TRD ลงบน ปุ่ม Push Start สีแดง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน หุ้มหนังแท้เดินด้ายแดงสลับ Kevlar สีดำ พร้อมปุ่ม Paddle Shift สามารถปรับสูง-ต่ำกับปรับยืดหดได้ พรั่งพร้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงาน วิทยุ และ โหมด MID แผงมาตรวัด พร้อมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ที่เย็นเร็วทันใจ คนนั่งหลังๆด้วย แอร์ราวหลังคา ตอน 2 กับ ตอน 3
ถ้าขาดเสียงเพลงไปรับรองชีวิตไม่มีชีวาแน่ Toyota จึงจัดเต็มนำระบบลำโพงคุณภาพจากแบรนด์ JBL มาสิ่งสถิตย์ลงในยอดรถ Premium Sport 7 ที่นั่ง สุดเท่ ด้วย จำนวนลำโพง 9 ตำแหน่ง 11 ตัว ที่งานนี้ลำโพงด้านตอน 2 ให้จุใจถึง ฝั่งละ 2 ตัว พร้อมพาวเวอร์แอมป์ และต้องบอกตามตรงว่าถึงจะไม่ได้เป็นนักฟังขั้นเทพ แต่ด้วยความความไพเราะเสนาะหูและความหนักแน่นของเสียงเบส ทำให้ชุดลำโพงนี้ สอบผ่าน พร้อมเครื่องเล่นวิทยุ DVD แบบหน้าจอสัมผัสและมีระบบนำทางในตัว ถึงแม้จะเพิ่อารมณ์ความสปอร์ตมาพอสมควร แต่ก็ยังไมทิ้งมรดกความสบายจาก Fortuner รุ่นปกติ นั่นคือ ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสสลับ AC 220 V หลังกล่องคอนโซลกลาง สามารถชาร์จมือถือและเสียบใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าได้จุใจ
ภายใต้ฝากระโปรง Toyota Fortuner TRD Sportivo ยกขุมพลังจาก Fortuner รุ่นปกติ มาทั้งหมด ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ GD Efficient Boost รุ่น 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร แรงม้าอยู่ที่ 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบขั้นบันได Gate Type พร้อมระบบ Sequential Shift ให้เลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้ตามอารมณ์ความสนุก พิเศษในรุ่นท็อป 4WD มีระบบ Sigma 4 (Shift-On-The-Fly) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC แต่ไม่มีระบบเฟืองท้าย Diff-Lock
สำหรับเส้นทางที่จะพาไปรู้จักเจ้า รถ Premium Sport 7 ที่นั่ง ทาง Toyota บรรจงเลือกเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ (ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งปราจีนบุรีถึงThams Valley) ด้วยระยะทางรวมเกือบ 200 กิโลเมตร ให้เหล่าพี่ๆเพื่อนๆสื่อมวลชนรวมถึงผมนายเต้ย ได้รู้ถึงความเป็นสปอร์ตในร่างรถอเนกประสงค์ อย่างถึงรถถึงชาติ
ตลอดเส้นทางเกือบ 200 กม. ได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพของเครื่องดีเซล 2.8 สามารถสร้างความกระฉับกระเฉงในช่วงเร่งแซงและเร็ว ได้ทันใจในทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเรียบหรือ ทางขึ้นเขาใหญ่ ที่เต็มไปด้วย ขึ้นเขาลงเขา ล้วนแล้วเป็นเครื่องประจักษ์ถึงสมรรถนะทรงพลังของ 177 แรงม้าและแรงบิด 450 นิวตันเมตร ได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนของระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม +/- ที่ตัวเกียร์ กับ Paddle Shift ให้ความสนุกสนานเป็นในการขับขี่แต่ถ้าอยากสนุกขึ้น สามารถเรียกใช้บริการ ปุ่ม Power Mode ที่เน้นกำลังการขับขี่ได้เต็มที่ ดุจการขับรถสปอร์ตคูเป้ เหมาะสำหรับพ่อบ้านที่ต้องรีบไปรับลูก ที่โรงเรียน หรือไปรับคุณภรรยาที่รัก แต่ถ้าชอบความประหยัด เน้นขับง่ายๆพอเพียง สามารถเรียกหา ปุ่ม Eco Mode ได้เต็มที่
ระบบกันสะเทือนเป็นแบบเดียวกับ Toyota Fortuner รุ่นปกติ คือ ด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงส่วนด้านหลังเป็นแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง แต่งานนี้เพื่อเข้ากับรุ่น TRD Sportivo Toyota จึงปรับปรุงทั้ง โช็คอัพ และ ปรับค่าสปริงใหม่ โดยตลอดเส้นทางตั้งแต่ ถ.กาญจนาภิเษก (MotorWay หมายเลข 9) เข้าเส้นรังสิต-นครนายก สัมผัสถึงควาหนึบ แน่น นุ่มได้อย่างดี ขนาดถึงช่วงลงสะพาน กลับมีการดูดซับแรงกระเทกได้อย่างนุ่มนวลไม่แข็งกระด้าง ผนวกกับการใช้ยางขนาด 20 นิ้ว ที่ Dunlop สรรค์สร้างนั้นกลับให้ความเงียบรวมถึงเสียงห้องโดยสารก็ยังมีการเก็บเสียงได้ดี ในช่วงความเร็วสูง
ระบบพวงมาลัยให้น้ำหนักอย่างดี และเหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถึงแม้จะเป็นพาวเวอร์น้ำมันก็ตาม ส่วนระบบเบรก เป็น ดิกส์เบรก 4 ล้อ ใหม่ ถึงแม้คนทั่วไปจะมองว่าดิกส์เบรก 4 ล้อ ประสิทธิภาพเบรกดีกว่าระบบเบรกเดิมที่เป็นหน้าดิกส์หลังดรัม แต่สำหรับผมเองกลับมองว่า ประสิทธิภาพในการเบรกก็ยังทำได้ดีในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะมีอาการเหยียบแป้นเบรก 20 % จะไม่มีการตอบสนอง แต่กลับหยุดทันใจ เมื่อเหยียบแป้นเบรกไป 40 %
ด้วยยอดขายมากกว่า 30,000 คัน เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นรถอเนกประสงค์คุณภาพ ที่คนไทยทั้งประเทศไว้เนื้อเชื่อใจมาตลอดจนครองยอดขายอันดับ 1 และเสียงเรียกร้องของแฟนๆที่อยากให้มีรุ่น TRD Sportivo ด้วย ทำให้ Toyota ทนเสียงแฟนๆไม่ไหวจึงเปิดตัวออกมาทันที และ การกลับมาครั้งนี้ ได้สร้างความประทับใจค่อยข้างมากทั้งในเรื่องการออกแบบการปรับปรุงหลายๆอย่าง เพื่อฃเปลี่ยนบุคลิกเดิมๆให้กลายเป็นคนใหม่ ที่จัดจ้านร้อนแรงกว่า
ความดีอีกอย่างที่น่ายกย่องอีกอย่างนั่นคือ ชุดกันชนหน้า-หลัง ที่ออกแบบใหม่หมดแบบ Built-IN สร้างความหล่อเหลาแบบไร้รอยต่อรวมถึง ชุดลำโพงคุณภาพ ที่ให้ความเพราะพริ้งจับใจ จนไม่ต้องไปพึ่งร้าน คาร์ออดิโอ และช่วงล่างเอาใจผู้ใหญ่ที่รักความนุ่มนวล ล้วนเป็นความดีความชอบที่ Toyota ทำการบ้านเอาใจคนไทยได้ดีเยี่ยม แต่ด้วยค่าตัวที่ประกาศออกมาตั้งแต่งานวันเปิดตัวนั้น ล้วนทำให้แฟนๆ ต่างตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ในทันทีทันใด สำหรับ Toyota Fortuner TRD Sportivo
เรื่องและขับทดสอบโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)
ขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ Toyota Fortuner TRD Sportivo ใหม่
รถทดสอบ Toyota Fortuner TRD Sportivo
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo Auto 4WD* ราคา 1,749,000 บาท
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo Auto 4WD สีขาวมุก White Pearl + หลังคา Black Top ราคา 1,769,000 บาท
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo Auto* ราคา 1,679,000 บาท
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo Auto สีขาวมุก White Pearl + หลังคา Black Top ราคา 1,699,000 บาท
*สีขาวมุก White Pearl เพิ่มอีก 12,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> รูปลักษณ์โดดเด่น ลงตัว ช่วงล่างหนึบนุ่ม ระบบลำโพงจาก JBL ให้เสียงไพเราะ แบบไม่ต้องง้อร้านคาร์ออดิโอเพื่ออัพเกรด ยางที่ติดมากับรถขนาด 20 นิ้ว ให้ความเงียบอย่างยอดเยี่ยม
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> เบาะนั่งตอน 3 กลับสร้างความลำบากในการพับเก็บ ลำโพงที่ติดตั้งบนแผงคอนโซลหน้าควรออกแบบเป็น Built-IN เพื่อควมสวยงาม และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ควรใช้สีเงิน จะดีกว่า
สิ่งที่อยากให้มี >>> เพิ่มเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลัง ควรเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> ถึงแม้จะรถอีกหนึ่งรุ่นที่น่าคบหา ด้วยค่าตัวที่จัดมานั้น ถือว่า เหมาะสมสำหรับแฟนๆ Toyota เพื่อหวังต่อยอกในการตกแต่งเพิ่มเติม แต่ถ้าคนทั่วไปอาจมองว่า ไม่ค่อยเหมาะ โดยเฉพาะเรื่องออฟชั่นและความปลอดภัย
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com