Life Test: Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT รถขนาดครอบครัว แต่ความแรงดั่งวัยรุ่น
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 21 เม.ย. 59 00:00
- 18,153 อ่าน
ถ้าให้พูดถึงรถยนต์เอนกประสงค์ ที่พื้นฐานรถมาจากกระบะ ที่เมืองไทยเรียกกันว่า Pick Up Passenger Vehicle หรือ PPV (ส่วนที่อื่นเรียก SUV) จริงอยู่ว่ารุ่นแรกที่วางจำหน่ายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการคือ Isuzu Cameo ตั้งแต่ช่วงปี 1993 (ไม่นับ Thairung ที่นำรถกระบะมาดัดแปลงเอง) แต่รุ่นที่จุดกระแสความนิยมของรถ PPV รวมทั้งกวาดยอดขายไปอย่างถล่มทลาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Toyota Fortuner เป็นรถเอนกประสงค์ที่ได้รับคว
ด้วยรูปลักษณ์ที่เอาใจวัยรุ่นอย่างเต็มที่ และการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้แบบวิ่งส่วนตัว, พาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด Toyota Fortuner ก็ตอบโจทย์ได้ ซึ่งโฉมแรกที่วางจำหน่าย ออกมาตั้งแต่ปี 2005 สร้างปรากฏการณ์รอรถสั่งจองนานข้ามปี (เพื่อนผมจอง ใช้เวลา 10 เดือนกว่าจะได้รถ) แล้วทาง Toyota Fortuner ใช้เวลาถึง 10 ปีกว่าจะมีการ Model Change มาเป็นหน้าตาแบบใหม่ กับเครื่องยนต์แบบใหม่เมื่อช่วงปีที่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันที่ทีคนมีครอบครัวอย่างผม (แต่ใจยังวัยรุ่น) จึงอยากเอามาลอง Life Test ทดสอบแบบการใช้งานจริง จะได้รู้กันเลยว่า เพราะอะไร Toyota Fortuner ถึงได้เป็นรถ PPV ยอดนิยม
Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT ที่ได้รับการอนุเคราะห์มาจากทาง บริษัท โตโยต้า (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำมาทดสอบ เป็นรุ่นท๊อปของโฉมนี้ มาพร้อมกับเครื่องดีเซลขนาด 2.8 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ขนาดของภายนอก 4,795 x 1,855 x 1,835 มม. ใหญ่กว่าโฉมเก่าเล็กน้อย (4,695x 1,840 x 1,795 มม.) รูปโฉมภายนอก มีการเพิ่มโค้งเว้ามากกว่าโฉมเก่า เน้นเอาใจวัยรุ่น และผู้ใหญ่ใจวัยรุ่นโดยเฉพาะ ซึ่ง Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT นั้นจะวางจำหน่ายทั้งหมด 7 สี แต่คันที่ได้รับมาทดสอบ จะเป็นสี Phantom Brown ดูดุดันไม่แพ้สีดำเลย เมื่อได้รถมาแล้ว ก็เริ่มทดสอบกันได้เลยครับ
ปลายทางที่ทดสอบทริปนี้ ผมเลือกเดินทางไปภูเก็ต เพื่อต้องการทดสอบเดินทางไกล ว่ารถจะสามารถตอบสนองในการพาครอบครัวไปท่องเที่ยวได้ดีขนาดไหน ซึ่งระยะทางจากกรุงเทพจนถึงปลายทาง ใช้ระยะทางร่วม 900 กม. ซึ่งถ้ารถไม่ดีจริง คงจะเดินทางถึงปลายทางได้ช้า และสร้างความปวดเมื่อยในการเดินทางอย่างมากมาย เส้นทางขาลง ผมใช้เส้นทางปกติในการลงใต้คือเส้นพระราม 2 ก่อนไปรวบกับเพชรเกษมที่วังมะนาว แล้วใช้ยาวๆจนถึงชุมพร แยกเข้าเส้น 41 สู่สุราษฏร์ธานี แล้วเลี้ยวขวาไปกระบี่ก่อนถึงภูเก็ต ซึ่งช่วงนี้ถนนตั้งแต่เพชรบุรีจนถึงสุราษฏร์ธานี มีการซ่อมทางเป็นระยะ และให้มีการใช้ถนนร่วมไปกลับอยู่หลายช่วง ซึ่งการควบ Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT ในช่วงขาไป บอกได้เลยครับว่าการตอบสนองของคันเร่งได้ดีพอควรช่วงการเร่งแซง (เปิด ECO Mode ตลอดทาง) และเท้าช่วงขาลงของผม ก็เปิดโหมดผู้ใหญ่ไปตลอดทางเช่นกันครับ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบอะไร การนั่งขับก็สบาย เบาะโอบตัวพอดี นั่งขับนานๆก็ไม่ได้สร้างความเมื่อยล้าให้มากมาย ความนุ่มนวลถือว่าทำได้ดีกว่าโฉมเก่าพอตัวครับ ช่วงที่ถนนขรุขระ ก็ไม่ได้ทำให้กระเด้งกระดอนแต่อย่างไร ช่วงเข้าโค้งแคบๆด้วยความเร็วสูง อาจจะมีอาการโยนตัวบ้าง แต่ถ้าเทียบกับโฉมเก่าแล้ว Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT ปรับปรุงเรื่องนี้ได้ดีพอสมควรเลยครับ โดยชุดช่วงล่างด้านหน้าจะเป็น แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ทำให้มั่นใจและนั่งสบายตลอดทางครับ
หลังจากทดสอบระยะทางไกล มีช่วงรถติดมากๆตอนไปรับรถ และช่วงออกจากกรุงเทพแถวพระราม 2 สลับวิ่งยาว, วิ่งช้าช่วงทำถนน และเร่งแซงบ้าง ความเร็วสูงอยู่ที่ประมาณ 110-140 กม./ชม. อัตราการซดน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 11.54 กม./ลิตร (หน้าจอในรถแจ้ง 11.7) สำหรับผมถือว่าเป็นอัตราที่ดีพอตัวเลยครับ เพราะทริปนี้มีผู้โดยสารในรถรวม 6 คน และสัมภาระอีกพอสมควร ทั้งนี้น่าจะเป็นอานิสงค์ของระบบ ECO Mode ของ Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT ที่ช่วยจ่ายน้ำมันไม่ให้มากเกินไปตามแรงเท้าที่เหยียบ รวมทั้งยังได้ระบบ Stop and Start อัตโนมัติเมื่อรถหยุดสนิท ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อีกด้วย โดยระบบนี้จะดับเครื่องยนต์ เมื่อรถหยุดสนิท แต่มีการใส่เกียร์เดินหน้าไว้ และจะสตาร์ทให้อัตโนมัติเมื่อมีการปล่อยเบรก บอกตรงๆว่า ในช่วงแรกของการใช้งานจะรู้สึกรำคาญอยู่เหมือนกัน เพราะช่วงรถติดแล้วมีการหยุดรถบ่อยๆ เครื่องจะติดๆดับๆอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าใช้งานไปซักพัก จะเริ่มจับทางการใช้งานได้ ถ้าช่วงรถขยับได้ทีละหน่อย ให้เหยียบเบรกไว้หลวมๆ เท่านี้รถก็ไม่ดับแล้วครับ (แต่ระบบสามารถปิดการใช้งานได้ครับ)
เมื่อเข้าสู่ตัวภูเก็ต การเดินทางจากตัวเมือง เข้าหาดกะรน และป่าตอง ต้องมีการขับขึ้นลงเขาอยู่ตลอด จุดนี้ได้ใช้งาน Paddle Shift ที่อยู่บนพวงมาลัยได้อย่างเต็มที่เลยครับ ต้องบอกว่ามันสะดวกกว่าการใช้คันเกียร์อย่างมาก จังหวะลงเขา เพียงแค่ขยับนิ้วนิดเดียว ก็สามารถสั่งการให้เกียร์ลดมาเกียร์ต่ำได้อย่างทันใจ หมุนพวงมาลัยไป เปลี่ยนเกียร์ไป ได้อย่างสบายเลยครับ และอีกอย่างที่ต้องชมเป็นอย่างมากคือ ระบบปรับอากาศภายในรถ เย็นเร็วมากๆ ถึงแม้ว่าอากาศที่ภูเก็ตจะร้อนระดับ 38 องศาเซลเซียส แต่เมื่อขึ้นรถแล้วเปิดแอร์แปปเดียว ก็ทำให้ทั้งห้องโดยสารสามารถเย็นได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งแถวสุดท้ายที่มักจะเป็นจุดอ่อนของหลายๆรุ่น แต่ไม่มีปัญหาสำหรับ Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT เลยครับ (ขนาดรถไม่มีฟิล์มกันร้อนเลยนะ)
หลังจากพา Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT ออกไปเที่ยวทั่วเกาะภูเก็ต ทั้งยอดเขานาคเกิด หาดป่าตอง หาดในยาง และที่อื่นๆอีกมากมาย ก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางกลับ ผมเลือกที่จะใช้เส้นทางกลับโดยผ่านทางพังงา เพื่อไปแวะชมหาดที่เคยได้รับผลกระทบจากสึนามิหนักมากๆเมื่อปี 2547 อย่างเขาหลัก ซึ่งเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่เป็นเลนแบบสวนกัน ผมเลยจัดการเปลี่ยนการขับขี่เป็นแบบ Power Mode ทันที ที่เปลี่ยนง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเท่านั้นเอง เท่านี้ขุมกำลังจากเครื่องยนต์ทั้งหมด ก็อยู่ในเท้าแล้วครับ เรื่องเร่งแซงไม่มีปัญหา เพียงกดคันเร่งเท่านั้น รถก็พุ่งออกไปตามเท้าเราได้ทันที รวมทั้งระบบการเปลี่ยนเกียร์ก็ฉลาดมาก เปลี่ยนขึ้นลงได้เหมาะกับการใช้เร่งแซงได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วงว่ารถจะแซงพ้นมั้ย เพราะผมลองเร่งแซงทีไร ก็ใช้เวลาไม่นานในการแซงได้แล้ว
หลังจากแวะพักชมความสวยงามของหาดเขาหลักเรียบร้อยแล้ว ก็ดิ่งตียาวเพื่อกลับกรุงเทพฯได้ ขากลับผมเลือกใช้เส้นทางแยกกลับไปทางสุราษฎร์ธานี ไม่ใช้เส้นระนอง เพราะต้องการชมความสวยงามของเส้นทางผ่านอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งเป็นอีกส่วนที่รับชมความงดงามได้เหมือนในเขื่อนรัชชประภา ซึ่งเส้นทางนี้จะเป็น 2 เลนสวนเช่นกัน แต่จะวิ่งผ่านธรรมชาติที่ยังค่อนข้างสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แถมยังมีจุดชมวิวอันสวยงามให้แวะถ่ายรูปอีกด้วย และช่วงนี้ก็มีช่วงที่ต้องขึ้นเขาสูงๆ ก็ไม่มีปัญหากับการเดินทางครับ เพียงแค่เหยียบคันเร่งใน Power Mode อย่างเดียว รถก็สามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดได้อย่างไม่ยากเย็นเลยครับ
สำหรับอัตราการใช้น้ำมัน แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงที่อยู่ในภูเก็ต เป็นโหมดธรรมดา มีรถติด, ขึ้นลงเขา และจอดเปิดแอร์เฉยๆอยู่หลายรอบ อัตราการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 10.1 กม./ลิตร (หน้าจอแจ้ง 10.6) และช่วงใช้ความเร็วยาวๆ เร่งแซงบ้าง ขึ้นเขา 1 ลูก ความเร็วช่วง 120-140 กม./ชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ เปิด Power Mode อัตราการใช้งานอยู่ที่ 11.8 กม./ลิตร (หน้าจอแจ้ง 12) ถือว่าทำได้ดีเลยครับ สำหรับรถขนาด 2 ตัน แล้วแบกน้ำหนักบรรทุกอีกพอสมควร
สรุปโดยรวมแล้ว Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT เป็นรถยนต์ที่น่าสนใจสำหรับคนที่มีครอบครัว แต่อยากได้ใช้ขับแบบซิ่งบ้างเป็นอย่างมากครับ เพราะนอกจากจะนั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ระบบปรับอากาศที่เย็นสบายอย่างรวดเร็ว, เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างดี, ระบบเกียร์ที่ฉลาดแม่นยำ, เครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม ทั้งเครื่องเสียงที่มีครบทุกการเชื่อมต่อ, Paddle Shift ที่ใช้งานง่าย, ระบบเปลี่ยนโหมดการขับที่เปลี่ยนได้ง่าย, เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้ออย่างง่ายดายเพียงมือหมุน, กล้องมองหลังขณะถอย, ปลั๊กไฟแบบ 220 V. เหมือนไฟบ้าน ระบบเปิดประตูท้ายไฟฟ้า, แอร์แยกหน้าหลังแบบอิสระ และอื่นๆมากมายที่บรรยายไม่หมด และที่ชอบอีกอย่างคือ วัสดุที่ใช้ประดับในรถ ดูหรูหรามีชาติตระกูลมาก ส่วนที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ จะเป็นระบบเบรกที่จับเร็วไปนิดนึง ถ้าเผลอแอบเหยียบแรงไปหน่อย อาจมีหัวทิ่มได้นิดหน่อย และน่าจะมีระบบ Sensor ตอนถอยหลังให้ด้วย ถึงแม้จะมีกล้องมองหลังให้แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ใส่มาด้วยก็ดีครับ แต่ภาพโดยรวมของ Toyota Fortuner 2.8V 4WD AT ในราคา 1,629,000 นั้น สำหรับผมแล้วถือว่า คุ้มค่าตัวมากๆเลยครับ แต่ถึงอย่างไรการที่ได้อ่านจากรีวิวเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถบอกถึงอารมณ์ที่แท้จริงได้ อยากให้คนที่สนใจได้ลองตัวจริงที่ศูนย์บริการ ผมว่าจะควักเงินดาวน์แบบไม่รู้ตัวได้เหมือนกันครับ
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com