Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่ หล่อเท่อเนกประสงค์ กับฟิลลิ่งหนึบแน่น
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 2 มี.ค. 66 00:00
- 7,522 อ่าน
หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา กับรถใหม่ Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่ มาพร้อมสไตล์เท่โดดเด่นใหม่หมดโดยเฉพาะด้านหน้าตัวรถ กับความเป็นรถ MPV ในสไตล์ SUV มาดหล่อ แบบสามแถว 7 ที่นั่ง พร้อมปรับอุปกรณ์ใหม่และยังได้เพิ่มระบบตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ไม่นานหลังจากการเปิดตัว ทาง Mitsubishi ก็ได้เชิญทีมงานร่วมขับทดสอบ Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่ ณ จ.เชียงราย กับรูปแบบเส้นทางทั้งบนถนนดำและแบบทางฝุ่นเพื่อสัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่ใช้งานจริงกับระยะทางราว 200 กิโลเมตร พร้อมคณะสื่อมวลชนที่ได้มาร่วมขับทดสอบไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับ Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่ นี้นั้น เรียกได้ว่าได้รับการปรับโฉมมาใหม่ค่อนข้างชัดเจนจากรุ่นก่อนหน้านี้ ภายนอกโดดเด่นมาด้วยดีไซน์ด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายในยุคนี้ มีการออกแบบชุดกระจังหน้าใหม่สีดำแบบสามชั้น รวมไปถึงชุดกันชนหน้าหลังดีไซน์ใหม่ดูบึกบึน พร้อมการ์ดกันกระแทกชายกันชนหน้าด้านล่างสีเงินแบบสามช่อง นอกจากนี้ยังมีซุ้มล้อที่บางลง และการ์ดกันกระแทกชายประตูด้านข้างตกแต่งด้วยสีเงิน
พร้อมการอัพเกรดชุดไฟหน้าแบบ LED ใหม่หมด ที่นับรวมทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRLs แบบ LED ไฟเลี้ยว LED และไฟตัดหมอก LED รวมไปถึงชุดไฟท้ายแบบ LED ที่ได้รับการปรับให้มีความหลี่ยมเข้ากับลุคของรถ SUV มากขึ้น พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ติดตั้งบริเวณสปอยเลอร์ด้านบนฝาท้าย ตัวรถมีราวหลังคาเพิ่มความอเนกประสงค์ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ไฟเลี้ยวกระจกมองข้างปรับและพับแบบไฟฟ้า ปัดน้ำฝนหน้าและหลังที่มาพร้อมระบบไล่ฝ้า และกล้องมองหลังขณะถอย แต่ฝาท้ายยังเป็นแบบเปิดมือปกติ
ส่วนของล้อเองก็มากับชุดล้อลายใหม่สีทูโทนสีเงินตัดด้วยสีเทา ขนาด 17 นิ้ว และตัวเลือกสีตัวถังใหม่ มีให้เลือก 4 สี กับสีใหม่สีเขียว (Green Bronze Metallic) สีขาวมุก (Quartz White Pearl) สีเงิน (Blade Silver) และสีเทา (Graphite Gray) และสีทูโทนอีก 2 สไตล์ ได้แก่ สีเขียวหลังคาดำ (Green Bronze Metallic with Black Roof) และสีขาวหลังคาดำ (Quartz White Pearl with Black Roof)
ภายในห้องโดยสารยังคงความอเนกประสงค์เอาไว้กับรูปแบบห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ตกแต่งภายในด้วยธีมสีดำตัดสีน้ำเงิน และตกแต่งด้วยสีเงินให้ความรู้สึกที่เรียบหรู มีพวงมาลัยใหม่แบบสี่ก้านพร้อมปุ่มควบคุมต่าง ๆ ที่ยกชุดมาจาก Pajaro Sport รวมไปถึงชุดหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 8 นิ้ว ที่มีกราฟฟิคในการแสดงผลเช่นเดียวกัน แต่ส่วนของกราฟฟิคตัวรถบนหน้าปัดเป็นของ Mitsubishi Xpander มีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth การเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto มีเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Brake Auto Hold ช่องเสียบ USB-A และ USB-C และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5 พร้อมระบบปรับอากาศด้านหลังที่แยกอิสระสามารถปรับระดับความแรงของพัดลมได้ มีกระจกมองหลังแบบตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
มาถึงในช่วงของการขับทดสอบกันบ้าง เราเริ่มต้นการเดินทางจากตัวเมืองใน จ. เชียงราย เพื่อมุ่งสู่ดอยช้าง โดยการขับขี่ในช่วงนี้เป็นเส้นทางช่วงในเมืองและออกชานเมือง บวกกับเส้นทางขึ้นเขาที่มีทางโค้งและแคบสลับไปมาในแต่ละช่วงสู่ดอยช้าง ไปกับ Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่ โดยมีการนั่งโดยสารไปกันทั้งหมดรวม 4 ท่าน พร้อมสัมภาระ
ซึ่งในช่วงของการขับขี่ออนโรดนี้ สัมผัสแรกกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยน้ำหนักเบา โดยได้รับการปรับเซ๊ตมาใหม่ให้น้ำหนักเหมาะสมในแต่ละย่านความเร็ว น้ำหนักกำลังดีไม่เบาจนเกินไป ในช่วงความเร็วเดินทางไกล 100-120 กม./ชม. ก็ไม่ต้องคอยประคองพวงมาลัยให้รู้สึกเมื่อยล้า หรือแม้แต่ในช่วงทางขึ้นลงเขาโค้งสลับไปมา การควบคุมรถสามารถทำได้อย่างแม่นยำ พวงมาลัยมีการคืนวงที่คล่องตัวกว่าเคย แต่ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าพวงมาลัยใหม่นี้มีขนาดวงที่ใหญ่ไปนิด
ส่วนกำลังของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC ที่ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์ ECO-Dynamic CVT นี้ สามารถตอบสนองการใช้งานทั่ว ๆ ไปได้อย่างเพียงพอ แน่นอนว่าไม่ได้เร่งได้แบบติดเท้า เน้นการไต่ความเร็วขึ้นไปแบบต่อเนื่อง จังหวะต้องเร่งแซงบนถนนแบบเลนสวนต้องเผื่อระยะไว้พอสมควรเพื่อความปลอดภัย ช่วงของการขับขี่ขึ้นเขาก็สามารถเรียกกำลังได้จากการใช้โหมด Ds หรือโหมด D ปกติ กับการนั่งโดยสารทั้งหมด 4 ท่าน ก็สามารถขับรถขึ้นเขาได้แบบไม่ต้องลุ้นมากนัก รถสามารถไต่ความชันขึ้นไปได้
ระบบช่วงล่างเป็นอีกจุดที่น่าประทับใจด้วยการปรับเซ็ตใหม่ รวมไปถึงการเปลี่ยนชุดโช้คอัพด้านหลังที่มีขนาดแกนเท่ากับ ปาเจโร สปอร์ต ให้ความรู้สึกที่หนึบ แน่น นุ่มไม่กระด้าง ช่วงพื้นถนนที่ไม่เรียบอาจจะมีอาการดีดเล็ก ๆ ให้ได้รู้สึกนิด ๆ แต่ไม่ได้รู้สึกไม่สบายขณะขับขี่หรือโดยสาร ช่วงทางโค้งเลี้ยวสลับไปมา อาการโคลงค่อนข้างน้อย แม้ว่าตัวรถจะแอบสูงอยู่หน่อย ๆ และเมื่อมีน้ำหนักกดทับมากช่วงล่างเองให้ความรู้สึกที่นุ่มมากยิ่งขึ้น คาดว่าน่าจะปรับเซ๊ตมาให้ใช้งานได้นุ่มสบายมากขึ้นเมื่อต้องโดยสารหลายท่านพร้อมสัมภาระ
การเก็บเสียงของห้องโดยสารเองก็ทำได้ดี มีการเพิ่มฉนวนกันเสียงหลายจุด ทำให้เสียงจากเครื่องยนต์ และเสียงจากพื้นถนนที่เข้ามาค่อนข้างน้อย แม้ว่าเราจะมีการกดคันเร่งเรียกกำลังเสียงจากเครื่องยนต์ที่ได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกว่าดังจนผู้โดยสารต้องร้องทัก แต่เมื่อความเร็วสูงระดับ 100 กว่า กม/ชม. ขึ้นไป จะได้ยินเสียงลมที่ไหลผ่านชัดเจนขึ้น
ส่วนฟิลลิ่งของการเบรกจากระบบดิสก์เบรกหน้าดรัมเบรกคู่หลัง กับพละกำลังของรถถือได้ว่าเหมาะสม มีการปรับเซ๊ตให้สามารถชะลอความเร็วได้อย่างนุ่มนวล น้ำหนักแป้นเบรกมีความหน่วงน้ำหนักนุ่มกำลังดี และเมื่อต้องการเบรกหยุดก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจ เป็นฟิลลิ่งของเบรกสำหรับรถครอบครัวที่เหมาะสมทีเดียว
ส่วนของการขับขี่ลุยทางฝุ่นภายในพื้นที่ สิงห์ ปาร์ค เชียงราย ที่ทางทีมงานจัดให้เราได้วิ่งทดสอบ Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่นี้ นอกจากจะได้สัมผัสฟิลลิ่งในการขับขี่ทางขุรขระแล้ว ยังมีการจำลองสถานการณ์ให้เราได้ทดสอบระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) ที่ติดตั้งมา ด้วยการจอดบนเนินชันที่พื้นผิวเป็นโคลนลื่น ๆ ก่อนที่จะให้เราค่อย ๆ เติมคันเร่งออกตัวบนทางลาดชัน อาการของรถจากพื้นที่ลื่นและมีการหมุนฟรีของล้อหน้ารถมีอาการไถลออกไปด้านข้างและระบบได้เข้ามาช่วยพาตัวรถพาอุปสรรคนี้ไปได้แบบไม่ต้องลุ้นให้เหงื่อตก
ก่อนที่จะวิ่งลุยฝุ่นด้วยความเร็วระดับ 60 กม./ชม. ที่ฝุ่นฟุ้งหนาจนมองไม่เห็นรถคันหน้ากันเลยทีเดียว ก่อนไปถึงยังจุดที่จะได้ทดสอบเทคโนโลยีช่วยเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง AYC (Active Yaw Control: AYC) ที่จะช่วยให้การเข้าโค้งบนถนนที่ลื่นได้อย่างเฉียบคมแม่นยำและปลอดภัยลดอาการหน้าดื้อบานโค้งออกเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วบนถนนที่ลื่น โดยทางทีมงานกำหนดให้เราจอดรถหยุดนิ่งก่อนที่จะเร่งความเร็วขึ้นไปที่ระดับ 40-45 กม./ชม. และเข้าโค้งซ้ายประมาณว่าเป็นการเลี้ยวซ้ายตามสี่แยกแบบไม่ต้องยกคันเร่งและห้ามเตะเบรกเพื่อให้ระบบทำงาน ซึ่งหากระบบมีการทำงานเกิดขึ้น จะมีการแจ้งเตือนระดับการทำงานของระบบ AYC ขึ้นมาบนหน้าปัด ที่จะบอกระดับการทำงานทั้งหมด 5 ระดับ ซึ่งเมื่อเราเข้าโค้งด้วยความเร็วและมีการลื่นที่มากระดับบการทำงานก้จะมากตามสูงสุดที่ระดับ 5 ก่อนที่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) จะเข้ามาช่วยเสริมการทำงานต่อหากพบว่าตัวรถเสียอาการเกิดขีดจำกัดที่มีการตั้งค่าไว้ ซึ่งในการขับขี่แบบทั่ว ๆ ไปแล้วนั้น โอกาสน้อยมาก ๆ ที่ระบบ AYC จะทำงาน เรียกได้ว่าช่วงล่างเดิม ๆ ของรถเอาอยู่ได้แบบสบาย ๆ
และในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในการขับทดสอบครั้งนี้ ช่วงร้อยกว่ากิโลเมตรแรกที่เป็นการขับจากตัวเมืองไปสู่ดอยช้างที่เป็นเส้นทางขึ้นเขา มีโค้งสลับไปมาหลายช่วง รวมไปถึงจังหวะที่มีการใช้ความเร็วสลับกับการเร่งแซงแบบคิกดาวน์ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่แสดงบนหน้าปัดรถอยู่ที่ 12.1 กม./ชม. ซึ่งต้องยอมรับว่าการขับทดสอบช่วงนี้ค่อนข้างมีการรีดกัลงเครื่องยนต์ที่มากกว่าการขับขี่โดยปกติทั่วไป ซึ่งในโอกาสครั้งต่อไปทางทีมงานจะได้นำมาทดสอบตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยกันอีกครั้ง
ในเรื่องของความปลอดภัย Mitsubishi Xpander Cross ใหม่นี้ ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) ) ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (Emergency Stop Signal System: ESS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตูและการออกแบบตัวถังด้านหน้าช่วยลดความรุนแรงจากแรงกระแทกของรถที่เกิดขึ้นกับคนเดินถนน มาให้เป็นมาตรฐาน
และนี่ก็คือสัมผัสแรกพร้อมการขับทดสอบ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ บนถนนจริงพร้อมเส้นทางลุยฝุ่น ที่พอจะบอกได้แล้วว่ารถใหม่รุ่นนี้พร้อมจะตอบโจทย์การใช้งานให้คุณได้อย่างครอบคลุมอีกรุ่นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานคนเดียว คู่แฟน หรือแม้แต่ครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นมา รองรับการนั่งโดยสารรวมสูงสุดแบบสบาย ๆ ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมความสามารถในการปรับรูปแบบภายในห้องโดยสารได้หลากหลายรองรับไลฟ์สไตล์แบบไร้ขีดจำกัด อย่าลืมที่จะไปสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ เพราะมีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะรู้ความต้องการของตัวเอง...
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Xpander Cross
ราคา 946,000 บาท
(ปรับเพิ่มขึ้น 7,000 บาท จากรุ่นเดิม)
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com