Hands-On : Porsche Panamera S –E Hybrid สมรรถนะล้ำสมัยหนึ่งเดียวในคลาส
- โดย : Autodeft
- 10 พ.ย. 56 00:00
- 6,540 อ่าน
ลองสั้นๆ Porsche Panamera S E Hybrid สุดล้ำในความสปอร์ตสไตล์ไฮบริด..
ทุกวันนี้รถยนต์มีความก้าวไกลไปมาก โลกที่หมุนไป ทำให้ มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายทิศทาง โดยเฉพาะ เรื่องของการขับขี่ที่ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เพียงแต่รถยนต์จะซดน้ำน้ำมันน้อยลง แต่ยังคงต้องขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับโจทย์การวิศวกรรมยานยนต์
น้อยคนนักจะรู้ว่าค่ายรถยนต์ที่สร้างรถยนต์สมรรถนะสูง Porsche ภายใต้หัวหอกการนำของ Ferdinand Porsche เมื่อครั้งยุคก่อน เคยฝันว่า สักวันเขาจะสร้างรถยนต์ที่มีสมรรถนะดีขับขี่ยอดเยี่ยมและประหยัด ที่จริง เกือบกว่า 100 ปี ก่อน เขาท้าทายความเชื่อที่ว่ารถยนต์ ด้วยการผลิตรถยนต์ไฮบริดคันแรก (น่าจะเรียกว่าของโลก) และทุกวันนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่าย Porsche ที่ได้ประจวบเอาความล้ำสมัย มาบรรจบสมรรถนะและความหรูหราใน Porsche Panamera S E Hybrid ใหม่
การเปิดตัวลงตลาดไทย สำหรับคนทั่วไปอาจจะรู้สึกเฉยๆ ด้วยรถรุ่นนี้ไกลเกินเอื้อม แต่กับคนในวงการยานยนต์อย่างตัวผู้เขียน ต้องยอมรับว่านี่คือความตื่นเต้นและเรียกว่าผู้นำเข้า Porsche อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ท้าทายตลาดอย่างมากว่า ลูกค้าจะเลือกจับจอง เจ้าสปอร์ตสุดหรู 4 ประตู ในเวอร์ชั่นรักษ์โลกหรือไม่ ทั้งที่มีรุ่นอื่นๆ ให้เลือก ซื้ออีกมากในค่าย
ตั้งแต่แรกเริ่มเห็น Porsche Panamera S E Hybrid ในงานเปิดตัวที่โรงแรมใจกลางเมืองแห่งหนึ่งในย่านราชประสงค์ ต้องยอมรับ Porsche Panamera ยังคงเป็นอีกตัวเอกที่สร้างความน่าสนใจ ด้วยเรือนร่างที่ใหญ่ยาว เจ้ากบยักษ์ ... ที่ผู้เขียนพรรณนา ออกมาในใจ เพื่อบัญญัติ ถึงความใหญ่ยาวของมันเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นคูเป้ หรือ เปิดประทุนที่วางจำหน่ายเคียงข้างกัน
เรือนร่าง 4 ประตู ที่ดูสง่างามมาพร้อมความหรูรา และยังไม่ทิ้งคราบความสปอร์ต เอกลักษณ์จาก Porsche ให้ความเป็นปัจเจกที่ยังสะกดใจเราได้ตั้งแต่แรกเห็น โดยในเวอร์ชั่น S ก็หมายถึงการขับขี่ที่เร้าใจ ตั้งแต่การออกแบบทางด้านหน้าที่มาพร้อมไฟหน้าซีนอนเป็นมาตรฐานโรงงาน พร้อมไฟ LED เช่นเดียวกัน บั้นท้ายยังมาพร้อมทรงสปอร์ตและไฟแบบ LED ลงตัว
ภายในห้องโดยสาร Porsche Panamera S E Hybrid ยังคงมาพร้อมปัจเจกความสปอร์ตพ่วงความหรูหรา เบาะนั่ง 4 ที่ พร้อมต้อนรับการขับขี่ที่ลงตัวต่อการใช้งาน ความสบายในแบบรถนั่งซาลูน ถูกปั้นเข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อสนองตอบต่อความสบายในการขับขี่ การออกแบบเน้นที่พื้นที่เหนือหัวที่กว้างขวาง และพื้นที่วางขาที่ให้ยืดกันได้อย่างเต็มที่
เช่นเดียวกันบั้นท้าย ยังมาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่และถ้าต้องการ บังสามารถปรับพับเบาะ เพิ่มพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้น สำหรับพ่อนักขนตัวยงทั้งหลาย ที่พื้นที่เดิมๆ อาจจะไม่พอ
ในการทดสอบวันนี้เป็นการทดสอบระยะสั้น จุดประสงค์หลักของการขับทดสอบในวันนี้คือการทำให้เรารู้จักระบบที่ล้ำสมัยของ Porsche Panamera S E Hybrid มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะคำว่า E Hybrid เป็นความภาคภูมิใจของ Porsche ที่พวกเขา สามารถพัฒนาระบบไฮบริดแบบขนาน หรือ Parallel Hybrid เต็มระบบที่ทำงานออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งยังคงสมรรถนะในการขับขี่เอาไว้ไม่ให้มีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นสปอร์ต
เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 333 แรงม้า ติดตั้งเข้ามา พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยในการขับเคลื่อน ให้กำลัง 95 แรงม้า จนมีพละกำลังรวมกว่า 416 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที เมื่อใช้กำลังขับร่วมกัน ไม่เพียงเท่านี้ แม้จะมีเรือนร่างที่มีขนาดใหญ่ แต่ด้วยความทันสมัยยังสามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ใน 5.2 วินาที
ในแง่สมรรถนะเองมันดูดีทีเดียว แต่ครั้งนี้ Porsche ออกแบบ Porsche Panamera S E-Hybrid ใหม่ ให้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ด้วยการทำให้มันเหมาะสำหรับการขับขี่มนเมืองมากขึ้น แนะนำพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดเสียบปลั้ก เพื่อลดการใช้น้ำมัน โดยในเวอร์ชั่นใหม่มีการขยายแบตเตอร์รี่ให้ใหญ่ขึ้น จุไฟด้วยแบตเตอร์รี่ลิเธียมไออน ขนาด 9.4 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถชาร์จไฟในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งในการเสียบที่ชาร์จที่แรงดันไฟ 240 โวลต์ แต่สำหรับบานเราที่มีแรงดันไฟ 220 โวลต์ จะใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง
ตัวชาร์จไฟเอง ก็ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพราให้มากับรถทันที และการติดตั้งก็ไม่ต้องกังวล เพราะ Porsche มีช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกอย่างดี พร้อมเดิมสายไปติดตั้งคุณทันทีที่ขับ Porsche Panamera S E Hybrid กลับบ้านจากโชว์รูม ไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด และ ตัวชาร์จไฟยังสามารถ ถอดติดไปกับรถได้ ในยามที่คุณต้องเดินทางไกล
การชาร์จไฟหนึ่งครั้งจนเต็ม Porsche Panamera S E Hybrid ใหม่ จะสามารถเดินทางในโหมดไฟฟ้าได้ 35 กิโลเมตร และสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 ก.ม./ช.ม. แต่เมื่อไฟหมดก็ยังสามารถใช้เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในการชาร์จไฟเข้าแบตเตอร์รี่เพื่อให้คุณขับขี่อย่างประหยัดและรักษาสิงแวดล้อมได้อีกครั้ง
เมื่อฟังการอธิบายจนเข้าใจก็ได้เวลาที่เราจะต้องลองขับจ้า Porsche Panamera S E Hybrid ใหม่ ซึ่งตอนก่อนจะขับ มันถูกเสียบชาร์จอยู่ และก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะเดินมาดึงปลั้กออกไปได้ เพราะ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทำงานร่วมกับรีโมทของรถ นอกจานี้ยังสามารถตั้งเวลาได้ว่าเมื่อไรที่คุณจะชาร์จไฟ โดยไม่ต้องตื่นกลางดึกมาเสียบชาร์จไฟรถ
เรารับกุญแจเข้าสู้องโดยสาร เหลียวหลัง มันมีความกว้างและความหรูหราอย่างไม่ต้องสงสัย และจัดการเสียบกุญแจลงสล๊อตบิดสตาร์ทให้ความรู้สึกเหมือนรถทั่วไป แต่เมื่อรถทำงานแล้วกลับเงียบไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจหลังจากผ่านรถไฟฟ้ามาหลายคัน เพรามันจะนิ่งๆแบบนี้นี่แหละ
การขับขี่ในรอบแรก เราขับด้วยโหมดไฟฟ้า ที่เรียกว่า E-Power ซึ่งจะเริ่มเข้าสู่โหมดนี้มันทีที่สตาร์ทรถ Porsche Panamera S E Hybrid ใหม่ เป็นมาตรฐาน โดยระบบจะใช้กำลังไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับขี่
ถ้าคุณนึกไม่ออกว่าเรารู้สึกอย่างไร ผมเชื่อว่าหลายคน น่าจะเคยขับรถกอล์ฟ มันก็คือความรู้สึกเดียวกัน ในการขับขี่ รถที่นิ่งๆ จะขับเคลื่อนออกไปได้ทันที โดยตรงหน้าคนขับบนเรือนไมล์ นอกจากความเร็ว และวัดรอบเครื่องยนต์ที่เราคุ้นเคยแล้ว ยังมีมาตรวัดการทำงานของแบตเตอร์รี่ทางฝั่งซ้าย รวมถึงปริมาตรและระยะทางที่ขับเคลื่อนได้จากการใช้ไฟของแบตเตอร์รี่ทาง บอกข้อมูลต่างๆที่จำเป็นในการขับขี่มากขึ้น
การสัมผัสแป้นคันเร่งๆเบาๆ ก็เพียงพอที่เจ้ากบยักษ์ จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และก็ไม่ได้ไปแบบเต่าคลานแต่ว่องไว ไม่ต่างอะไรจากการขับโดยใช้เครื่องยนต์ที่รอบต่อซึ่งเป็นความน่าอัศจรรย์ใจ ในขณะที่เครื่องยนต์ดับสนิท การไร้แรงสั่นสะเทือนฉึกฉักก็ทำให้เรารู้สึกแปลกไป อาจจะเรียกว่า ต่อไปเราคงไม่ใช้คำว่าการขับรถยนต์กันอีกต่อไปแล้วในอนาคตอันใกล้นี้
ช่วงระหว่างทางแม้การทดสอบจะไม่ได้เน้นที่สมรรถนะในส่วนอื่นมาก แต่จุดเด่นอีกอย่างคงต้องยกให้ระบบช่วงล่างของ Porsche Panamera S E Hybrid ที่นิ่มนวลได้สุนทรีย์การขับขี่ ด้วยช่วงล่างแบบถุงลมที่ยังล้ำในการปรับอำนาจการขับขี่เพื่อป้องกันการครูดจากความเตี้ยของลง สามารถยกตัวเองขึ้นได้อีก 20 ม.ม. หากต้องการ ที่สำคัญถ้าคิดว่าเจ้ากบยักษ์น่าจะขับยาก เรากลับรู้สึกตรงข้าม ด้วยความรู้สึกเดียวกับขับรถซิตี้คาร์ในชีวิตประจำวัน
ในรอบต่อมา เราได้รับคำแนะนำให้เปลี่ยนไปขับโหมดที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานร่วมด้วยที่เรียกว่า E- Charge โหมดการทำงาน ที่เริ่มการทำงานของเครื่องเพื่อใช้ทั้งการขับขี่และ ชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอร์รี่ไปพร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน
โหมดการขับขี่นี้เหมาะต่อการขับขี่ในเส้นทางยาว เช่นมอเตอร์เวย์ โดยที่คุณรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวอีกไม่นานจะต้องเข้าเมือง ซึ่งมีการจราจรหน้าแน่น ซึ่งโหมด E-Power จะตอบโจทย์ในการขับขี่มากกว่า
ในโหมดนี้เครื่องยนต์จะสตาร์ทการทำงานเข้ามา และจะผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในขณะที่ตัวแบตเตอร์รี่เองก็จะถูกชาร์จไฟเขาไปพร้อมกัน ซึ่งเมื่อเร่งความรู้สึกของเครื่องยนต์ที่พลัง V6 3.0 ลิตร ก็ยังพอจะให้อารมณ์สปอร์ตได้ไม่ขาดหายไป
แต่ที่เรายังไม่ได้ลองขับขี่มีเพียงโหมด Sport ให้อารมณ์ขับขี่เต็มที่เร้าใจ ด้วยการใช้เครื่องยนต์ขับขี่ 80 % และมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังเข้ามาช่วยในการปรับความรู้สึกในเรื่องอัตราเร่งให้ตัวตนของ Porsche มากขึ้นด้วย
แม้การทดสอบ Porsche Panamera S E-Hybrid ในครั้งนี้จะเป็นห้วงเวลาที่สั้น.. แต่มันก็เพียงพอพิสูจน์แล้วว่าค่าย Porsche ไม่ได้มีดีแค่สมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ตเท่านั้น หากแต่เมื่อพวกเขามองถึงการเอาจริงจังในด้านประสิทธิภาพในการขับขี่ในแง่ที่ไม่ใช่น้ำมัน พวกเขาก็ยังสามารถทำมันได้อย่างลงตัว ….สวัสดี
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอขอบคุณ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ที่ให้เกียรติ เรียนเชิญทีมงาน Autodeft.com ร่วมทดสอบ Porsche Panamera S E Hybrid
[GALLERY99]
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com