Porsche World Roadshow 2019 มหกรรมการทดสอบรถยนต์ตัวแรง Porsche หลากรุ่น

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 2 มี.ค. 62
  • 6,455 อ่าน

ใครที่ติดตามข่าวสารวงการรถยนต์อยู่บ่อย ๆ น่าจะเคยได้ยินชื่อกิจกรรมอย่าง Porsche World Roadshow กันมาบ้างแล้ว ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นโดยสำนักงานใหญ่ของ Porsche ในเยอรมนี ที่นำเอารถตัวท็อปของค่ายหลากหลายรุ่น เอาไปแสดงโชว์ตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจ สามารถมาลองขับแบบสุดทีนในสนามที่ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลัดเปลี่ยนไปปีละประเทศ

Porsche World Roadshow 2019

ด้วยความโชคดีของประเทศไทยอีกครั้ง ที่กิจกรรม Porsche World Roadshow 2019 ได้เวียนมาจัดในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปแล้ว 6 ปี โดยความร่วมมือระหว่าง ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็น ทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมกับ ปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ทำให้บรรดาสื่อมวลชน, ลูกค้าของปอร์เช่ รวมทั้งผม ในฐานะของทีมงาน AUTODEFT ก็มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมในปีนี้เช่นกัน โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นที่ ปทุมธานี สปีดเวย์

Porsche World Roadshow 2019

กิจกรรม Porsche World Roadshow 2019 จัดขึ้นเพื่อให้กลุ่มสื่อมวลชนและ เหล่าผู้หลงใหลความเร็วได้ร่วมสัมผัสสุดยอดประสบการณ์สุดเร้าใจหลังพวงมาลัยของยนตรกรรมสปอร์ตชั้นยอดหลากหลายรุ่นจากปอร์เช่พร้อมด้วยโปรแกรมขับขี่ในสถานีที่ออกแบบขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะในการควบคุมรถยนต์ ให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัย ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ โดยเน้นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามากจากรถแข่งในกีฬามอเตอร์สปอร์ตซึ่งถูก ถ่ายทอดมาไว้ในรถปอร์เช่ทุกคัน ดูแลการขับขี่โดยทีมผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ (Porsche Instructor) จากประเทศเยอรมนี มาร่วมให้คำแนะนำ พร้อมสาธิตการขับขี่อย่างใกล้ชิด ดังนั้นความปลอดภัยมีสูงมากอย่างแน่นอน

Porsche World Roadshow 2019

โดยในวันนี้ เราจะได้สัมผัสสุดยอดยนตรกรรมจากปอร์เช่ทุกรุ่นพร้อมด้วยสายพันธุ์เทอร์โบและจีทีเอส ที่ถูกส่งตรงจากโรงงานปอร์เช่ เยอรมนี กว่า 15 รุ่น อาทิ 911 GT3, 911 Targa 4 GTS, 911 Turbo Coupe, Panamera Turbo Sport Turismo, Panamera GTS, Cayenne Turbo, 718 Boxster GTS, 718 Cayman GTS รวมทั้ง Macan และ Macan S พร้อมเซอร์ไพรส์พิเศษด้วยด้วยการปรากฎตัวครั้งแรกของ The New Porsche 911 Carrera S (992) รถสปอร์ตรุ่นเรือธงในตำนานของปอร์เช่ให้ผู้ร่วมงานได้ชื่นชมก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่ด้วยความที่รถทุกคันนั้น ถูกส่งตรงมาจากเยอรมนี ดังนั้น เกือบทุกคันที่ขับขี่ จะเป็นพวงมาลัยฝั่งซ้ายทั้งหมด จะยกเว้นเพียงชุดเดียวเท่านั้นที่เป็นฝั่งขวา ดังนั้นในฐานะเป็นผู้ทดสอบรถยนต์ ถึงจะขับขี่มาทุกรูปแบบแล้ว แต่การขับสไตล์ Performance ยังไม่เคยขับพวงมาลัยซ้ายมาก่อน งานนี้ก็คงวต้องระมัดระวังมากขึ้นเป็น 2 เท่าตัว

Porsche World Roadshow 2019

โดยโปรแกรมการขับขี่ที่พวกเราจะได้สัมผัสตลอดระยะเวลา 1 วันเต็ม คือสถานีการขับขี่ต่างๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ได้ออกแบบไว้ ได้แก่

  1. สถานี “Handling” ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงอาการ ของรถเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทาง หรือการเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ในสถานีนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ การยึดเกาะถนนและระบบช่วงล่างของรถยนต์ปอร์เช่ได้เป็นอย่างดี
  2. สถานี “Braking & Slalom” ในสถานีนี้ผู้ขับขี่ จะได้พบกับระบบเบรกที่มีความปลอดภัยสูงสุดของรถยนต์ปอร์เช่ทั้งระบบรักษาเสถียรภาพและระบบป้องกันการลื่นไถลบนท้องถนน โดยผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำวิธีการใช้เบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการเบรกกะทันหัน อย่างถูกต้องและปลอดภัย พร้อมกันนี้จะได้
  3. สถานี Moose Test สถานีนี้ผู้ขับขี่จะได้ทดสอบ ประสิทธิภาพของระบบ Porsche Stability Management (PSM) ซึ่งผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของเสถียรภาพการทรงตัวของรถเมื่อเปิดและปิดระบบ PSM ได้อย่างชัดเจน และเรียนรู้วิธีการควบคุมรถยนต์โดยใช้พวงมาลัยหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนน พร้อมกับการควบคุมทิศทางที่แม่นยำและความคล่องตัวของรถขณะเข้าโค้งทางแคบด้วยความเร็ว รวมถึงศักยภาพการทรงตัวของรถยนต์ปอร์เช่ที่เป็นเลิศ
  4. สถานี E-Performance Road Tour ปิดท้ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการขับขี่บนถนนจริง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสสุนทรียภาพและความเหนือระดับของการขับขี่ รถยนต์ปอร์เช่ ทดสอบสมรรถนะระบบขับเคลื่อนของ E-Hybrid ในบรรยากาศจริงบนถนนสาธารณะ โดยสถานีนี้ จะเป็นสถานีเดียวที่รถนั้นจะเป็นพวงมาลัยด้านขวาทั้งหมด

Porsche World Roadshow 2019

เราถูกแบ่องออกมาเป็นทั้งหมด 4 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 8 คน แบ่งแยกกันไปทดสอบตามสถานีต่าง ๆ แล้วเวียนสลับไปจนครบ โดยกรุ๊ปผมนั้นเป็นกรุ๊ปสีชมพูครับ (แหววเชียว) เริ่มเข้าไปจับที่สถานี Handling ก่อนเลย ก่อนออกทดสอบ ก็ได้มีการเริ่มฟังบรีฟเส้นทาง และวิธีการขับขี่กันเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การทดสอบจริง อธิบายคร่าว ๆ ก็คือเส้นทางจะเริ่มด้วยทางตรงประมาณ 150 เมตร ก่อนที่จะเจอทางโค้งด้านขวา แล้วพุ่งตรงไปอีกประมาณ 180 เมตร ก่อนที่จะเจอทางกั้น ที่เราต้องหักกระทันหัน ขวาที ซ้ายที แล้วตีโค้งขวาอีกทีเพื่อเข้าสู่ช่วงทางตรงประมาณ 300 เมตร เพื่อเจอทางกั้นอีกรอบ หักขวาที ซ้ายที แล้วขวาอีกครั้งเพื่อเข้าทางโค้งรูปตัว U พอพ้นโค้ง จะเข้าทางตรงอีกประมาณ 200 เมตร เจอทางกั้นอีกรอบ หักซ้ายที ขวาที แล้วซ้ายอีกรอบเพื่อเข้าโค้ง กดทางตรงต่ออีก 100 เมตร ก่อนจะโค้งกว้างด้านซ้ายอีกรอบ เข้าสู่ทางตรง 100 เมตร สุดท้าย เป็นอันจบ 1 รอบ โดย 1 คน จะได้ขับทั้งหมด 2 รอบ ทุกรอบจะขับนำโดย Instructor โดยรอบแรกจะเป็นรอบแนะนำเส้นทาง ความเร็วระดับปานกลาง ก่อนที่รอบ 2 จะเป็นแบบกดเต็ม เดี๋ยวเรามาเริ่มดูกันทีละรุ่นเลยครับ

Porsche World Roadshow 2019

รุ่นแรกที่ได้ลองขับ ก็คือ Porsche 718 Cayman GTS สปอร์ตคูเป้ตัวแรงระดับ 365 แรงม้า เริ่มรอบแรกเบา ๆ ด้วยโหมด Sport ธรรมดาก่อน สัมผัสแรกที่ชอบมากคือ อัตราเร่งที่มาไวมาก กดคันเร่งปั๊บ มาปุ๊บ ไม่ต้องรอรอบเหมือนรถบ้านทั่วไปเลย (แหงล่ะสิ) เสียงดังกังวาลไพเราะเสนาะหู ชวนให้ขยี้คันเร่งกันอยู่ตลอดเวลา ช่วงเข้าโค้งนิ่ง แต่รอบแรกยังวัดอะไรไม่ได้ เพราะออกแนววอร์มเครื่องกันอยู่ พอรอบ 2 ปั๊บ Instructor คันหน้าก็หนีออกตัวไปเลย เราในฐานะผู้ตามที่ดี ก็ต้องกดตามสิครับ รออะไร โดยรอบนี้ผมเปลี่ยนมาใช้งานโหมด Sport+ แล้ว สิ่งที่สัมผัสได้ก่อนเลยคื ช่วงล่างที่แข็งขึ้น แต่เฟิร์มขึ้น กด150 เมตรแรกอย่างเต็มทีน รถพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ต้องกดเบรกเต็มเพื่อชะลอเข้าโค้ง ก่อนที่จะกดเต็มที่อีกรอบเมื่อผ่านเข้าถึงครึ่งโค้ง รถพุ่งกระชากออกไปอีกรอบ จนต้องเบรกกันสุดทีนอีกครั้งเมื่อเจอกำแพงในโค้งต่อมา ช่วงนี้ต้องหักแบบ Slalom 2 ที ก่อนที่จะกดเข้าโค้ง เพื่อส่งรถออกไปสู่ทางตรงยาว ช่วงนี้สะใจมาก มีเท่าไหร่ เราก็กดเต็มเท่านั้น ระยะทางเพียง 300 กว่าเมตรเท่านั้น ผมเหลือบมองความเร็วที่ทะยานขึ้นไปถึง 150 กม./ชม. ก่อนจะกดเบรกอีกครั้ง เพื่อหักหลบกรวยกั้น แล้วส่งตัวรถเข้าโค้งยาวอีกที ช่วงเข้าโค้งนี้ ทำให้รู้เลยว่ารถมันเอาอยู่จริง ๆ ไม่มีอาการเป๋หรืออาการหลุดออกมาเลย อาจจะมีบ้างที่รู้สึกว่าท้ายไหล แต่ไหลแบบมัน พวงมาลัยคุมอยู่ แบบนี้ก็มันสิครับ กดคันเร่งให้เร็วกว่าเดิม ก่อนที่จะเข้าสู่ทางตรง แล้วก็เจออีก  โค้ง ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นชัย สรุปแล้ว แค่รุ่นแรกก็โคตรมันแล้ว

Porsche World Roadshow 2019

จบคันแรกมาต่อคันที่ 2 กับ Porsche 911 GT3 อีก 1 ตัวแรงระดับ 500 แรงม้า ราคา 19 ล้าน คันนี้ขับขี่ในโหมดปกติครับ (เลือกไม่เป็น) พอได้นั่งแล้วเบิ้ลเครื่อง โว้ว มันคำรามมันกว่าคันเมื่อกี้อีก เสียงสนั่นมาก พอเริ่มออกวิ่ง ของ 718 GTS ก็ว่าพุ่งแล้ว คันนี้โคตรกระชากวิญญาณ กดแค่ทางตรงแรกก็มันสะใจแล้ว ประหนึ่งวิญญาณเรายังอยู่ที่จุดเริ่มต้น แต่ตัวรถถึงโค้งแรกแล้ว เรื่องเข้าโค้งก็ดีมากประมาณเดียวกับ 718 แต่ความแรกมันช่างห่างกันเหลือเกิน ช่วงทางตรงกดกันไปได้ 165 กม./ชม. เชรด รถหรือจรวด จบการทดสอบไปด้วยความมันสะใจ อยากซัดต่อยาว ๆ อีกซัก 80 รอบ

Porsche World Roadshow 2019

รอบต่อมาต้องเปลี่ยนไปลงที่ Compact SUV อย่าง Porsche Macan S ตัวแรง 340 แรงม้า พอสั่งออกตัว เราก็กดกันตามเขาไป แหม่ ทำไมมันช่างอ่อนโยนขนาดนี้ นี่เราคงเปลี่ยนระดับความแรงเร็วเกินไป ทำให้เจ้า Macan S ดูต้วมเตี้ยมไปเลย แถมการเข้าโค้งก็ต่างกันมาก ด้วยความที่ทรงรถอเนกประสงค์มันสูงโด่ง ทำให้การเข้าโค้งมันสู้รถที่เป็นทรงสปอร์ตไม่ได้อยู่แล้ว เราเลยรู้สึกถึงความโคลงในยามเข้าโค้งได้มากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเข้าโค้งไม่ดีนะ มันดีกว่ารถอเนกประสงค์ในท้องตลาดทั่วไปแน่ แต่เมื่อเทียบกับ 2 ตัวแรกที่ลองกัน มันก็ค่อนข้างห่างกันพอตัวเลย (รวมทั้งราคาด้วย)

Porsche World Roadshow 2019

รอบสุดท้ายกับ Porsche Panamera GTS รถสปอร์ต Executive car สุดหรู ที่มาพร้อมความแรงระดับ 460 แรงม้า และยังเป็นคันเดียวในกลุ่มที่เป็นระบบขับเคลื่อน AWD มันก็จะได้ Feeling ที่แปลกจากเดิมไปหน่อย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยที่ทำงานเร็วกว่าชาวบ้านเขาเยอะเลย โดยในรุ่นนี้จะพิเศษกว่าชาวบ้านเล็กน้อย เมื่อขับด้วยความเร็วสูง ปีกด้านหลังจะทำการกางออกเพื่อรับลมให้กดตัวรถเอาไว้เกาะพื้นมากกว่าเดิม พอความเร็วปกติ ก็จะหดกลับไปประจำที่เดิม (โคตรล้ำ) โดยรอบนี้ ก็ขับตามปกติแหละครับ กำลังเครื่องดีกว่า Macan พอตัว แต่สิ่งที่ต่างคือ เรื่องความปลอดภัย เราก็ขับเหมือนทุกคันแหละ แต่กับคันนี้ ช่วงที่คันหน้าเบรกเพื่อหักหลบ รถเราดันเบรกให้เองก่อนซะนี่ แถมยังดึงตัวเข็มขัดให้แน่ขึ้นอีกต่างหาก เรียกได้ว่า ระบบความปลอดภัยมันทำงานเร็วมาก เร็วจนตกใจ เพราะเราเอง สมองยังบอกอยู่เลยว่ายังไงก็เบรกทัน และอีกอย่างที่ต่างไหปคือตอนเข้าโค้ง มันมีอาการท้ายไหลมากกว่าคันอื่น แต่มันไหลแบบที่ไปต่อได้สบาย คล้ายดริฟท์แต่ไม่ใช่ เพราะทั้งล้อหน้าและล้อหลังหมุนสัมพันธ์กันตามความแรงช่วงเข้าโค้ง ทำให้รถสามารถผ่านทุกโค้งไปได้แบบไม่ต้องลุ้นอะไร ถึงแม้ผมจะใส่เต็มไปไม่น้อยไปกว่า 2 คันแรกก็ตาม (เว้น Macan S ไว้คัน ไม่งั้นอาจมีการทำงานใช้หนี้หัวโต) จบรอบไป ถือว่าจบกันไปในสถานีแรก แค่เริ่มต้นก็มันเต็มที่แล้ว

Porsche World Roadshow 2019

Porsche World Roadshow 2019

ถัดมากับสถานี “Braking & Slalom” ที่เราต้องขับรถเข้าไปในช่องทางที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งเป็นกรวยวางห่างกันจำนวนหลายอัน ต้องกันซ้าย-ขวารวมกันซักประมาณ 6 รอบ ก่อนจะเข้าโค้งใหญ่เพื่อกลับรถ แล้ววนเข้ามา Slalom กันอีกรอบ พอหมดกรวยแล้ว ต้องขับเข้าไปเบรกในช่องที่กำหนดไว้ โดยให้ทั้งล้อหน้าและล้อหลังอยู่ภายในช่อง ไม่เลยหรือล้าเส้นออกไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รอบนี้เราจะใช้งาน Porsche 718 Boxster GTS รถสปอร์ตพันธุ์แรง 365 แรงม้า โดยรอบนี้มีเดิมพันกันเล็กน้อย เพราะคนที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุด จะได้รับถ้วยรางวัลไป ซึ่งโดมินิค ที่เป็น Instructor คอยดูแลกลุ่มเรานั้น บอดเทคนิคเล็กน้อยว่า แนะนำหลักง่าย ๆ คือ ใช้คันเร่งให้เนียนที่สุด อย่าย่ำไปปล่อยไปบ่อย ๆ และให้หันพวงมาลัยให้น้อยที่สุด ขับรถให้ชิดกรวยให้ได้มากที่สุด เท่านี้เวลาก็จะดีมากแล้ว (พูดง่ายนี่) เอาจริงแล้ว ผมก็ผ่านการขับขี่แบบ Slalom มานักต่อนักแล้ว แต่รอบนี้ดันต้องขับเป็นรถพวงมาลัยซ้ายนี่สิ หนักใจ เพราะมันไม่ค่อยชิน ทำให้การกะระยะทำด้วยสัญชาตญาณล้วน ๆ โดยรอบแรกขับเบา ๆ ก่อน เพื่อลองเส้นทาง ส่วนรอบ 2 และ 3 จะจับเวลา ใครชนกรวย บวก 3 วินาที/กรวย จอดล้ำเส้นในกรอบ บวกอีก 3 วินาที รถกำลังเครื่องดีมากครับ กดสั่งแล้วมาเลย พวงมาลัยก็แม้นแม่น หันอย่างไหนได้อย่างนั้น รอบแรกก็ค่อย ๆ เดิคันเร่งไปเบา ๆ แล้วหักพวงมาลัยให้น้อยที่สุดไปเรื่อย ๆ รอบแรกผ่านไปด้วยดี รอบ 2 พอจับเวลาเริ่มกดดัน พอธงสบัดปั๊บ กดคันเร่งไปเต็มที่ รถมันพุ่งออกไปจนความเร็วเกินกว่าจะเข้าช่องได้ กดเบรกแทบไม่ทัน แต่ก็ผ่านช่องต่าง ๆ ไปจบอย่างสวยงาม ไม่มีการชนกรวยเลย รอบ 3 ลองดูแบบเต็มที่บ้าง เติมคันเร่งให้มากกว่าเดิม สรุปชนกรวยไปช่วงขากลับ ด้วยความที่ใส่คันเร่งเยอะไปหน่อย รถเลยออกนอกเส้นทางมากไป หักกลับไม่ทัน เลยโดนบวกเวลาไป จบรอบสถานีนี้ด้วยความสนุกอีกเช่นเคย (ไม่ได้รางวัลนะจ๊ะ)

Porsche World Roadshow 2019

Porsche World Roadshow 2019

สถานีที่ 3 ของกรุ๊ปสีชมพู (หวานแหวว) จะเป็น E-Performance Road Tour ครับ รอบนี้จะเดินทางไปด้วย Porsche Panamera E-Hybrid 462 แรงม้า และ Cayenne E-Hybrid 462 แรงม้า รถสไตล์ Plug-in Hybrid ทั้งคู่ โดยรอบนี้ทาง Instructor อยากให้เห็นความแตกต่างระหว่างการใช้เครื่องยนต์, เครื่องยนต์+ไฟฟ้า และไฟฟ้าล้วน ด้วยการออกถนนจริง ซึ่งมันเห็นความแตกต่างได้มากจริง ๆ เพราะการใช้เครื่องยนต์อย่างเดียว มันก็แรงในระดับหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากดคันเร่งเต็มที่ และมีไฟในแบตเตอรี่มากพอ รถจะเปลี่ยนความแรงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ จากการทำงานรวมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทะยานออกไปแบบสะใจ มันทุกครั้งที่กดคันเร่งเต็มทีน และเมื่อยามใช้งานระบบไฟฟ้านั้น รถอาจจะวิ่งไม่กรโชกโฮกฮาก แต่ก็วิ่งได้เงียบ นุ่มนวล ไม่มีเสียงเครื่องดังอีกต่างหาก และเราสามารถใช้โหมดนี้ได้จนถึงความเร็วระดับ 120 กม./ชม. ได้อย่างสบาย จบสถานีที่ 3 ไปด้วยความง่วงเต็มที่

Porsche World Roadshow 2019

สถานีที่ 4 ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของวันแล้ว ชื่อสถานี Moose Test จะมีการทดสอบ 2 แบบคือ ให้กดรถด้วยความเร็วเต็มที่ ก่อนจะกดเบรกเต็มที่เมื่อถึงจุดที่กำหนด แล้วหักหลบไปซ้ายหรือขวาก็ได้ตามสะดวก จนกว่าตัวรถจะหยุดนิ่ง โดยแบบแรกจะทดสอบด้วยการใช้งาน Porsche 911 Turbo Coupe สปอร์ตสุดแรง 540 แรงม้า (22 ล้าน) และแบบที่ 2 คือ การกดคันเร่งเต็มเช่นกัน แต่คราวนี้เมื่อถึงทางแยก ให้หักขวาผ่านแยก แล้วหักซ้ายกลับมา ก่อนที่จะกดเบรกให้เต็มที่อีกครั้ง เพื่อดูอาการของรถกัน โดยแบบที่ 2 เราจะใช้ Porsche 911 Targa 4 GTS 450 แรงม้า ในการทดสอบ โดยรอบแรกนั้น ทาง Instructor จะทำการขับให้เราดูก่อน 1 รอบ ก่อนที่จะให้เราขับด้วยตัวเองอีก 3 รอบ รอบแรกให้กดคันเร่งธรรมดาเต็มที่ก่อน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Porsche Stability Management หรือ PSM เอาไว้ด้วย ส่วนรอบ   ก็จะเปิดระบบ PSM เหมือนกัน แต่จะออกตัวด้วยการทำ Launch Control วิธีการทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่กดเบรกให้สุดด้วยเท้าซ้าย จากนั้นก็กดคันเร่งตามให้สุดด้วยเท้าขวา หน้าปัดจะแจ้งว่า Launch Control (หรืออะไรประมาณนี้) และเมื่อเราปล่อยเบรกออก รถจะเอากำลังที่มีอยู่ทุกซอกมุมในตัวเครื่อง มาผลักตัวรถให้ออกตัวไปได้เร็วที่สุด เราก็จะเหมือนวิญญาณหลุดออกไปจากร่าง แล้ววิ่งกลับมาทันก่อนที่เราจะเบรกในจุดที่กำหนดเอาไว้ ส่วนรอบสุดท้ายคือการปิดระบบ PSM ออก แล้วออกด้วยด้วยการทำ Launch Control แล้วมาดูความต่างของการเปิดและปิดระบบ ว่ามีมากขนาดไหน

Porsche World Roadshow 2019

ผมเริ่มทดลองในแบบแรกก่อนครับ บนรถ Porsche 911 Turbo Coupe ในรอบแรกนั้น รถเบรกดีมากครับ ถึงแม้ว่าจะกดเบรกเต็มที่ ABS ทำงาน รถก็สามารถหักหลบเข้าช่องไปได้อย่างงดงาม ส่วนรอบ 2 ที่ต้องออกตัวด้วย Launch Control นั้น มันสุด ๆ ทุกส่วนในร่างกายรับแรง G ระดับ 1.29 ข้างทางกลายเป็นสีเดียวกัน ก่อนที่จะกดเบรกแล้วหักเข้ามุมได้อย่างสนุกสนาน และยกสุดท้าย ที่ต้องกดปิดระบบตัวช่วยและออกตัวด้วยการ Launch Control ก่อนออกตัวก็หวั่น ๆ หน่อย เพราะเกรงว่าอาจจะคุมรถที่แรงแบบนี้ไม่อยู่ คิดในใจอย่างเดียวว่า จะต้องใช้พวงมาลัยให้น้อยที่สุด และเมื่อออกตัวไป มันกระชากวิญญาณหายไปอีกครั้ง ก่อนที่จะกดเบรกเต็มเท้า รถออกอาการเสียหลักนิดหน่อย ก่อนที่จะหักหลบออกไปทางด้านขวา รถไถลออกข้างไปมากกว่าตอนเปิดระบบ PSM แต่ก็ยังควบคุมได้จนรถหยุด ถือว่าตัวรถถูกเซ็ตมาได้ดีมาก ถึงระบบช่วยจะหายไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวรถเสียหลักออกอาการอะไรได้มากมาย แต่นั่นเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร แต่ในสถานการณ์จริงนั้น ทุกอย่างจะเข้ามาเร็วมาก เราอาจจะหักพวงมาลัยมากกว่านี้ และตัวรถอาจจะเสียหลักมากกว่านี้ ดังนั้นการเปิดระบบเอาไว้ ดีที่สุดครับ อย่าประมาทเอามันเลย

Porsche World Roadshow 2019

และยกสุดท้ายของวันนี้ กับรูปแบบทดสอบที่ 2 นั่นคือการหักหลบแบบ Moose Test ด้วยเจ้า Porsche 911 Targa 4 GTS รอบแรกก็ชิว ๆ ครับ ความเร็วที่พุ่งเข้าไปตรงทางแยกที่หักหลบ อยู่ที่ราว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง หักขวา 1 ที ก่อนที่จะหักซ้ายกลับมาอีก 1 ที แล้วกดเบรกเต็มทีน รถก็หยุดได้ดังใจแล้ว รอบ 2 คราวนี้ออกตัวแบบ Launch Control ความเร็วที่เข้าไปคือประมาณเกือบ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง หักหลบเกือบไม่ทัน แต่ก็ยังพ้นกรวย หักกลับอีกรอบแล้วกดเบรก รถก็หยุดได้ตามสั่งเช่นเดิม คราวนี้ปิดระบบหมด ตอนหักน่ะไม่เท่าไหร่ครับ ตอนหักกลับแล้วเบรกเนี่ย รถเบรกแบบแถข้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด รถจอดได้อย่างใจ ถึงแม้จะจอดไม่ตรงเหมือนกับตอนเปิดระบบความปลอดภัยเอาไว้ก็เท่านั้นเอง

Porsche World Roadshow 2019

Porsche World Roadshow 2019 ถือเป็นกิจกรรมที่คนที่ใช้งาน Porsche ควรได้ร่วมเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นวันที่คุณมีโอกาสได้สัมผัสความแรงของรถสปอร์ตค่ายนี้กันอย่างเต็มที่ และยังได้ฝึกฝนทักษะในรูปแบบที่คุณไม่สามารถทำเองได้อย่างง่าย ๆ แน่นอน ครั้งหน้าถ้ากลับมาจัดที่บ้านเราอีกเมื่อไหร่ บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับผม

Porsche World Roadshow 2019

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ