Full Drive : 2014 Chevrolet Trailblazer 2.8 LTZ1 ...ใจถึงก็ไปถึง สมรรถนะดีขึ้น เปี่ยมสปอร์ต

  • โดย : Autodeft
  • 25 ก.พ. 57
  • 22,946 อ่าน

มาแล้วในที่สุดบททดสอบ Chevrolet Trailblazer 2.8 ใหม่ รุ่น 200 แรงม้า เน้นสมรรถนะเต็มเปี่ยมดีกว่าที่เคย

 

 

เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ย้อนกลับไปในตลาดรถยนต์นั่งอเนกประสงค์เมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว วลีเด็ดที่ว่า “ ใจถึงก็ไปถึง” พร้อม พีเซ็นเตอร์ที่ฉีกแนวค่ายรถยนต์ทุกเจ้า ด้วยการจับคุณโชค บูลกุร มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ คงไม่มีค่ายไหนที่จะสื่อสารความเป็นตัวตนรถนั่งอเนกประสงค์ของพวกเขาได้ดีกว่า  Chevrolet Trailblazer  ที่ยังติดตราตรึงใจทั้งสมรรถนะและการออกแบบ จนกลายเป็นหนึ่งในรถที่ขายดีของค่ายเชฟวี่บ้านเรา อย่างไม่น่าเชื่อ

หลายปีผ่านมาเวลาผ่านไป ในที่สุด  Chevrolet  ก็ได้ฤกษ์ปล่อยเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่ปรับปรุงสมรรถนะมากกว่าเดิม จนเป็นจุดขาย ด้วยการพัฒนาขุมพลังให้มีกำลังมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น แม้จะไม่ใช่ของใหม่แบบชนิดถอดด้ามจากโรงงาน แต่เพียงสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ก็คงจะน่าประทับใจ ยิ่งการประกาศศักดา ตัวเลข  200 แรงม้า คงทำให้หลายคนขยี้มือสูดลมหายใจอยากลอง

Chevrolet Trailblazer 2.8

หากถามถึงว่า  Chevrolet Trailblazer 2.8 ใหม่ มีอะไรที่ได้รับการปรับปรุงจากเดิมบ้างนั้น เรื่องกายภายนอกคงจะมีน้อยมาก ด้วยทุกอย่างค่อนข้างลงตัวอยู่แล้วในเรื่องการออกแบบที่คมเข้มเน้นความเท่ห์เป็นทุนเดิม ตั้งแต่เปิดตัวออกมา ก็จับจองพื้นที่ในใจ นักขับขาลุยไปได้หลายคน

ทำให้ในครั้งนี้นอกจากรุ่นที่มีอยู่เดิมแล้ว Chevrolet Trailblazer  ใหม่ ก็เพิ่มรุ่นขึ้นในนาม  Chevrolet Trailblazer  LTZ1  ให้ความพิเศษมากขึ้นในรายละเอียดการออกแบ ตั้งแต่โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟตัดหมอกจัดมาให้เสร็จสรรพ รวมถึง ไฟท้ายแบบ LED ที่เด่นเป็นสง่า และลงตัวด้วยล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว  พร้อมยาง 265/60/R18 เป็นของเล่นเฉพาะเลยสำหรับรุ่น LTZ1  (รุ่นอื่นใช้ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว)

ภายในห้องโดยสาร  Chevrolet เติมแต่งมาด้วยการออกแบบที่ลงตัวมากขึ้น แต่งเนื้อแต่งตัวมาตรวัดใหม่ ให้ดูมีลุคสปอร์ตมากขึ้น การเรืองแสงยังคงใช้โทนสีฟ้าตอบโจทย์ เช่นเคยที่คุ้นหน้าตากับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แต่ที่แนะนำเข้ามาใหม่ก็คือระบบ My Link ช่วยเพิ่มอรรถรสความบันเทิง ให้การเชื่อต่อระหว่างรถและอุปกรณ์มือถือส่วนตัวของคุณง่ายขึ้น โดยใน Chevrolet Traiblazer LTZ 1  นี้ ยังมาพร้อมระบบนำทางในตัวติดตั้งมาให้เสร็จสรรพช่วยให้ง่ายไม่หลงกลป้ายบอกทาง

Chevrolet Trailblazer 2.8

 ถ้าถามว่าอะไรคือจุดขายใน Chevrolet Trailblazer 2.8 ใหม่นี้ แน่นอนว่า คงไม่มีใครไม่ปฏิเสธเรื่องเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ที่มีความทรงพลังในการขับขี่อย่างมาก ด้วยพละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ใหม่ล่าสุด ที่ปั้นแต่งให้กำลัง 200 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที จากโรงงาน

แล้ว 200 แรงม้ามีประโยชน์อะไรในรถอเนกประสงค์หลายคนคงเริ่มเอากุมหัวแล้วขยิกนิ้วข้างๆ ในแง่หนึ่งที่เราหลายคนอาจจะทราบกันดี ก็คงไม่พ้นความกระฉับกระเฉงของรถที่เพิ่มขึ้น แต่อีกประการที่บ้านเราไม่ค่อยได้ใช้เลย คือสมรรถนะในการลาดจูงที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยกำลังแรงบิดสูงสุดกว่า 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

น่าเสียดายที่เครื่องยนต์  Duramax  ยังต่างจากค่ายอื่นๆที่ทำเครื่องดีเซลพลังสูง ตรงที่ยังไม่เป็นแรงบิดระนาบต่อเนื่อง แต่เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมแล้ว เจ้า Chevrolet Trailblazer  ใหม่ ได้กำลังเพิ่มขึ้น  20 แรงม้า และได้แรงบิดเพิ่มขึ้น 30 นิวตันเมตร เช่นเคยมันยังมาพร้อมคู่หูเกียร์อัตโนมัติ 6  สปีด น่าเสียดายที่รุ่น 2.8 ลิตร ยังคงไร้เงาเกียร์ธรรมดาตอบโจทย์ เพราะ ในรุ่นใหม่นี้เป็นชุดเกียร์ธรรมดา  6  สปีด แล้วเพียงแต่มีแค่ในรุ่นเครื่อง 2.5 ลิตร เท่านั้น

Chevrolet Trailblazer 2.8

ที่เก่าเวลาใหม่อาคารรสา ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ เชฟโรเล็ตเซลล์ประเทศไทย ทุกอย่างชัดเจนมากทันทีเราเริ่มออกเดินทางนำเจ้าน้องเทรลสสู่โลกกว้าง หลังจากที่โนจอดมานานไม่มีคนคิดถึง มัน จากทริปที่เชฟวี่พานักข่าวไปตะลุยพม่ามา

แน่นอนว่า อาคารจอดรถที่มีทางแคบรถจอดปะข้างไปมา ไม่ใช่ที่ๆเมาะสำหรับให้คุณขับรถขนาดใหญ่แต่ Chevrolet Trailblazer ก็เริ่มต้นได้ด้วยเพราะค่อนข้างชัดเจนว่าพวงมาลัยเบาขึ้น จนสุภาพสตรีน่าจะพอใจ แต่เรือนร่างรถที่กว้างกว่า 1.902  เมตร ก็เริ่มเป็นปัญหาปกติยามขับที่แคบๆ แบไต๋ว่า ถึงไหนถึงกันแต่อย่าแคบมากก็พอ

หลังลงมาแตะพื้นถนนการเดินทางตะลุยป่าคอนกรีตของเจ้า Chevrolet Traiblazer  ก็เริ่มขึ้นด้วยความตั้งใจของเราที่อยากจะหาอัตราประหยัดของเครื่องยนต์ที่มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมจากที่เคยแนะนำกันมา แน่นอนว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร ที่มีกำลัง 200 แรงม้า คงวาดลีลาในเมืองหลวงได้ไม่มาก เพราะการจราจรค่อนข้างติดขัด

มิหนำซ้ำ Chevrolet Trailblazer 2.8 LTZ1 ยังจัดเต็มด้วยยางขนาด 265/60/R18 ทั้งสี่ร้อน หน้าสัมผัสมากทำให้ต้องใช้รอบพอตัว แต่ไม่ใช่เรื่องลำบากนักถ้าคุณมีเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงบิดสูงถึง 500 นิวตันเมตร แต่ยังไงเสีย ก็ต้องเร่งเครื่องนิดหน่อยเพื่อจะออกตัว

Chevrolet Trailblazer 2.8

การขับๆติดในเมือง อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ Chevrolet Trailblazer ชอบนัก ยิ่งหลายครั้งเราค้นพบว่า ความกว้างรถเป็นอุปสรรคบ้างในการขับขี่ โดยเฉพาะในซอยหรือถนนยางสายที่มีการตีเส้นเลนแคบ เกินไปกระจ้างคุณจะล้นออกนอกเลน และไม่เพียงเท่านี้อย่าแปลกใจถ้าขับไปแล้วคุณจะโดนพี่มอเตอร์ไซค์ท่านมองค้อน เพราะ ขนาดตัวของมันกินพื้นที่เต็มเลนจนมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ แต่อันนี้ผมถือว่าเป็นธรรมชาติของเจ้าเทรลฯ

น่าจะเรียกว่าเป็นโชคร้ายที่วันศุกร์เย็นของการทดสอบChevrolet Trailblazer  ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นเมื่อการจราจรติดหนับเป็นตังเม แต่ก็จะได้วัดกันไปเลยว่าเมื่อติดหนักที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ Chevrolet Trailblazer จะซดหนักสักเท่ไร และไม่น่าเชื่อว่า การขับในเมืองไปๆมาของเรา จะมีระยะทางกว่า  153.2 ก.ม. ตามข้อมูลบนหน้าปัดโชว์ การใช้น้ำมัน 9.0 ก.ม./ลิตร และเติมจริงเรายัดคืนถึงไปถึง 20.07 ลิตร เคาะโป้กดีเครื่องคิดเลขได้ 7.06 ก.ม./ลิตร ไม่แปลกใจนักกับเครื่อง 200 แรงม้า พร้อมล้อขอบ 18 นิ้ว

ถามว่าอัตราประหยัดในเมืองที่ได้มาแย่ไหม..สำหรับผู้เขียนบอกเลยว่าสมน้ำสมเนื้อ เพราะการจราจรติดขัด เครื่องยนต์บล็อกใหญ่สมรรถนะสูง แถมจัดมาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วและยางหน้ากว้างพิเศษตอบโจทย์เรื่องการขับขี่ ตัวเลขที่ได้มาถือว่ากำลังดี ไม่ซดจนเกินไปนัก

แต่แน่นอนว่า Chevrolet Trailblazer นั้นออกแบบมาให้ลุย เน้นขับท่องเที่ยวต่างจังหวัดเป็นสำคัญมากกว่า รถใช้ในชีวิตประจำวันในเขตเมือง ...คำถามคือมันจะลุยได้ขนาดไหน ..

พูดถึงเรื่องลุย อันที่จริงเราก็ไม่มีความเชี่ยวชาญนัก งานนี้ก็เลยต้องกดคอมพิวเตอร์เคาะแป้นป๊อก!! ป๊อก ถามอาจารย์ Google  กันตามระเบียบ ละด้วยความว่าเดินทางกันเอง ไม่เน้นไกลจากกรุงเทพเกินไปนัก และใครจะเชื่อว่า ที่ซึ่งท่านอา Google บอกเรามานั้นจะเป็นสถานที่ซึ่งหลายคนอาจจะคาดไม่ถึง

Chevrolet Trailblazer 2.8

ห่างออกไปราวๆ 200 ก.ม. ท่ามกลางเมืองสุพรรณบุรี อุทยานแห่งชาติพุเตย อาจจะไม่ใช่ ชื่อที่คุ้นหูนักสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าย้อนไปกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2534  ถ้ายังจำความกันได้ป่าสูง ที่เราเดินทางมานี้คือจุดตกของสายการบิน เลาด้า แอร์ สายการบินที่ดำเนินธุรกิจโดยนักขับรถฟอร์มูลล่าร์วันชื่อดัง นิกิ เลาด้า ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และป็นหนึ่งในอุบัติเหตุทางอากาศครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็นที่นี่ เพราะ เส้นทางที่นี่ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องความหินในการเดินทางถึงที่ทำการอุยานโดยเส้นทางนั้นจะทอดตัวยาวจากทางด่านช้างผ่านป่าและภูเขาที่มีต้นไม้ปกคุลมหนาแน่น ก่อนจะเข้าสู่ถนนลูกรังยาวสู่ที่ทำการอุทยาน ซึ่งตามคำแนะนำจากอากู๋บอกว่าจะมาได้ควรจะมีรถ 4WD เท่านั้น

ช่วงระหว่างการเดินทางจากกรุงเทพออกไปตามทางหลวงมุ่งหน้าสู่สุพรรณบุรี เจ้า Chevrolet Trailblazer  ก็เริ่มสำแดงความเหมาะสมของมันต่อเส้นทางหลวงเช่นนี้ให้เราได้เห็น ด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ที่มีรอบเครื่องค่อนข้างต่ำมาก  ด้วยการเดินทาง 90 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องเพียง 1,400 รอบต่อนาที และที่ความเร็วเดินทางปกติของคนทั่วไป 120 ก.ม./ช.ม. ยังใช้รอบเครื่องยนต์ไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาทีด้วยซ้ำ

แถมการเร่งแซงก็ทำได้ง่ายเพราะเครื่องมีกำลังเหลือเฟือ ซึ่งถ้าคุณเป็นพวกบาทาหนัก ชอบกดจัดเต็มเวลาคลิกดาวน์รถจะพุ่งออกไปเร็วจี๋จนหลายครั้ง เผลออีกทีก็ 140 ก.ม./ช.ม.แล้ว

การใช้รอบเครื่องต่ำมาก ทำให้ การเดินทางค่อนข้างได้สุนทรีย์ในการขับขี่พอสมควร ด้วยเสียงเพลงที่ขับกล่องจากระบบเครื่องเสียง Chevrolet My Link  ช่วยตอบโจทย์ไม่ให้เหงาในการเดินทาง ระบบเสียงในรถถือว่ามีคุณภาพคับแก้ว มาครบทุกย่านเสียง แต่ยังฟังแล้วกระด้างหูไปบ้างเล็กน้อย ในขณะที่การใช้ลองใช้ระบบนำทางก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะคุณต้องทราบที่ตั้งจองสถานที่ๆ จะไป

Chevrolet Trailblazer 2.8

ยกตัวอย่างเรากำลังเดินทางไปอุทยานแห่งชาติพุเตย ..คุณต้องใส่ ชื่อ จังหวัด ตามด้วยชื่อเมือง จึงจะค้นหาแล้วเจอ ซึ่งค่อนข้างจะสร้างความลำบากเหมือนกัน แต่ถ้าคุณทำความคุ้นเคย ก็พอคงจะไม่ยากอีกต่อไป

เรื่องระบบกันสะเทือนเอง   Chevrolet Trailblazer ใหม่ก็ทำได้ดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงติด ตรงที่ตัวตนที่มาจากรถกระบะ ด้วยการเซทระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบปีกนกอิสระสองชั้นพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังใช้แบบ5  Link  เมื่อบวกเขากับการวางรถในแบบ Body On Frame  ทำให้มันยังได้ความกระด้างในแบบสไตล์กระบะมาพอสมควร

แต่ยังดีที่ Chevrolet Trailblazer ถูกปรับให้มีความนิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน ทว่าก็ยังพอจะรู้สึกได้ถึงแรงกระเทือนในแบบที่มีความกระด้าง ซึ่งจะช่วยได้เยอะเมื่อคุณต้องมาลุย หรือผ่านถนนที่ไม่เอาอ่าว ชนิดว่าดาวอังคารเรียกพี่ หากต้องนั่งนานก็อาจจะรู้สึกสบายสู้รถเก๋งไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร และค่อนข้างจะดีเยี่ยมเมื่อเทียบรถอเนกประสงค์ SUV  ที่มาจากกระบะด้วยกัน

หลังจากเดินทางมานานในที่สุดเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติพุเตย ทางขึ้นชื่อของการฝ่าฟัน ไม่ใช่เพียงแค่ใจถึงก็ไปถึง แต่รถก็ต้องไปถึงด้วย น่าเสียดายที่ตอนเราอุทยานฯ เพิ่งจะเกลี่ยทางหมาดๆ ทำให้หลุมบ่อทอนหายไปเยอะ แต่เส้นทางลูกรังยังคงเป็นบททดสอบหลักของ การขับขี่ Chevrolet trailblazer 2.8 ใหม่

แม้เรื่องความโหดร้ายของเส้นทางจะไม่มากมายอะไรนักเมื่อเทียบกับความสามารถของรถที่ยัดระบบต่างๆมาไว้มากมาย ทั้ง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist หรือ จะเป็นระบบช่วยคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน  Hill Decent Control แถมเจ้าบึ้กคันนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมการทรงตัว ESC และ ระบบควบคุมล้อหมุนฟรี TCS  เรียกว่ามาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

นี่ยังไม่พูดถึงระบบขับเคลื่อน  4 ล้อ ที่มีมาให้เสร็จสรรพ และแม้ทางจะไม่ได้ลุยมากมายนัก แต่เราก็ใช้โอกาสนี้ในการลองระบบขับเคลื่อน  4  ล้อไปด้วย ในตำแหน่ง 4H  

Chevrolet Trailblazer 2.8

Chevrolet Trailblazer 2.8

การตะลุยในอุทยานแห่งชาติพุเตยนี้ ถนน มีลักษณะเป็นเส้นทางธรรมชาติ สองเลนสวน แต่จะว่าไป ขับลึกเข้าไปก็แทบจะนึกว่าโผล่อีกที จะเอ๋!! พม่าเลยหรือเปล่า เพราะป่าเขียวขจีที่นี่ทำเอาเหงาได้ เรียกว่าเกิดอะไรขึ้นมา นั่งตบยุงข้างทางอย่างเดียว ยังดีที่เจ้า Chevrolet Trailblazer  นั้นเป็นรถที่ค่อนข้างวางใจได้ในสมรรถนะการขับขี่

น่าแปลกที่ล้อขอบ 18 นิ้วของ Chevrolet Trailblazer  ตอบสนองเรื่องการลุยได้อย่างดีเยี่ยมไม่เพียงแค่การเกาะถนนแต่ยังมีความนุ่มนวลขึ้นเมื่อคุณเอามันมาลุย ดีกว่าขับบนถนนทั่วไป ถ้าไม่นับพวกหลุมพิฆาตที่สุ่มเสี่ยงต่อการพังยาง  ถือว่ามีความลงตัวอย่างยิ่ง

ตอนที่เราขับ Chevrolet Trailblazer  ในการลุยผ่านระบบขับเคลื่อน 4  ล้อ  แม้จะเป็นธรรมชาติของระบบขับเคลื่อน 4  ล้ออยู่แล้ว ในเรื่องวงเลี้ยวที่เพิ่มมากขึ้น แต่ที่ต้องชมคงเป็นพวงมาลัยที่ทำได้ดีไม่ทำให้หนักมือไปเหมือนรถบางรุ่นในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งช่วยให้มีจังหวะควบคุมที่ง่ายดายดี และจะพอเรียกว่าด้วยกำลังเครื่องยนต์ และการควบคุม เรืองลุยๆ ของน้องเทรล เหมือนคุณนั่งสบายๆไปกับพรมวิเศษของอาละดิน แม้จะไม่มีความรู้หรือทักษะขับรถแบบออฟโรดมากมายนัก เพียงแค่มั่นใจและคุมพวงมาลัยให้นิ่งก็เพียงพอ

Chevrolet Trailblazer 2.8

ในที่สุดเราใช้เวลาสักพักใหญ่ก็มาถึงจุดที่เป็นที่ทำการอุทยาน ซึ่งใช้ระยะทางเข้ามาไกลกว่า 40 ก.ม. บนทางลูกรัง ที่ไร้ป้ายทางบอกเรียดว่าเป็นเส้นทางที่ต้องใจถึงจึงมาถึง แต่เมื่อโผล่มาตรงที่ทำการ ..อ่าว มันมีถนนดินดำวิ่งมาถึงเลยนี่นา ...เอาเป็นว่าขับกันสนุกสนานในเส้นทางออฟโรด

ขากลับด้วยความอยากรู้เราเลยกดระบบนำทางในรถลองเส้นทางถนนลาดยาง แต่แล้วระบบนำทางก็ทำเอาเสียวเหมือนกัน เพราะ ตลอดทางร้องให้กลับรถตลอดศก จนจะเผลอเกือบกลับรถเหมือนกัน แต่งานนี้เรียกว่าวัดใจกับ  GPS  จะหลงทางไปออกพม่าให้มันรู้ไปเลยขับตามจุดที่ทางบอก ซึ่งก็สามารถพาออกกลับกรุงเทพได้ แต่ถ้าเป็นผู้ใช้ทั่วไป คงจะไม่กล้าวัดใจ และจากที่เราเจอ  Chevrolet  ควรจะปรับเรื่องระบบนำทางโดยด่วน

ท้ายสุดหลังจากเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ เราตรวจเช็คเรื่องอัตราประหยัดน้ำมันจากการตะลุย...ขับทางไกล ทั้งทางถนนหลวง ทางถนนเลนสวน ทางลุย แถมด้วยความเร็วสูงสุด 190 ก.ม./ช.ม. เรียกว่ามาเต็มครบเซท สรุปตัวเลขอัตราประหยัดที่ 10.11 ก.ม./ลิตร ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

 

ภารกิจพิเศษ กับนักปั่นสายแข็ง ....

“เออ พี่ว่าจะทำภารกิจพิเศษ ปั่นจักรยานเสียหน่อย” พี่ที่เคารพคนหนึ่งในออฟฟิศมาบอกเล่าในช่วงก่อนที่  Chevrolet trailblazer จะมาถึงมือผม และเหมือนเป็นเรื่องประจวบเหมาะพอดี  ที่เราได้มาร่วมกับพวกเขา นักปั่นจากทีม  Dramatical Rider  ซึ่งพวกเขาอยากไปพิชิตลำตะคอง

ใช่ครับ!! เพื่อนๆ อ่านไม่ผิด นักปั่นกลุ่มนี้ต้องการจะปั่นจักรยานจากกรุงเทพไปยังลำตะคองปลายทางจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพวกเขาเองก็ขอไหว้วาน ในการใช้รถเพื่อเดินทางและเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินต่างที่อาจจะไม่คาดคิด

Chevrolet Trailblazer 2.8

สำหรับผู้เขียน นี่เรียกว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะแสดงเรื่องความอเนกประสงค์ของรถ และยังตรงกับแนวคิดของรถที่ว่าใจถึงก็ไปถึงด้วย เลยไม่ปฏิเสธอะไร ถือว่าเป็นบททดสอบในลักษณะของการใช้งานจิรงไปด้วยในตัว

6 โมงเข้าวันอาทิตย์หลายคนอาจจะหลับอยู่แต่ผมและ  Dramatical Rider  พร้อมแล้วที่จะออกเดินทาง นักปั่น 5 คน จักรยาน 5  คัน ทั้งหมด ต้องอัดไปใน Chevrolet Traiblazer  นี่ไม่รวมผม และผู้นำทางอีกท่าน เรียกว่า เป็นการใช้งานรถชนิดเต็ม 100 % มากที่สุด ตั้งแต่มีการทดสอบกันมาเลยทีเดียว

เบาะนั่งแถว 3 อยู่ในตำแหน่งพับราบกับพื้นเพื่อใช้ในการขนของ โดย ก่อนหน้านี้เราตกลงกันว่าจะต้องติดตั้งแร็คขนจักรยานเพิ่ม ทางด้านหลังเพื่ออำนาจการขนมากขึ้น ในขณะที่ในรถจะยัดจักรยาน 3  คัน แนว ตั้ง แต่เอาเข้าจริง หน้างาน ด้วยความที่ช่วงบรรทุกสัมภาระสั้นไปหน่อย เมื่อใช้เบาะแถวสอง ทำให้ เราต้องวางขวางจักรยานแทนการวางในลักษณะตามยาวและเพียงแค่ 2  คันก็เต็มปรี่ แล้ว

Chevrolet Trailblazer 2.8

ยังดีที่แร็คที่เรานำมาติดตั้งเป็นอุปกรณ์เพิ่ม ราคาแร็คนี้ก็ไม่แพงราวๆ  3,000 บาทถ้วนสามารถขนได้สามคันพอดี สรุปผิดคาดไปนิด แต่ทั้งคนและจักรยานก็สามารถเดินทางไปได้พอดีๆ

ในการขนของและคนจำนวนมาก พลังเครื่องยนต์  Duramax  ก็โชว์สมรรถนะในการขับขี่ แม้จะจัดหนักจัดเต็มก็ไม่ได้ทำให้มันย่อหย่อนลงไปในเรื่องสมรรถนะรถยังสามารถเร่งได้รวดเร็วไม่มีอืด จนหนึ่งในนักปั่นรู้สึกชิ่นชอบเพราะแต่ละคนก็ไม่ได้มีขนาดตัวเล็กๆเลย
นักปั่นพร้อมเราพร้อมการทำภารกิจุดหินปั่นจักรยานไปลำตะคองก็เริ่มขึ้น เราขับไปดูแลนักปั่นๆไป ซึ่งการใช้รอบเครื่องต่ำมากของ  Chevrolet trailblazer ทำให้รถมีความประหยัดมากพอสมควร เกือบตลอดเส้นทางเราใช้ความเร็วเพียง  90 ก.ม./ช.ม.  และหน้าปัดก็โชว์ตัวเลขอัตราประหยัด 12.1 ก.ม./ลิตร โดยเราขับใช้ระบบ Cruise Control ร่วมด้วย

กว่าการเดินทาง 8 ช.ม. นักปั่น  Dramatical Rider  ก็เดินทางมาถึงยังอำเภอปากช่อง ด้วยการปั่นจักรยานมา น่าเสียดายที่เส้นทางจากปากช่องไปยังลำตะคอง ยังมีระยะทางกว่าอีก  20  ก.ม. และเส้นทางจากช่วงอำเภอต่อไปยังลำตะคองเป็นทางสูงชัน ประกอบกับพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ทำให้ทีมตัดสินใจที่จะจบตรงที่ อำเภอปากช่อง

แม้ความฝันปั่นไปลำตะคองจะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม และพวกเขาสัญญาว่าจะมาใหม่ในงวดหน้าอย่างแน่นอน

 

สรุป  Chevrolet Trailblazer 2.8 สมรรถนะดีขึ้น ...แต่อยากให้ปรับระบบนำทาง

 

หลังจากจบบททดสอบ Chevrolet Trailblazer 2.8 รุ่น  200 แรงม้า ที่เปิดตัวมาใหม่ ในแง่ของสมรรถนะการขับขี่ภาพรวม ค่อนข้างยอมรับว่ามันมีความลงตัวมากขึ้น

ความดุดันจากเครื่องยนต์  Duramax  ที่มีการปรับปรุงดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเพิ่ม 20 รงม้า และเพิ่มแรงบิด 30 นิวตันเมตร อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่เยอะมาก แต่ก็พอต่อการใช้งานที่ลงตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม น่าเสียดายที่เครื่องยนต์ยังมีเสียดังอยู่พอสมควร แม้จะยอดรับว่าเบากว่ารุ่นก่อนแล้วก็ตามที แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งหลายเจ้า ที่ผ่านฝีเท้าเรามา Duramax  เป็นเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างมีเสียงในการทำงานที่ค่อนดังพอสมควร

Chevrolet Trailblazer 2.8

แต่กระนั้นก็มีอัตราเร่งที่ดีเกินคาดด้วยเวลาอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ดีที่สุด 11 วินาที และ อัตราเร่ง  80-120 ก.ม./ช.ม. ได้เวลาดีที่สุด  8.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 190 ก.ม./ช.ม.

ถึงแม้เครื่องยนต์จะดีเยี่ยมแต่สิ่งที่ Chevrolet  ต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนักเลย ก็คือ ระบบนำทางในรุ่น LTZ1 ที่ค่อนข้างมีความละเอียดพอตัว แต่ฟังชั่นการใช้งานยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไร รวมถึง การปรับเปลี่ยนเส้นทางคำนวณเส้นทางใหม่ ควรจะให้ความมั่นใจต่อผู้ใช้มากกว่านี้

ส่วนในภาพรวมเรื่องอื่นๆ Chevrolet trailblazer  ยังรักษาตำแหน่งรถอเนกประสงค์ตรวจการณ์ที่ดีในการขับขี่เรือนร่างที่ดุดูสปอร์ต สมรรถนะการขับขี่ที่เยี่ยมทั้งบนถนนและออฟโรด ยังเป็นจุดขายที่โดดเด่นของเจ้าอเนกประสงค์คันนี้จากค่ายรถอเมริกา

สรุปผลการทดสอบ  Chevrolet Trailblazer 2.8 200 HP

รถทดสอบ Chevrolet Trailblazer 2.8  LTZ1 รุ่นปี 2014

ราคา จำหน่าย 1,465,000 บาท
 

อัตราประหยัดในการทดสอบ

ในเมือง

7.06 ก.ม./ลิตร

นอกเมือง

10.11 ก.ม./ลิตร

การทดสอบสถิติอัตราเร่ง

 

ครั้งที่ 1

ครั้งที่ 2

ครั้งที่ 3

เฉลี่ย

0-100 ก.ม./ช.ม.

11.00

12.00

11.00

11.33

80-120 ก.ม./ช.ม.

9.00

8.00

8.10

8.37


ความเร็วสูงสุดขณะทำการทดสอบ  190 ก.ม./ช.ม.
 

เรื่อง และภาพ ขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ขอบคุณ รถทดสอบ Chevrolet trailblazer 2.8 LTZ 1

เอื้อเฟื้อโดย บริษัท เชฟโรเล็ต เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 


[GALLERY321]
 

 

 

5 เรื่องน่าสนใจ