ยอดขายรุ่นเริ่มต้น Ford พุ่งแรง ชี้ผู้บริโภคอเมริกันเบื่อหน่ายรถราคาแพง

ข้อมูลยอดขายล่าสุดของ Ford สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่เริ่มหันไปเลือกรุ่นย่อยระดับเริ่มต้นมากขึ้น หลังราคารถใหม่พุ่งสูงต่อเนื่องจนเกินเอื้อมสำหรับหลายครอบครัว โดยราคาเฉลี่ยของรถใหม่ในเดือนกันยายนแตะระดับ 50,080 ดอลลาร์ ซึ่งผลักให้ผู้ซื้อจำนวนมากมองหาทางเลือกที่ประหยัดกว่า

จากรายงานของ Ford พบว่าความสนใจต่อรุ่นเริ่มต้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายรวมของ Maverick XL, Ranger XL และ Bronco Sport Big Bend เพิ่มขึ้นถึง 26.4% และหากดูยอดสะสมทั้งปี ตัวเลขก็ยังเติบโต 12.7% แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เพียงการเพิ่มขึ้นแบบชั่วคราว

ในกลุ่มปิกอัพ Maverick ถือเป็นดาวเด่น ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 43.3% ในเดือนล่าสุด โดยเฉพาะรุ่นเริ่มต้น XL ที่เติบโตถึง 76.2% จนช่วยให้ Maverick ทำสถิติยอดขายประจำปีสูงสุดใหม่ได้ก่อนสิ้นปี 2025 แม้จะยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก็ตาม ส่วน Ranger ก็ไม่น้อยหน้า ยอดขายเพิ่มขึ้น 35.8% โดยรุ่น XL เติบโต 48%

ฝั่ง SUV ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน Ford Explorer ทำยอดขายเดือนพฤศจิกายนดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 ที่ 20,226 คัน เพิ่มขึ้น 41.5% จากปีก่อน โดยรุ่นเริ่มต้น Active มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 60.7% ขณะที่รุ่น ST-Line ก็เพิ่มขึ้นถึง 68.5%

Ford ระบุว่ารถรุ่นที่เข้าถึงง่ายกว่าช่วยให้แบรนด์รับมือกับภาวะตลาดที่ชะลอตัว จากความเหนื่อยล้ากับราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายรถไฟฟ้าที่ลดลงหลังการสิ้นสุดของเครดิตภาษีจากรัฐบาลกลาง แม้ยอดขายรวมของ Ford เดือนพฤศจิกายนจะลดลง 0.9% แต่ก็ยังดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ลดลงถึง 7% และยังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีก 0.5%

อย่างไรก็ตาม คำว่า “ราคาเอื้อมถึง” ก็ยังมีเงื่อนไข เมื่อพิจารณาจากราคาของ Maverick ที่เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 ซึ่งตอนนั้นมีราคาเริ่มต้น 19,995 ดอลลาร์ (ไม่รวมค่าขนส่ง 1,495 ดอลลาร์) แต่ปัจจุบันราคาเริ่มต้นขยับขึ้นเป็น 27,145 ดอลลาร์ (ยังไม่รวมค่าขนส่ง 1,695 ดอลลาร์) เพิ่มขึ้นถึง 7,350 ดอลลาร์ในเวลาเพียงสี่ปีเศษ ถึงอย่างนั้น Maverick ก็ยังคงเป็นรถปิกอัพที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในสหรัฐฯ

ที่มา Carscoops