ผู้ผลิตรถอเมริกันรายเล็กทำลายสถิติ Koenigsegg คว้าแชมป์รอบสนาม Laguna Seca แบบขาดลอย
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 17 ธ.ค. 68 20:25
- 1,057 อ่าน
สถิติรถโปรดักชันคาร์ที่เร็วที่สุดในสนาม Laguna Seca เปลี่ยนมืออีกครั้ง และถ้าใครเริ่มตามไม่ทันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตลอดเกือบครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา การขับเคี่ยวเกิดขึ้นแทบจะมีแค่สองชื่อคือ Koenigsegg และ Czinger เท่านั้น และรอบล่าสุด ผู้ชนะก็ไม่ใช่ฝั่งสวีเดน

เรื่องราวนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2021 เมื่อ Czinger สร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการทำเวลา 1 นาที 25.44 วินาที จากรถ 21C ที่ยังไม่ใช่เวอร์ชันผลิตจริง ล้มสถิติเดิมของ McLaren Senna ที่ครองบัลลังก์มานาน ก่อนที่ Koenigsegg จะตอบโต้ในงาน Monterey Car Week เดือนสิงหาคม 2024 ด้วย Jesko ที่ทำเวลา 1 นาที 24.86 วินาที และ Czinger ก็กลับมาแก้มือภายในไม่กี่วัน ลดเวลาลงเหลือ 1 นาที 24.75 วินาที
ต้นปีนี้ Czinger นำ 21C เวอร์ชันผลิตจริงออกตระเวนทำลายสถิติทั่วสหรัฐฯ คว้าได้ถึง 5 สนาม รวมถึง Laguna Seca ด้วยเวลา 1 นาที 24.39 วินาที ก่อนที่ Koenigsegg จะประกาศทุบสถิติกลับมาอีกครั้งที่ 1 นาที 24.16 วินาที

แต่ล่าสุด เกมก็พลิกอีกครั้ง เมื่อ Czinger ประกาศเวลาต่อรอบใหม่ที่ 1 นาที 22.30 วินาที เร็วกว่าสถิติของ Koenigsegg เกือบ 2 วินาทีเต็ม นี่ไม่ใช่การแข่งของค่ายยักษ์ใหญ่แบบ Ferrari หรือ Lamborghini แต่เป็นการดวลกันของผู้เล่นหน้าใหม่ในโลกไฮเปอร์คาร์ โดยเฉพาะ Czinger ที่ถูกมองว่าเป็นตัวอย่างของทีมเล็กที่ไม่พูดเยอะ แต่ปล่อยผลงานให้เวลาในสนามเป็นคำตอบ
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังจากเสียสถิติให้ Koenigsegg ทาง Czinger เคยประกาศชัดว่าจะกลับมาทวงตำแหน่งคืน และครั้งนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าคำพูดนั้นไม่ใช่แค่การสร้างกระแส ซึ่งทัศนคติแบบนี้ถือว่าหาได้ยากในโลกซูเปอร์คาร์ระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสถิติรอบล่าสุดของ Koenigsegg นั้นทำได้ภายใต้ข้อจำกัดไม่น้อย รถต้องลงสนามในวันที่จำกัดระดับเสียงไม่เกิน 90 เดซิเบล ส่งผลให้ต้องติดตั้งท่อไอเสียพิเศษขนาดใหญ่ และใช้ล้อที่หนักกว่าปกติ นั่นหมายความว่า ยังมีโอกาสสูงที่ Koenigsegg จะกลับมาแก้มืออีกครั้งในอนาคต
ท้ายที่สุด ผู้ชนะที่แท้จริงอาจไม่ใช่แค่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง แต่คือแฟนรถยนต์ทั่วโลก และเหล่าลูกค้ามหาเศรษฐีที่มีโอกาสครอบครองรถระดับนี้ เพราะการแข่งขันที่ดุเดือดกำลังผลักขีดจำกัดของสมรรถนะให้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ และถ้า McMurtry สามารถพา Spéirling เข้าสู่สายการผลิตได้จริงในปี 2026 ก็อาจไม่มีใคร รวมถึง Koenigsegg และ Czinger ที่จะล้มมันได้ในทศวรรษนี้
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com




