เทคโนโลยียางอัจฉริยะ AI จาก Michelin อาจทำให้ระบบเช็กลมยางแบบเดิมกลายเป็นของล้าสมัย
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 24 ธ.ค. 68 20:17
- 1,050 อ่าน
ไม่ใช่แค่ตัวรถเท่านั้นที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคอัจฉริยะ เพราะล่าสุด “ยางรถยนต์” ก็เริ่มคิดและวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองเช่นกัน โดยในงาน Consumer Electronics Show หรือ CES 2026 ที่จะจัดขึ้นเดือนหน้าในลาสเวกัส Michelin เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยียางอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยตรวจสอบสภาพการใช้งานแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่แค่หมุนไปตามถนนอีกต่อไป

ระบบใหม่นี้พัฒนาร่วมกับบริษัทเทคโนโลยี Sonatus และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวรถได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแรงเบรก น้ำหนักบรรทุก แรงขณะเข้าโค้ง รวมถึงพฤติกรรมการขับขี่อื่น ๆ เพื่อนำมาประเมินสภาพยางและระดับการสึกหรอได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยีดังกล่าวถูกเรียกว่า SmartLoad และ SmartWear ซึ่ง Michelin มองว่าในอนาคตอาจเข้ามาแทนที่ระบบตรวจสอบยางแบบดั้งเดิมอย่าง TPMS และช่วยลดต้นทุนรวมทั่วโลกได้มากถึง 1.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030
Michelin ระบุว่าระบบนี้ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ Sonatus Collector ได้อย่างไร้รอยต่อ และสามารถปรับใช้กับรถหลากหลายประเภทโดยไม่ต้องปรับแต่งซับซ้อน ที่น่าสนใจคือข้อมูลทั้งหมดของยางจะถูกจัดเก็บไว้ภายในตัวรถเท่านั้น ไม่มีการส่งขึ้นคลาวด์ ซึ่งช่วยลดความกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ทั้งในมุมของผู้ผลิตรถยนต์และผู้ใช้งาน
อาลี เรซกี รองประธานฝ่าย Michelin Tire Digital Twin อธิบายว่า SmartLoad และ SmartWear คือการนำความเชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ของยางและแบบจำลองเชิงวิศวกรรม มาถอดรหัสข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นข้อมูลคาดการณ์ที่เข้าใจง่าย เทคโนโลยีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง เพิ่มความปลอดภัย ลดต้นทุน และสนับสนุนการเดินหน้าสู่ระบบคมนาคมที่ยั่งยืน พร้อมกันนั้นยังถือเป็นก้าวแรกของระบบ Tire Digital Twin ที่จะถูกติดตั้งในรถยนต์ของผู้ผลิตรายต่าง ๆ ในอนาคต

เพื่อสาธิตการทำงานจริง Michelin และ Sonatus จะนำ Ford Bronco รุ่นปี 1970 มาติดตั้งยางอัจฉริยะและโชว์ข้อมูลสุขภาพของยางแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน MyTires ภายในงาน CES
อย่างไรก็ตาม Michelin ไม่ใช่ผู้ผลิตยางรายเดียวที่เดินหน้าในสายเทคโนโลยีขั้นสูง ก่อนหน้านี้ Pirelli ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Cyber Tire ตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลการขับขี่ได้ละเอียดกว่าระบบเช็กลมยางทั่วไป และยังตรวจจับสภาพพื้นถนน เช่น ฝนตกหนัก ได้อีกด้วย แต่เทคโนโลยีดังกล่าวก็สร้างความกังวลในสหรัฐฯ ด้านความมั่นคง เนื่องจากบริษัท Sinochem จากจีนถือหุ้นใน Pirelli ถึง 37 เปอร์เซ็นต์
กฎหมายกลางฉบับใหม่ของสหรัฐฯ เตรียมแบนซอฟต์แวร์บางประเภทตั้งแต่รถรุ่นปี 2027 และจะขยายไปถึงฮาร์ดแวร์ในปี 2030 หากไม่มีข้อยกเว้น รถที่ติดตั้งเทคโนโลยี Cyber Tire อาจเผชิญข้อจำกัดในการทำตลาดในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้แนวทางของ Michelin ที่เก็บข้อมูลไว้ในตัวรถโดยไม่พึ่งคลาวด์ อาจกลายเป็นจุดแข็งสำคัญในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลมีความสำคัญไม่แพ้สมรรถนะของรถยนต์
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com




