กองทัพรถใหม่...ตบเท้าเข้างาน Motor Expo 2020
- โดย : Autodeft
- 20 พ.ย. 63 00:00
- 5,572 อ่าน
อีกไม่กี่สัปดาห์งานแสดงรถยนต์ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีอย่างาน Motor Expo 2020 หรือ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” เตรียมส่งสัญญาณระเบิดความมันส่งรถยนต์รุ่นล่าสุดประชันโฉมจากหลากหลายประเทศหลากหลายทวีป ภายใต้คอนเซปต์การจัดงานด้วยแนวคิด “พร้อมขับเคลื่อน ไปในความเปลี่ยนแปลง - Whatever Changes will be…Move on”
ถึงแม้ปีนี้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 แต่ทางผู้จัดงานฯได้วางมาตรการป้องกัน ไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้มางาน เข้าชมงานได้สะดวก และปลอดภัย ผนวกกับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยช่วงครึ่งปีหลังมีสัญญาณกลับมาฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดี ทำให้ค่ายรถยนต์ชั้นนำของไทยพร้อมแล้วที่เตรียมจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยปีนี้ค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมงานมีทั้งหมด 31 แบรนด์ จาก 8 ประเทศ และครั้งนี้ Autodeft รวบรวมค่ายรถยนต์ที่เตรียมจะเปิดรถยนต์ใหม่ทั้งเปิดก่อนงานและภายในงาน เริ่มจาก
ค่ายรถยนต์หรูจากเยอรมนี กับยนตกรรมไฟฟ้ารุ่นล่าอย่าง The New Audi e-tron Sportback เอสยูวีสปอร์ต นำพื้นฐานรุ่น Audi e-tron ออกแบบหลังคาลาดลงคล้ายรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์ความล้ำสมัย สปอร์ต สมบูรณ์แบบ ภายใต้แนวคิดมุมมองใหม่โดดเด่นด้วยชุดแต่งภายนอกสไตล์สปอร์ต S line ตกแต่งภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ผสมผสานดีไซน์ฟังก์ชัน เทคโนโลยีและลุคสปอร์ตพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ หลังคาเป็นแบบพาโนรามิคเลื่อน เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าให้บรรยากาศที่รื่นรมย์ด้วยแสงสว่างจากธรรมชาติ และ เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง ให้ผิวสัมผัสที่ละเอียด
กับขุมพลังไฟฟ้า 100% ผสมผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) โดยมีความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมงพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งให้กำลังมากถึง 360 แรงม้า แรงบิด 561 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งมีด้านหน้า 170 แรงม้าและด้านหลัง 194 แรงม้าแต่ถ้าโหมด Boost สูงถึง 408 แรงม้า แรงบิด 664 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งมีด้านหน้า 184 แรงม้าและด้านหลัง 224 แรงม้าระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ทำให้ ตอบสนองฉับไว สนุกสนานด้วยอัตราแร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.6 วินาที และ 5.7 วินาที จำหน่ายที่ 5,299,000 บาท กำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม เป็นต้นไป
ค่ายรถยนต์จากเยอรมันคู่รักคู่แค้น Audi และ Mercedes-Benz ส่งรุ่นใหม่ 3 รุ่น ตอบโจทย์สาวกหรู และ แรง กับคูเป้ใหม่หมด The All New BMW 430i Coupe M Sport นิยามใหม่ให้แก่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลาง มาพร้อมกลิ่นอายที่ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งทรงพลังและความหรูหราในสไตล์คูเป้อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 90 ปี โดดเด่นสะดุดตาจากทุกมุมมองด้วยชุดแต่ง M รอบคันล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 19 นิ้ว Double-spoke มาตรวัดแสดงผลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอ Control Display เบาะนั่งแบบสปอร์ตและพวงมาลัยหุ้มหนังสไตล์สปอร์ตดีไซน์ใหม่ ปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์ออกแบบใหม่ให้อยู่บริเวณแผงคอนโซล บริการด้านดิจิทัลผ่านระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ระบบการสั่งงานด้วยเสียง หรือ BMW gesture control และเสริมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive ระบบเครื่องเสียงคุณภาพจาก Harman Kardon
กับขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 258 แรงม้าที่ 5,000- 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550-4,400 รอบ/นาที และเทคโนโลยี Mild Hybrid ยกระดับการโต้ตอบให้ฉับไวกว่า ได้ภายใน 5.8 วินาที โดยเคล้าคลอด้วยเสียงเครื่องยนต์สุดเร้าใจจากระบบท่อไอเสีย M Sport ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีดและยังสามารถควบคุมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ในราคา 3,969,000 บาท
อีก 2 รุ่น ที่ประกอบไทยจำหน่ายในราคาถูกลง เริ่มที่ BMW 220i Gran Coupe M Sport ด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิคเช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ด้านรูปลักษณ์สปอร์ตโหลดเตี้ยทรงกว้างพร้อมช่วงหน้าอันปราดเปรียวที่เสริมให้ดูแปลกตาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics พร้อมออพชั่นที่มากกว่ากับแผงหน้าปัด Instrument Cluster แบบ Live Cockpit Professional ขนาด 10.25 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกซ้าย-ขวา และที่ชาร์จมือถือไร้สาย
ขุมพลังยกเครื่องใหม่แรงกว่าเวอร์ชั่นนำเข้าด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาดใหม่ 2.0 ลิตร 192 แรงม้าที่ 5,000-5,500 รอบ/นาที มอบแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ พร้อมช่วงล่างแบบ M Sport ในราคา 2,169,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard
และเอสยูวีเล็กสุด BMW X1 Facelift ปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพิ่มออพชั่นเด่นทั้งจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว หรือ 10.25 นิ้วในรุ่น xLine และ M Sport เสริมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบนำทางรุ่น Plus จอ BMW Head-up Display และกล้องแสดงภาพด้านหลัง กับขุมพลังให้เลือกทั้งเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.5 ลิตร 140 แรงม้า ที่ 4,600-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ Steptronic อัตโนมัติ 7 จังหวะคลัทช์คู่ และดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ส่งกำลัง 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที และจับคู่กับมาพร้อมเกียร์ Steptronic อัตโนมัติ 8 จังหวะ โดยมีราคาจำหน่ายรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard เริ่มที่ 1,999,000 -2,559,000 บาท
ค่ายรถยนต์อเมริกันส่งกระบะและอเนกประสงค์ปรับปรุงใหม่ ทั้ง Ford Ranger MY2021 โชว์ครบทุกรุ่นทุกรูปแบบตัวถัง ภายใต้แนวคิด ‘Live The Ranger Life’ ที่สะท้อนความแข็งแกร่งจากภายในสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นรุ่น XL Street, XLT และรุ่น Wildtrak รวมถึงพีพีวีหรูรุ่นหล่ออย่าง Ford Everest MY2021 ภายใต้การรับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนาน 10 ปี สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรทั้งเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่
นอกจากนี้ Muscle Car ตัวเก่งอย่าง Ford Mustang มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร และ เครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยแพดเดิ้ลชิฟท์ กับรุ่นพิเศษปี 2020 พร้อมสัญลักษณ์ “MUSTANG FIFTY FIVE YEARS” ฉลองการครบรอบ 55 ปี เบาะหนัง RECARO ทรงสปอร์ตแบบเดียวกับรถแข่ง ในราคา 3,699,000 บาท
หลังจากปรับโฉมเอสยูวีรุ่นใหญ่อย่าง Honda CR-V พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นเทพ Honda Sensing คราวนี้ก็มาถึงตัวตายตัวแทน Honda Jazz รหัส GK นั่นคือ Honda City Hatchback ที่นำ City ซีดาน ผ่าครี่งคันออกแบบด้านท้ายให้มีความลงตัวและสปอร์ต เหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างแน่แท้ พร้อมขุมพลังที่คาดว่ายกชุดมาจาก City เวอร์ชั่นซีดานด้วยขนาด 1.0 VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT โดยเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย นอกจากนี้ยังเปิดตัว Honda City e:HEV นำพื้นฐานรุ่นซีดานมาจับตกแต่งเอาใจคนรักษ์โลกด้วยตาโลโก้ H สีน้ำเงิน ทั้งหน้าและหลัง พร้อมออพชั่นเบรกมือไฟฟ้า และ Auto Break Hold กับขุมพลังใหม่ 1.5 ลิตร โดยให้กำลัง 98 แรงม้าที่ 5,600-6,400 รอบ/นาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับ มอเตอร์จำนวน 2 ลูก เจนใหม่พร้อมระบบใหม่ที่เรียกว่า Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ให้พลังมากสุด 108 แรงม้าที่ 3,5000-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT และระบบความปลอดภัยครบด้วย กล้องมองภาพข้างตัวรถ Honda LaneWatch, ระบบเตือนจุดอับสายตา โดยทั้ง 2 รุ่นจากตระกูล Honda City เปิดตัวในงานและรับจองเป็นที่แรก
ปีนี้เป็นปีทองของค่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ อย่าง อีซูซุ ที่กวาดยอดขายอันดับ 1 หลายเดือนติดต่อกันสำหรับ All New ISUZU D-MAX พลานุภาพพลิกโลก พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บกระแทกคู่แข่งทั้งรุ่นตัวเตี้ย เกียร์ออโต้ กับ ปิกอัพแต่ง X-Series งานนี้ถึงคิวพีพีวีพรีเมี่ยมเจนใหม่อย่าง All New ISUZU MU-X พื้นฐานจาก D-MAX ขัดเกลาดีไซน์ให้มีความเป็น MU-X อย่างแท้จริงและฉีกแนวจากเจนเดิมด้วยความหรูเบาะกึ่งหนังแท้สีน้ำตาลปรับคู่หน้าด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเทคโนโลยีลดการสะสมความร้อน Cool Max ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า Power Tailgate ปลอดภัยด้วยระบบ Jam Protection ไฟหน้า Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature สอดรับกับเส้นสายด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ เติมอารมณ์สปอร์ตหรู ทอดยาวสู่ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Winglet Signature เพิ่มมิติมุมมองให้โดดเด่นกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว นอกจากขุมพลังทั้ง 3.0 และ 1.9 Ddi Blue Power แล้วระบบความปลอดภัยจัดเต็มรอบคัน ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำหน้า ล่าสุดด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ช่วยสอดส่อง เฝ้าระวัง ด้วยนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน และแม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน
ค่ายรถยนต์หรูจากญี่ปุ่นเปิดตัวทีเดียว 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Lexus LS Facelift ที่ปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 รอบในร่างเจเนอเรชั่นที่ 5 ปรับในส่วนภายนอกทั้งหน้าและหลังกับขุมพลังเบนซิน 3.5 ลิตร V6 Twin turbochargers ให้กำลังสูงสุด 421 แรงม้า ในรุ่น LS500 ส่วนรุ่น LS350 มาพร้อมรหัส 8GR-FKS เบนซิน Dual VVT-i 315 แรงม้าและรักษ์โลกด้วยขุมพลังเบนซิน Hybrid V6 3.5 ลิตร ได้กำลังสูงถึง 359 แรงม้า ขับหลังในรุ่น LS500h
นอกจากนี้ยังมี Lexus IS Facelift ปรับโฉมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในร่างเดิมรหัส XE30 หล่อขึ้นกว่าเก่าตั้งแต่ กระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นเอกลักษณ์ของ เล็กซัส ไฟหน้า LED 3 ดวง ดีไซน์ใหม่ ที่งานนี้ย้ายตำแหน่ง Daytime Running Lights แบบ LED รูปทรงตัว L มาอยู่ในโคมเดียวกัน พร้อมกันชนหน้าใหม่ดีไซน์สปอร์ต กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูนดีไซน์ใหม่คมเข้มกว่าเดิม สเกริต์ข้างใหม่เรียบเนียนเข้ากับตัวรถได้ดี ประตูท้ายใกล้เสา C ออกแบบใหม่ให้ชุดโครมเมี่ยมเว้าขึ้น ด้านท้ายรถที่ออกแบบด้วยไฟท้ายแนวยาวแบบ LED สไตล์ใหม่ ของ Lexus พร้อมการตกแต่งแบบสปอร์ตขึ้นกว่าเดิมกับขุมพลังยังเดิมตั้งแต่ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาดเล็ก 2.0 ลิตร 245 แรงม้า ในรุ่น IS300 แลเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ารวมสูงถึง 220 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ECVT และเลือกได้ทั้งรุ่นขับหลังและขับสี่ AWD พร้อมระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ เต็มคัน
และครั้งแรกของค่ายกับเอสยูวีพลังไฟฟ้าล้วน Lexus UX300e มาพร้อมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ขนาด 54.3 kWh ที่ถูกติดตั้งอยู่บริเวณพื้นส่วนกลางของรถ รีดกำลังได้ 201 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร สามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 7.5 วินาที ก่อนทำความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 300 กิโลเมตร ภายใต้มาตรฐาน WLTP และจะใช้เวลาชาร์จ 7 ชั่วโมง สำหรับกำลัง 6.6 kW และการชาร์จเร็ว 0%-80% นั้น ควรใช้เวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้น ผ่าน 50 kW DC fast charging ตัวรถจะมาพร้อมระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ ให้เป็นมาตรฐาน
ฉลองครบรอบ 100 ปี Mazda กับ 3 รุ่นพิเศษยอดนิยม ทั้ง Mazda 2 , Mazda 3 และ Mazda CX-30 100TH ANNIVERSARY EDITION จำนวนจำกัด 2,000 คัน เด่นด้วยสีขาว Snowflake White Pearl สัมผัสความคลาสสิกภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยหนังสีขาวตัดกับเบาะหนังสีแดง Burgundy สะดุดสายตาด้วยสัญลักษณ์พิเศษครบรอบ 100 ปี บนพนักพิงศีรษะ พื้นพรม และชุดพรมปูพื้นสีแดง กุญแจรีโมท และฝาครอบดุมล้อ ภายใต้แนวคิด Kodo Design อันเป็นเอกลักษณ์อันเลืองชื่อของมาสด้า และหลังคา ซันรูฟในรุ่น Mazda 3 ผสานกันอย่างลงตัว โดยเปิดรับจองผ่านทาง SKY Booking: https://skybooking.mazda.co.th/ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไปในราคาเริ่มต้น 677,000-1,237,000 บาท
นอกจากนี้ยังแนะนำ Mazda CX-3 MY2021 ที่ปรับอีกครั้งเพิ่มออพชั่น ปรับหล่อให้ดูดีขึ้นและยังจำหน่าย 4 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้น 770,000-960,000 บาท และจับตา All New Mazda BT-50 ปิกอัพฝาแฝด All New ISUZU D-MAX จะมาโชว์ตัวเรียกน้ำย่อยก่อนขายจริงด้วยหรือไม่นั้นต้องติดตาม
ค่ายรถยนตาดาวสามแฉก ส่ง 2 รุ่นใหม่ประกอบเป็นครั้งแรกทั้ง The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic” รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวี เจเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขึ้น ระบบความปลอดภัยที่มากขึ้น พร้อมความสูงของตัวถังที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 เซนติเมตรจากรุ่นก่อน ส่งผลให้ห้องโดยสารแถวหน้ามีพื้นที่เหนือศีรษะมากขึ้นเติมเต็มความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior Package และความโดดเด่นของระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี พร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย โดยเฉพาะไฮไลต์อย่าง Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยทำงานร่วมกับระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ช่วยมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่กับขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.3 ลิตร 163 แรงม้า ในราคา 2,399,000 บาท
และ“Mercedes-Benz A-Class” ยนตรกรรมขนาดคอมแพ็คสุดโฉบเฉี่ยวใหม่ โดย Mercedes-Benz A-Class ใหม่ มาพร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 1,990,000 และ 2,150,000 บาท นับว่าเป็นทางเลือกสุดเร้าใจสำหรับลูกค้ารุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์คอมแพ็คที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานในโลกยุคปัจจุบัน
หลังจากเปิดตัว New MG HS PHEV เอสยูวีทางเลือกใหม่กับพลังเสียบปลั๊กแรงสุด 284 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร องค์ประกอบการดีไซน์ที่โดดเด่น ภายใต้แนวคิด Brit Dynamic ที่ผสานทั้ง สมรรถนะ การควบคุม การออกแบบ และความปลอดภัยได้อย่างลงตัว ขับขี่สูงสุดถึง 67 กิโลเมตร ในโหมดไฟฟ้าและระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ติดตั้งเป็นออพชั่นมาตรฐานในราคา 1,359,000 บาทแล้วยังมีการเปิดตัวพร้อมประกาศ ราคา New MG 5 EV เอสเตทพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นที่สองสานต่อความสำเร็จกับ New MG ZS EV ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 52.5 kWh และมอเตอร์ที่มีพละกำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 260นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุดได้ 185 กม./ชม. ชาร์จครั้งเดียววิ่งไกลเฉลี่ย 344 กม. แต่ถ้าใช้ในเมืองจะมีระยะทางต่อการชาร์จ 444 กม. กินไฟเฉลี่ยได้ 17.5 kWh ต่อ 100 กม. (5.71 กม./kWh) ชาร์จเร็วให้แบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 40 นาที แต่ถ้าชาร์จผ่าน Wallbox ขนาด 7 KWh. จะชาร์จเต็ม 100%ได้ใน 8.5 ชั่วโมง นำเข้าจากจีน
ค่ายรถยนต์เจ้าของโลโก้ทรีไดมอนด์ขอเกาะกระแสรถยนต์พลังงานทางเลือกด้วยการแนะนำ New Mitsubishi Outlander PHEV ประกอบในประเทศและจำหน่ายในราคาที่ถูกลง มาพร้อมพลังแรง 2.4 ลิตร Atkinson cycle 128 แรงม้า แรงบิด 199 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สูงถึง 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหน้า และ 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหลัง เชื่อมต่อกับระบบแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนขนาดใหม่ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังรวมสูงสุด 236 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ S-AWC (SUPER ALL WHEEL CONTROL) ขับขี่ที่เร้าใจขึ้นในโหมด Sport ,โหมด Snow ,โหมด Normal และโหมด 4WD Lockอีกทั้งการวิ่งด้วย Plug-in hybrid (EV) ทำระยะทางได้ถึง 45 กิโลเมตร ส่วนความเร็วด้วยระบบไฟฟ้า (EV)ได้ที่ 135 กม./ชม.และการชาร์จด้วยกระแสไฟ 230V ภายในเวลา 4 ชั่วโมง พร้อมความหรูที่เทียบรัศมีคู่แข่งได้เตรียมเผยตัวจริงในงาน
พร้อมการเปิดตัว กระยอดนิยมอย่าง Mitsubishi Triton MY2021 งานนี้เปลี่ยนจอสัมผัสเป็นขนาด 7 นิ้วใหม่รองรับ Apple Car Play และ Android Auto ในรุ่นยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นท็อป GT-Premium และ GT เวอร์ชั่นปกติแล้วยังมีรุ่นพิเศษ 2 รุ่นทั้งตัวเตี้ยหน้าหล่อ Mitsubishi Triton Mega Cab Limited Edition เข้มด้วยชุดแต่งโทนดำ พร้อมพลังดีเซล 128 แรงม้า ในราคา 647,000 บาท และรุ่นยกสูง ในชื่อ Mitsubishi Triton Double Cab Athlete GT 2WD เสริมรุ่น Athlete ให้มีทางเลือกและขายในราคาที่น่าคบด้วยชุดตกแต่งสีดำรอบคันภายในตกแต่งพิเศษด้วยเบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ทูโทนสีดำสลับสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ เดินด้ายสีส้มที่หัวเกียร์ แผงประตู และเบรกมือ วัสดุบุนุ่มกันกระแทกบริเวณหัวเข่า และฝากล่องเก็บของคอนโซลกลางตกแต่งด้วยสีส้ม พร้อมพรมห้องโดยสารปักสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ สีส้มพร้อม กับพลัง Mivec Clean Diesel 181 แรงม้า จำหน่ายในราคา 985,000 บาท
Nissan Navara Big Minor Change กระบะปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 6 ปี เป็นพระเอกเด่นประจำบูธค่ายเพื่อนที่แสนดีปรับโฉมครั้งใหญ่ทั้งหน้าตาภายนอกภายในที่ดุดันกว่าเดิม ถอดแบบมาจาก Nissan Titan ที่จำหน่ายในอเมริกา ตั้งแต่กระจังหน้า ไฟหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ LED Projectors Quad-eyed รูปตัว C ฝากระโปรงใหม่ บังโคลนหน้า ซ้าย-ขวาใหม่ กระบะท้ายใหม่ และราวหลังคาใหม่ นอกจากนี้ภายในมีการปรับครั้งใหญ่ รวมถึงใช้ขุมพลังใหม่ YS23 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบใหม่ 2.3 ลิตร 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตร และเทอร์โบคู่ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังทั้ง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ลงตลาดพร้อมรุ่นแต่งเท่ PRO4X และ PRO2X จำหน่าย 2 รูปแบบตัวถัง 14 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้น 599,000-1,149,000 บาท
Peugeot
ยังคงโชว์ตัวกันต่อไปสำหรับ Peugeot 2008 ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงต้นปีหน้า โดยคาดว่านำเข้าจากมาเลเซียฟาดฟันกับคูแข่งแดนปลาดิจะมาในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เด่นสะดุดตากับสีส้ม ‘Fusion Orange’ งานนี้ลุ้นแล้วว่าเวอร์ชั่นไทยจะได้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.2 ลิตร PureTech 130 แรงสุด 131 แรงม้า หรือแรงสุด PureTech 155 ให้กำลัง 155 แรงม้า มาทำตลาด โดยราคาจำหน่ายจะเผยทันงานหรือไม่นั้นต้องติดตาม
นอกจากตัวเด่นอย่าง Toyota Hilux REVO ,Toyota Fortuner Legender , Toyota Yaris กับ Yaris ATIV ใหม่ และ Toyota Corolla Cross แล้วยังมี Toyota Innova Crysta ปรับหล่อใหม่ ทั้งภายนอกด้วยชุดแต่งสปอร์ตรอบคันพร้อมการตกแต่งโครเมี่ยมสง่างาม ภายในปรับใหม่โดดเด่นด้วย มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay สะดวกสบาย ให้ความสนุกในทุกการเดินทางเบาะนั่งหุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ความมีสไตล์ที่เหนือกว่ากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.8 ลิตร และ เครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-I ขนาด 2.0 ลิตร และเทคโนโลยีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ช่วยตรวจจับคนหรือของใกล้ตัว เพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจไปอีกขั้นในทุกเส้นทางในราคาเริ่มต้น 1,199,000 – 1,429,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการนำเข้ารถแรงในตระกูล Gazoo Racing อย่าง Toyota GR Yaris เก๋งท้ายตัดตัวจี๊ดที่มาพร้อมพลัง Turbo 3 สูบ 272 แรงม้า จำหน่ายในไทยเพียง 6 คัน คาดค่าตัวราวๆ 3.8 ล้านบาท
หลังจากเปิดตัวเงียบๆสำหรับ Volvo XC40 Rechargeเอสยูวีไซส์เล็กพลังเสียบปลั๊ก 262 แรงม้า แรงบิด 425 นิวตันเมตร ในราคาเริ่มต้น 2,090,000 – 2,390,000 บาทแล้ว รุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน มีการปรับเปลี่ยนทั้งไลน์อัพสินค้า พร้อมชื่อใหม่ Recharge รวมถึงทำตลาดเพียงแค่เครื่องยนต์ Plug-In Hybrid ทุกรุ่นเท่านั้น พร้อมปรับราคาใหม่ให้ถูกลงกว่าเดิม 100,000-500,000 บาท โดยไฮไลต์หลักเป็นการปรับโฉมครั้งแรกของ Volvo S90 Recharge Facelift ในราคาเริ่มต้น 3,290,000 บสาท
ทั้งหมดนี้คือรุ่นรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเผยโฉมในงาน Motor Expo 2020 หรือ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” ที่จะจดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคมนี้ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี คนรักรถห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
เรื่องและเรียบเรียง โดย นายเต้ย
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com