แรงกว่าอย่างเหนือชั้น คุณรู้จักยัง Hyper Car !!!!

  • โดย : Autodeft
  • 26 ส.ค. 57
  • 13,261 อ่าน

รู้จักข้อเท็จจริงคำว่าสมรรถนะของรถยนต์ที่คือที่สุดของที่สุด Hyper Car .....มันใช้เรื่องสมรรถนะแรงม้าหรือนิยามของมันเหล่านั้นอาจจะมากกว่าที่คิด

 

 

พูดถึงชายชาตรีกับรถยนต์แล้ว เราแทบทุกคนแทบจะรู้จักและต้องการความเร้าใจจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงรถคันเก่ง แม้ตลอดช่วงหลายสิบปี ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีโอกาสสักครั้งจะจัดรถ Super Car  สักคัน ถ้ามีบุญวาสนา แต่ในหลายปีที่ผ่านมา รถซุปเปอร์คาร์ ดูจะแรงไม่ทันใจเศรษฐี เมื่อมันมีคลาสรถที่แรงกว่า ซึ่งเรียกว่า Hyper Car

เราหลายคนอาจจะรู้จักรถแรง รู้ยี่ห้อจำชื่อหรือกระทั่งเห็นภาพก็จำมันได้ แต่น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อย พูดเอาเหมาะว่ารถยนต์สมรรถนะสูงทุกรุ่นเป็นรถยนต์แบบซุปเปอร์คาร์ ทั้งที่ความจริงแล้วรถยนต์ที่เรามองเห็นหรือเคยรับรู้ว่านี่เป็นรถซุปเปอร์คาร์นั้น มันอาจจะกลายเป็นรถ  Hyper Car   ในสมัยนี้

ที่มาที่ไปของคำว่า  Hyper Car  นั้น เกิดขึ้นในช่วงปี  1994  ซึ่งย้อนกลับในยุคทองของเครื่องยนต์สมรรถนะในช่วงนั้น  “Hyper Car”   เป็นคำที่เกิดขึ้น โดยนักฟิสิกส์ ชาวอเมริกัน นาย อาโมรี่ โลวิ่น เจ้าของสถาบันวิจัย  Rocky Mountain  ที่มองวิสัยทัศน์ถึงยนตรกรรมในวันข้างหน้า ที่จะมีการพัฒนาให้มีสมรรถนะมากขึ้นไปกว่าในช่วงนั้น

ตามแนวคิดของ โลวิน ในยุคแรกที่ออกมา เขามองว่ารถยนต์ Hyper Car  คือการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาประยุกต์กับการออกแบบสร้างรถยนต์ ไม่ว่าจะการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เทคโนโลยีทางด้านวัสดุศาสตร์ ซึ่งเขาฝันถึงรถที่มีขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักเบากว่าครึ่งของขนาดรถ รวมถึง เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวหน้ามากกว่าในยุคนั้น

ที่จริงแล้ว โลวิน อาจจะไม่เคยคิดว่านิยามของคำว่า Hyper Car  ของเขาจะกลายมาเป็นคำที่ใช้เรียกรถยนต์สมรรถนะสูงในปัจจุบัน เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์คนนี้มองถึงการที่รถยนต์หนึ่งคันสามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า 300 ไมล์ต่อครั้ง และปราศจากการปล่อยไอเสีย ซึ่งฟังดูไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับรถยนต์สมรรถนะสูงชั้นนำระดับโลก

แต่ด้วยคำนิยามของ  Hyper Car ที่ว่ารถยนต์ที่จะเข้าแก๊ปนั้น จะต้องเป็นรถยนต์ที่ทำมาจากวัสดุน้ำหนักเบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดการใช้เหล็กลงแล้วใช้วัสดุยุคใหม่มากขึ้น ซึ่งรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างซุปเปอร์คาร์ทำมานานแล้ว แต่ในระยะหลัง ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ค่ายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ทั้งหลาย ต่างเริ่มเดินหาวัสดุใหม่ จนรถยนต์บางรุ่นชั้นนำใหม่ๆ โครงสร้างทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น

เครื่องยนต์กำลังแรงสูงหลายพันม้าไม่ใช่สิ่งที่ Hyper Car  ฝันถึง แต่คือการประยุกต์เทคโนโลยีมาปั้นสมรรถนะต่างหาก

แถมการออกแบบตัวรถในปัจจุบันยังทำในอุโมงลมเพื่อลดแรงเสียดทานจากลมปะทะ ตรงตามค่าหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น แถมบางรุ่น หลักการอากาศพลศาสตร์ยังเข้ามามีบทบาทในการควบคุม ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้น ทางด้านเครื่องยนต์สมรรถนะสูงในปัจจุบันก็มีปรับและหันมาใช้ระบบไฮบริดเสริมความลงตัวมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น ซึ่งพูดกันตามตรงแม้จะไม่ใช่อย่างที่ ดร.โลวินกล่าวไว้ทั้งหมด แต่มันก็ตรงตามความหมายที่ให้ไว้ในยุคนั้น

ปี 1999 คำว่า Hyper Car   เริ่มกระจายออกสู่ตลาด จากการที่สถาบันของดร.โลวิน ต้องยืนหยัดตัวเอง พวกเขาก่อตั้ง  Hyper Car Inc.  ซึ่งตอนหลังในปี 2004  มันถูกปรับชื่อเป็น  Fiberforge   ผันตัวมามุ่งการค้าในการทำชิ้นส่วนน้ำหนักเบาที่ยังมีความแข็งแรงมากขึ้น ให้มีราคาถูกลงกว่าเดิม ทำให้มีความเชื่อว่าคำนี้จึงถูกใช้ในหมู่ผู้พัฒนารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ยุคใหม่มากขึ้น

และด้วยการออกแบบหลายอย่างที่ตรงประเด็นกับคำนิยามในปัจจุบันบนรถยนต์สมรรถนะสูงราคาหลายสิบล้าน คำว่า Hyper Car  จึงถูกใช้เพื่อแทนที่คำว่าซุปเปอร์คาร์ เป็นคำที่การตลาดใช้เพื่อทำให้ลูกค้ากระเป๋าหนักที่ซื้อรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ระดับแถวหน้ารู้สึกว่าพวกเขาได้อะไรมากกว่า แค่รถสมรรถนะสูง 1  คัน แต่เป็นอะไรที่มากกว่าด้วยสมรรถนะที่มีความเหนือชั้นมากขึ้นกว่าที่ซุปเปอร์คาร์เคยเป็น ซึ่งในช่วงแรกมีการแข่งกันที่ตัวเลขสมรรถนะที่สามารถปั้นออกมาได้จากเครื่องยนต์ ทั้งที่ปัจจัยความสำคัญของรถยนต์ Hyper Car นั้นอยู่ที่การประยุกต์เทคโนโลยีต่างๆ มาสู่สมรรถนะอย่างลงตัว

อย่างไรก็สำหรับคนที่ยังจำแนกไม่ออกว่า  Hyper Car กับ  Super Car  ต่างกันอย่างไร  มี 3  กฎที่ควรจดจำเบื้องต้นในการจำแนกเจ้ารถยนต์สมรรถนะสูงเหล่านี้

ประการแรก  Hypercar  นั้น รถทั้งคันจะทำมาจากวัสดุน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่แล้วจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์แรงอัดสูงง โดยในขณะที่ตัวรถมันยังมีขนาดใหญ่ ก็มีน้ำหนักที่ไม่ได้มากมายนัก

การใช้แฟลพในการปรับทิศทางลมเพื่อช่วยในการทรงตัวยามเข้าโค้ง 
ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยี ใน Pagani Huayra จนขึ้นชื่อว่าเป็น Hyper Car

ประการต่อมา รถคันนั้นต้องมีเทคโนโลยีอื่นๆเข้ามาผสมผสานในการขับเคลื่อนสมรรถนะ เช่น หลักการออกแบบตามหลักการอากาศพลศาสตร์และหรือ ควบรวมกับการใช้ระบบเหล่านี้ในการขับเคลื่อน ยกตัวอย่างเช่นการใช้ Air Brake  ของ  Bugatti Veyron หรือ การใช้  Flap  เพื่อการเข้าโค้งของ Pagani Huaya  เป็นการปะยุกต์เทคโนโลยีอื่นๆเข้ามา

และท้ายสุด เครื่องยนต์สมรรถนะสูงไม่จำเป็นต้องมีแรงม้าระดับหลายพันแรงม้า อย่างที่เข้าใจ แต่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ระบบเคลื่อนในแบบผสมผสานไม่ว่าจะการใช้เครื่องยนต์ระบบไฮบริดเข้ามาตอบโจทย์ในการสร้างพละกำลัง ให้มีสมรถนะที่สามารถควบคู่กับความประหยัดได้  และ Hyper Car เนื้อแท้ไม่ได้วัดที่ความเร็วปลายท้านรกอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มันเป็นการประยุกต์เพื่อให้ได้กำลังการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการขับขี่

เป็นรถที่กล่าวขวัญมากในวงการคิดค้นยานยนต์
เมื่อ ดร.โลวินกล่าวว่า BMW i3 นี่แหละ คือรถ Hyper Car ตามความหมายของเขา

 

แม้ท้ายสุด นิยามของ “Hyper Car” จะถูกนำไปใช้กลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงระดับโลกที่มีสมรรถนะหลายพันม้าตอบใจเศรษฐีทั้งหลาย แต่ในที่สุดแล้ว Dr.โลวิน บุรุษผู้นิยามคำนี้ ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า สำหรับเขา Hyper Car  กำเนิดขึ้นในปี 2014  โดยเขายกย่องรถยนต์สองรุ่นให้เป็น Hyper Car  ได้แก่  BMW i3  ที่วางจำหน่ายในยุโรป และว่าที่รถใหม่ที่มีความประหยัดสุดตามแนวคิดของผู้ผลิตรถยนต์ Volkswagen XL 1  

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 

รายชื่อรถยนต์คลาส  Hyper Car  ที่เชื่อกันในปัจจุบัน

Mercedes CLK GTR AMG

Mclaren P1
Koenigsegg Agera R
Ferrari FXX Enzo
Bugatti Veyron Super Sport
Bugatti Veyron Grand Sport Vitesse
Lamborghini Aventador LP700-4
Porsche 918 Spyder (a Hybrid Hypercar)
Pagani Huayra
Lamborghini Reventon

 

รายชื่อรถยนต์ Hyper Car  ตามแนวคิดของ ดร.โลวิน

BMW i3

Volkswagen XL1

 

[GALLERY706]

[GALLERY707]

[GALLERY16]

5 เรื่องน่าสนใจ