FERRARI VISION GRAN TURISMO: รถแข่งคอนเซปต์คาร์แห่งโลกเสมือนจริงคันแรกจากมาราเนลโล

  • โดย : PR Autodeft
  • 9 ธ.ค. 65
  • 2,746 อ่าน

เฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo ยนตรกรรมแบบล้อปิด ที่นั่งเดี่ยว คือรถคอนเซปต์คาร์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อการแข่งขันรถยนต์ในโลกเสมือนจริงคันแรกของเฟอร์รารี่ ดีไซน์ของรถมีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์การแข่งขันที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ของมาราเนลโล พร้อมหมายเลข ‘75’ ด้านข้างตัวรถ ที่สะท้อนถึงมรดกอันล้ำค่านี้ รวมถึงยังเป็นการฉลองครบรอบ 75 ปี ให้แก่รุ่น 125 S รถแข่งอันโด่งดังคันแรกของแบรนด์ ที่ก้าวออกจากประตูโรงง

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับโอกาสพิเศษดังกล่าว รถคันนี้จึงไม่เพียงแค่บ่งบอกถึงก้าวสำคัญของเฟอร์รารี่ในโลกเสมือนจริง ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชื่นชอบและนักขับรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นนิยามใหม่ในด้านการออกแบบของเฟอร์รารี่อีกด้วย Vision Gran Turismo แสดงให้เห็นถึงดีไซน์ล้ำอนาคตสำหรับ Road Car และรถแข่งของเฟอร์รารี่ รวมเอาที่สุดแห่งความงดงามและนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังมอบแรงบันดาลใจให้กับเหล่าวิศวกรและนักขับ (ทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริง) ในวันข้างหน้าอีกด้วย

ดีไซน์ของเฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo ถูกออกแบบโดย Ferrari Centro Stile ภายใต้การนำของ Flavio Manzoni และได้แรงบันดาลใจโดยตรงมาจากเหล่ารถ Sports Prototypes ระดับตำนานของเฟอร์รารี่ในยุค 1960 และ 1970 ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการแข่งขันเอนดูรานซ์หลายรายการ อาทิ 24 Hours of Le Mans (ทีมม้าลำพองคว้าชัยชนะรวม 9 ครั้ง) และ 24 Hours of Daytona ตัวถังโดดเด่นด้วยสัดส่วนที่น่าตื่นตาตื่นใจและเส้นสายแห่งอนาคต รถคันนี้บรรลุภารกิจด้านดีไซน์จากการรวมเอา DNA ของผลงานชิ้นเอก เช่น 330 P3 และ 512 S เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมสะท้อนภาพประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตอันรุ่งโรจน์ของม้าลำพอง และยังเผยให้เห็นวิวัฒนาการแห่งอนาคตของรถแข่งแบบล้อปิดอีกด้วย

ดีไซน์ของเฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไอเดียแห่งความเร็ว ด้วยเส้นสายที่สมส่วน, เฉียบคม และทำมุมซึ่งกันและกัน ทว่ายังคงอยู่ภายใต้คอนเซปต์ที่ดูเรียบง่าย สองสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงนี้ ส่งผลให้เกิดเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เนื่องจากความพริ้วไหวของพื้นผิวภายนอกและภายในถูกผสานเข้ากับเส้นสายที่คมคายต่างๆ ทำให้รถโดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำทันทีตั้งแต่แรกเห็น การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับระบบแอโรไดนามิกขั้นสูงที่ใช้ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ 2 ช่องซึ่งเป็นเอกลักษร์ที่สำคัญของเฟอร์รารี่ ทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของอากาศใต้ท้องรถด้านหน้า, รอบห้องโดยสาร และด้านข้างของตัวรถ วิธีนี้ช่วยสร้างแรงกดที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมและแรงดูดที่ถูกสร้างขึ้นบริเวณส่วนกลางของใต้ท้องรถ แอโรไดนามิกที่ท้ายรถได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใช้แนวคิดที่ได้มาจากเฟอร์รารี่ 499P โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของดิฟฟิวเซอร์และปีกหลังแบบสองชั้น สุดท้ายคือ S-Duct ที่ด้านหน้าและช่องระบายอากาศบนซุ้มล้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์และให้การทรงตัวมั่นคงที่ความเร็วสูง

เฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo ใช้ขุมพลัง V6 3.0 ลิตร ทำมุม 120 องศา เทอร์โบชาร์จ แบบเดียวกับรุ่น 296 GTB, 296 GTS และ 296 GT3 ทั้งยังใช้กับรุ่น 499P อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การติดตั้งในรถคันนี้ไม่มีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบทางเทคนิคที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น เครื่องยนต์จึงได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม ให้ปลดปล่อยประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแท้จริงออกมาได้ทั้งหมด ด้วยการปรับแต่งจนถ่ายทอดกำลังออกมาได้มหาศาลถึง 1,030 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที ร่วมด้วยพลังเสริมอีก 240 กิโลวัตต์ (326 แรงม้า) จากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว โดยติดตั้งไว้สำหรับล้อคู่หลัง 1 ตัว ส่วนอีก 2 ตัว ติดตั้งไว้ที่ล้อหน้าฝั่งละชุด เฟอร์รารี่ทำงานร่วมกับ (ผู้ผลิตเกม) Gran Turismo เพื่อให้มั่นใจว่าเสียงคำรามจากนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนใหม่นี้ จะถูกรังสรรค์ออกมาได้อย่างสมจริงที่สุด เพื่อมอบประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับความจริงยิ่งขึ้นให้แก่นักแข่งในโลกเสมือนจริง

 

ตัวถังของเฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo ที่ดูราวกับลอยตัวอยู่เหนือแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ปิดใต้ท้องรถนั้น เป็นศูนย์รวมขององค์ประกอบทางเทคนิคต่างๆ ของรถ ทว่ายังคงไว้ซึ่งรูปโฉมอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่อย่างชัดเจน แชสซีส์ถูกออกแบบขึ้นเพื่อรับมือกับแรงกระทำด้านข้างของรถขณะขับขี่บนขีดจำกัดสูงสุด ขณะที่รูปแบบการจัดวางระบบขับเคลื่อนช่วยรับประกันว่ารถจะมีน้ำหนัก หน้า-หลัง ที่สมดุล และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วงล่าง Elasto-kinematic ได้รับการพัฒนาโดยใช้พื้นฐานจากประสิทธิภาพการยึดเกาะของยางที่ใช้ในเกม Gran Turismo™ ร่วมด้วยแอโรไดนามิกที่สมดุลของรถ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดทั้งการแข่งขันในเมืองและในสนามแข่งเอนดูรานซ์ต่างๆ 

ช่วงล่างได้รับการออกแบบให้หน้ายางกดติดกับพื้นถนนเสมอ เพื่อให้ได้มาซึ่งแรงยึดเกาะสูงสุด และช่วยให้  เฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo สามารถถ่ายทอดทั้ง 1,100 นิวตันเมตร ของแรงบิดที่ล้อหลัง จากการร่วมมือกันทำงานของทั้งเครื่องยนต์และระบบไฮบริด MGU-K ลงสู่ถนนได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ สมรรถนะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ระบบควบคุมการขับเคลื่อนด้วยอิเล็กทรอนิกส์อันล้ำสมัย ส่งให้รถเข้าโค้งได้อย่างรวดเร็ว และให้ความสมดุลในการควบคุมที่เหนือชั้น ตามแบบฉบับของ Road Car และรถแข่งจากเฟอร์รารี่ ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ประสบการณ์ขณะเล่นเกมถูกดีไซน์ให้ไม่ต่างจากความตื่นเต้นเมื่อขับขี่รถของเฟอร์รารี่จริงๆ ถ่ายทอดความรู้สึกเมื่อรถอยู่บนขีดจำกัดสูงสุด และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของรถออกมาได้อย่างสมจริง

นอกจากนั้น รถคันนี้ยังมีเทคโนโลยีไฮบริด ที่ได้มาจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการเพิ่มกำลังเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และกลยุทธ์การนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเฟอร์รารี่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับรถแข่งฟอร์มูล่าวัน ความสมดุลจากการชาร์จของแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุดอย่างต่อเนื่องทั้งในระหว่างรอบ Qualifying และในรอบการแข่งขันจริง

 

ดีไซน์ภายในห้องโดยสารต่อเนื่องมาจากตัวถังภายนอก ด้วยแนวทางที่เรียบง่าย, มินิมอล และมอบฟังก์ชั่นการทำงานที่ลงตัวและเป็นไปตามหลักสรีระศาสตร์ เส้นสายของแดชบอร์ดสะอาดตา, เรียบง่าย และเช่นเดียวกับฝาครอบเครื่องยนต์แบบใสที่ล้อมรอบอยู่ด้านบนให้กับขุมพลัง V6 ไฮบริด วัสดุไฮเทคต่างๆถูกนำมาใช้ในการตกแต่งชุดควบคุมต่างๆที่อยู่บนพวงมาลับรูปทรงล้ำยุค ส่วนระบบ HMI ก็ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้สะดวกง่ายดาย เพื่อให้ผู้ขับมีสมาธิไปกับเส้นทางเบื้องหน้าอยู่ตลอดเวลา

เฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo เปิดตัวในงาน Gran Turismo World Finals ที่มอนติคาโล และจะเปิดให้ User ของเกม GT7 ได้เป็นเจ้าของตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2022 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดตัวในวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลา 19:00 น. (ตามเวลา CET) User ของเกม GT7 จะสามารถร่วมแคมเปญตอบคำถามได้ผ่านเกม โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลเฟอร์รารี่ Vision Gran Turismo เป็นของขวัญในวันที่ 15 ธันวาคม และในวันเดียวกันนี้ จะมีการเผยโฉมรถที่มีสัดส่วนเท่าของจริงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่ Ferrari Museum ในมาราเนลโล ซึ่งจะจัดแสดงควบคู่ไปกับเหล่ารถรุ่นพิเศษแบบ One-off ของแบรนด์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2023

 

# # # #

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ