มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ เปิดตัวชูจุดเด่นสุดยอดพลังเบรก มุ่งเจาะตลาดยางสำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโค่คาร์

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 27 พ.ค. 62
  • 5,557 อ่าน

มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก เผยโฉมผลิตภัณฑ์ยางรุ่นล่าสุด “มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+” (MICHELIN Energy XM2+) ที่มาพร้อมสโลแกน “มั่นใจ...ทุกเวลา ด้วยพลังเบรก MICHELIN Energy XM2+” (Your Stopping Super-power) มุ่งเจาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็กและอีโค่คาร์ที่ใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความคุ้มค่าในการใช้งานและสมรรถนะที่ยาวนานกว่า ยางรุ

Michelin

Michelin

นายเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C เปิดเผยว่า “ยางมิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ มีพัฒนาการทางสมรรถนะหลายด้านที่เหนือกว่า “มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2” ซึ่งเป็นยางรุ่นก่อนหน้าที่ครองความเป็นผู้นำในตลาดยางสำหรับลูกค้าทั่วไป หรือ Mass Market อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปีเต็ม สำหรับยางรุ่นล่าสุดนี้พัฒนาขึ้นเพื่อให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม และการใช้งานที่ยาวนานกว่าแม้ยางใกล้หมดดอก โดยให้ความมั่นใจในประสิทธิภาพการเบรกเต็มเปี่ยมจนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางครั้งต่อไป แคมเปญโฆษณาจึงเน้นจุดเด่นด้านพลังเบรกของยางรุ่นนี้ที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ขับขี่”

Michelin

Michelin

ด้วยนวัตกรรมเนื้อยางผสมซิลิกาสูตรใหม่ (Full-Silica Rubber Compound) ส่งผลให้ยาง “มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+” มีค่าเฉลี่ยระยะเบรกบนถนนเปียกสั้นกว่ายางแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ* อยู่ที่ 1.5 เมตร เมื่อเทียบระหว่างยางสภาพใหม่ด้วยกัน และ 2.6 เมตร เมื่อเทียบระหว่างอย่างใกล้หมดดอก อีกทั้งยังรองรับระยะทางการขับขี่มากกว่ายางแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ** ถึงร้อยละ 25

Michelin

Michelin

“สัญลักษณ์บวก (+) บนแก้มยางบอกให้ทราบถึงการเสริมสูตรเนื้อยางใหม่ที่ส่งผลให้ยาง “มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+” มีประสิทธิภาพเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้าทั้งด้านสมรรถนะการเบรก อายุการใช้งาน และสมรรถนะที่ยาวนานกว่า นอกจากนี้ ยังคงสัญลักษณ์ Green X เอาไว้แบบเดียวกับยางรุ่นก่อนหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นยางที่มีคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงาน การผสานคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่าพร้อมกับให้ความมั่นใจได้ยาวนานกว่าและความคุ้มค่าสมราคาเข้าไว้ด้วยกันเชื่อว่าจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ขับขี่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโค่คาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้อย่างทรงพลัง” นายเอกชัย กล่าว

Michelin

ทั้งนี้ ทีมงาน AUTODEFT ที่ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวในครั้งนี้ ได้ทำการเข้าร่วมชมกาารทดสอบประสิทธิภาพยาง “มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+” ด้วย โดยการทดสอบครั้งนี้ ใช้รถยนต์ Toyota Vios ในการทดสอบ แล้วนำยาง มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ และยางคู่แข่งอีก 4 รุ่น ที่ทุกเส้นผ่านการใช้งานจนเกือบจะหมดดอกแล้ว มาใส่ในรถ แล้วทำการวิ่งมาในความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วเบรกบนถนนเปียก จากนั้นก็มาวัดระยะทางเบรกที่ทำได้ ทดสอบทั้งหมด 3 ครั้ง แล้วหารออกมาเป็นค่าเฉลี่ย วัดผลโดย Performance Box รับสัญญาณจาก GPS โดยผลการทดสอบ ออกมาเป็นดังนี้

  • มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ ค่าเฉลี่ย 28.9 เมตร
  • คู่แข่งรุ่น A ค่าเฉลี่ย 32.2 เมตร
  • คู่แข่งรุ่น B ค่าเฉลี่ย 33.3 เมตร
  • คู่แข่งรุ่น C ค่าเฉลี่ย 34.3 เมตร
  • คู่แข่งรุ่น D ค่าเฉลี่ย 37.9 เมตร

 

Michelin

Michelin

ในประเทศไทย ยาง “มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+” มีวางจำหน่ายแล้วรวมทั้งสิ้น 36 ขนาด (ขอบ 14-16 นิ้ว) ราคาเรื่มต้นที่เส้นละ 2,290 บาท ณ เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร “ไทร์พลัส” และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th หรือ MICHELIN Hotline 02 700 3993

*จากผลการทดสอบประสิทธิภาพการเบรกบนพื้นถนนเปียกที่ความเร็วในการขับขี่0 – 80กม/ชมโดยบริษัททียูวีไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด (บุคคลที่ 3 ซึ่งดำเนินงานโดยอิสระ)ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ณ สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี โดยติดตั้งยางขนาด205/55 R16ให้กับรถทดสอบยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบยาง “มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม2+”ทั้งสภาพใหม่และใกล้หมดดอก เทียบกับยางแบรนด์อื่นๆ (ตัวเลขที่ได้เป็นค่าเฉลี่ยของยางแบรนด์พรีเมียม 4 แบรนด์) อ้างอิง: บริษัททียูวีไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัดรายงานทางเทคนิคฉบับที่1203058671 001 และ 002คำว่า “ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ2มิลลิเมตร

** จากผลการทดสอบอายุการใช้งานซึ่งจัดทำโดยศูนย์วิจัยและเทคโนโลยียานยนต์แห่งประเทศจีน (China Automotive Technologyand Reseach Center Co., Ltd: CATARC) (บุคคลที่ 3 ซึ่งดำเนินงานโดยอิสระ)ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนกันยายน 2561 ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน โดยติดตั้งยางขนาด205/55 R16 91Vให้กับรถทดสอบยี่ห้อโฟล์คสวาเกนรุ่นกอล์ฟ 7 เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบยาง “มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม2+”เทียบกับยางคู่แข่งแบรนด์พรีเมียม(ตัวเลขที่ได้เป็นค่าเฉลี่ยของยางแบรนด์พรีเมียม 5 แบรนด์) การทดสอบอายุการใช้งานเป็นการทดสอบจากการใช้งานขับขี่จริงโดยเฉลี่ยที่ 20,000กิโลเมตร และประเมินอายุการใช้งานเมื่อยางสึกจนมีระดับเดียวกับสะพานยาง (Tread Wear Indicator)

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ