Test Drive : รีวิว ทดลองขับ BMW 730Ld sDrive M Sport ซาลูนใหญ่ร่างสปอร์ต แรง ประหยัด

  • โดย : Autodeft
  • 24 พ.ค. 62
  • 28,200 อ่าน

ค่ายรถยนต์ BMW ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนายานยนต์ตอบโจทย์สาวกที่หลงใหลในเสน่ห์ของเทคโนโลยี การออกแบบที่ก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่ง และความหรูหราไม่เป็นสองรองใคร จึงเป็นที่มาของยนตกรรมหลากหลายรุ่น ทั้งรถเก๋งซาลูน คูเป้ รถอเนกประสงค์และรถไฟฟ้า หนึ่งในนั้นมีเก๋ง Big Size Luxury Sedan ครองใจผู้บริหาร CEO และเซเลปชื่อดังมายาวนานอย่าง BMW 7 Series ปัจจุบันจำหน่ายในเจเนอเรชั่นที่ 6 กับรหัส G12 เปิดตัวทั่วโลกตั้งแต่ป

BMW 7 Series

สำหรับรุ่นที่นำมา รีวิว ทดลองขับ เป็น BMW 7 Series รุ่น 730Ld sDrive M Sport ประกอบในประเทศ (CKD) ความใหญ่โตในร่างซาลูนผสมกับความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่ง M Aerodynamics ทั้งคัน ตั้งแต่ชุดแต่งกันชนทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก LED แนวนอน รองรับความสง่างามด้วยไฟหน้า Adaptive LED ทรงกลม 2 จุด ที่ให้ความสว่างในยามค่ำคืนสามารถปรับโคมไฟตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัยและปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ High-Beam Assistant อยู่ในโคมเดียวกัน แม้แต่ยามค่ำคืนที่เส้นทางเปลี่ยวไร้แสงไฟ เอกลักษณ์เด่นกับกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ที่มีซี่ของไตคู่เพิ่มขึ้น พร้อมระบบ Active Air Stream เปิดปิดอัตโนมัติ มีช่องลมระหว่างซี่กระจังหน้าทำหน้าที่เปิดและปิดช่องอากาศหน้าหม้อน้ำเครื่องยนต์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดแรงต้านอากาศได้อย่างมาก

BMW 7 Series

BMW 7 Series

ด้านข้างถอดความหรู Luxury กับชุดโครเมี่ยมแพ็คเกจทั้งขอบหน้าต่าง คิ้วช่ายล่างพร้อมช่องระบายอากาศ Air Breather บริเวณด้านหลังของซุ้มล้อคู่หน้า เป็นแบบสีดำเงาแทนและสัญลักษณ์ M ติดที่บังโคลนซ้าย-ขวา บ่งบอกความเป็นสปอร์ตอย่างเต็มตัว ล้ออัลลอยประจำรุ่นเป็นแบบ M ลาย Double-spoke สลับสี ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Runflat แต่สำหรับล้อหน้าและล้อหลังกลับมีความต่างกัน โดยล้อหน้า 20 นิ้ว 8.5JX20 พร้อมยาง 245/40 R20 / และล้อหลัง 20 นิ้ว 10JX20 พร้อมยาง 275/35 R20 จากค่าย Pirelli (รุ่นขายจริงจะลดขนาดเหลือ 19 นิ้วแบบ M ลาย Double-spoke สลับสี ล้อหน้า 19 นิ้ว 8.5JX19 พร้อมยาง 245/45 R19 / และล้อหลัง 19 นิ้ว 9.5JX19 พร้อมยาง 275/40 R19) หลังคารถนอกจากจะมีเสาอากาศแบบครีบฉลามแล้ว ยังมีหลังคากระจก Panorama Sky Lounge บานใหญ่ที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิด หรือ ยกขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ด้านท้ายสมส่วนด้วยไฟท้าย LED ครอบด้วยกรอบป้ายทะเบียนแนวยาวโครเมี่ยม กันชนหลังสปอร์ต diffuser หรือลิ้นเสริมกันชนหลังพร้อมท่อไอเสียทรงกลมสองฝั่ง พร้อมกรอบสีดำเงา เพิ่มความสปอร์ตอีกระดับ จอดรถอย่างมั่นใจด้วยเซนเซอร์ควบคุมการจอดรถทั้งหน้า-หลังโดยทำงานร่วมกับกล้องรอบคัน

BMW 7 Series

งานนี้เอาใจผู้บริหารที่ต้องแบกอุปกรณ์กอล์ฟ เป็นประจำด้วยฝากระโปรงท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบ Comfort access แค่แกว่งปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลังด้านซ้ายเซนเซอร์คอยจับสัญญาณการแหย่ปลายเท้าไว้ เพียงแต่ว่าขอให้ตัวกุญแจรีโมทอยู่กับตัว ฝากระโปรงท้ายจะเปิดด้วยระบบไฟฟ้าทันทีโดยความจุสัมภาระท้าย 515 ลิตร นอกจากนี้ประตูรถยังมีระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors) หรือภาษาบ้านๆนั่นคือ ประตูสุญญากาศ นั่นเอง

ฺBMW 7 Series

รถยนต์ Big Size Luxury Sedan จากเมืองมิวนิก ใหญ่โตสมฐานะโดยมิติตัวรถมีดังนี้ ความยาว 5,238 มม. ความกว้าง 1,902 มม. ความสูง 1,485 มม. ระยะฐานล้อ 3,210 มม. น้ำหนักรถ 1,870 กก. และความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร พร้อมโครงสร้างตัวถังรถเป็นแบบ Carbon Core ผสมผสานวัสดุพลาสติก เสริมเส้นใยคาร์บอน (CFRP) เข้ากับเหล็กกล้าและอลูมิเนียม ทำให้ตัวถัง มีความแข็งแรงและมั่นคงในส่วนห้องโดยสารมากกว่ารุ่นก่อน ทั้งยังลดน้ำหนักของตัวรถลงมากขึ้นกว่าเดิม

BMW 7 Series

BMW 7 Series

ด้วยความเป็นรถฐานล้อยาวทำให้ห้องโดยสารใหญ่โตกว้างสบายด้วยเบาะนั่งหนังแท้ Nappa โดยสีของเบาะนั่งแตกต่างตามสีภายนอกตัวรถ อย่างคันที่นำมาทดลองขับ สีภายนอกเป็นสีเทา Magellan Grey ภายในใช้โทนสีน้ำตาล Cognac (สีชาเย็น) นอกจากบุเบาะนั่งแล้ว หนัง Nappa ยังบุตามส่วนอื่นๆภายในรถไม่ว่าจะเป็น ที่วางแขนบริเวณคอนโซลกลางและบางส่วนของแผงประตู เบาะคู่หน้าสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า และระบบความจำทั้ง 2 ฝั่ง ตัวเบาะของรุ่นนี้ออกแบบเรียบง่ายแต่ให้ความสบายผสมกับระบบนวดผ่อนคลายและระบายอากาศทั้งผู้โดยสานตอนหน้าและตอนหลังลดความอึดอัดเมื่อยล้าอีกในยามเดินทางใกล้-ไกล

BMW 7 Series

BMW 7 Series

เอาใจผู้บริหารยุค 4.0 ด้วยเบาะหลังเป็นแบบ Executive lounge ให้ความสบายพิเศษตรงที่มีพื้นที่วางขา กว้างมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากตัวรถเป็นรุ่นฐานล้อยาวนั่นเอง คั้นกลางของเบาะนั่งมีที่ท้าวแขนเป็นศูนย์รวมการทำงานต่างๆทั้งปรับเบาะด้วยระบบไฟฟ้า และระบบความจำทั้ง 2 ฝั่ง กล่องใส่ของและแท็บเล็ต ขนาด 7 นิ้ว จาก Samsung เชื่อมต่อระบบ BMW Touch Command สั่งการทำงานแบบเดียวกับด้านหน้าทั้ง เปิดเครื่องเสียง เล่น/ควบคุมการปรับที่นั่ง ปรับการนวด แสงไฟภายในตัวรถ การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ถ้าไม่ชอบความร้อนยังมีม่านบังแดดติดตั้งทั้ง 2 จุด บริเวณประตูหลังกับกระจกหลังโดยกระจกหลังปรับขึ้นลงด้วยระบบไฟฟ้า หลังเบาะยังมีจอภาพ 2 จอ ซ้าย-ขวาเชื่อมต่อทีวีดิจิตอล DVD ได้ รวมถึงกระจกแต่งหน้าบนหลังคารถสำหรับสุภาพสตรีที่รักสวยรักงาม หลังคาภายในห้องโดยสารเป็นสีดำเข้ม Anthracite

BMW 7 Series

ไฮไลต์เด่นนอกจากห้องโดยสารกว้างแล้ว ยังมีไฟเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Lighting สามารถเลือกสีตามต้องการได้ถึง 6 สี ทั้งสีขาว, สีฟ้า, สีส้ม, สีบรอนซ์, สีม่วงอ่อนและสีเขียว นอกจากนี้ยังมี สคัพเพลตโลโก้ M บ่งบอกความเท่ แรงเร้าใจ ในส่วนหลังคากระจก Panorama Sky Lounge ถ้าเปิดผ้าคลุมหลังคาจะมีไฟเพิ่มบรรยากาศ LED แบบจุดลวดลายบนกระจกประมาณ 15,000 ดวง ในแสงสีที่ต่างกัน (เสมือนดวงดาว) ถือว่าระหว่างเดินทางยามค่ำคืนสามารถสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเองอย่างสุนทรีย์เต็มอารมณ์

BMW 7 Series

แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดียวกับ BMW 5 Series รหัส G30 ตกแต่งด้วยโทนสีดำสลับกับสีน้ำตาล Cognac และลายไม้สีเข้ม Fineline Black แบบ metal effect high-gloss การจัดวางแต่ละฟังก์ชั่นการใช้งานง่ายและสะดวกในการใช้งาน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านหุ้มหนัง พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานทั้งระบบล็อความเร็ว Cruise Control พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็วและสวิตช์ควบคุมการทำงานเครื่องเสียงดีไซน์แบบเดียวกับรุ่น 730 Ld sDrive Pure Excellence (รุ่นขายจริงจะเป็นพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์แบบ M Sport) มาตรวัดเรืองแสงขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงข้อมูลที่อ่านง่าย ชัดเจนและยังเข้าถึงอารมณ์ด้วยกราฟฟิกหน้าจอแบ่งได้สามรูปแบบตามการขับขี่ทั้งโหมด Comfort, ECO PRO และ Sport เพิ่มความมั่นใจและเพื่อความปลอดภัยของคนขับด้วย หน้าจอเหนือคอนโซล Head-up Display แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้ง ความเร็วรถปัจจุบัน และเส้นทางที่ระบบนำทางกำหนดไว้ในระดับสายตาคนขับโดยไม่ต้องละสายตาไปมองตำแหน่งอื่นๆ

BMW 7 Series

BMW 7 Series

บันเทิงเริงใจด้วยชุด iDrive แสดงบนหน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว แสดงระบบนำทาง ระบบโทรศัพท์ วิทยุ เสียงเพลง และระบบการทำงานของรถ ควบคุมฟังก์ชันหลักด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องมีการสัมผัสแต่อย่างใดแบบ Gesture Control พร้อมทีวีดิจิตอล ระบบเสียงคุณภาพผ่านลำโพงรอบคันจากทาง Harman Kardon เสียงชัดไพเราะ พร้อมคอนโซลเกียร์จับกระชับมือ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Automatic Hold และเครื่องปรับอากาศที่แบบอัตโนมัติแยกอุณหภูมิแบบ 4 โซน (ด้านคนขับคนนั่ง ด้านหลังขวาและซ้าย) งานนี้ไม่ต้องมาแย่งความร้อน-เย็นอีกต่อไป

การไขกุญแจเข้าไปสู่ความอลังการ BMW ใช้กุญแจรีโมทขนาดใหญ่ แบบ Display Key ซึ่งใช้กันมาแล้วหลายรุ่นรวมถึงคันที่นำมาทดสอบครั้งนี้ สามารถการสั่งการทำงานของระบบปรับอากาศในรถ ตัวกุญแจมีการแสดงผลผ่านหน้าจอสีแบบระบบสัมผัส แสดงสถานะต่างๆ ของรถ อย่างระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ ล็อค/ปลดล็อค รวมถึงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ โดยมีระยะในการทำงานที่สามารถควบคุมสั่งการได้เต็มระบบอยู่ที่ไม่เกิน 30 เมตร แต่ตัวกุญแจรีโมทมีการใช้งานคล้ายกับสมาร์ทโฟน ตรงที่มันมีแบตอยู่ในนั้นและถ้าใช้งานจนหมด สามารถชาร์จด้วยเครื่องชาร์จไร้สายที่ติดตั้งมากับรถหรือเสียบ USB ปกติได้เช่นกัน

BMW 7 Series

BMW 7 Series

ขุมพลัง BMW 7 Series ที่จำหน่ายในไทยมีให้เลือกหลายจากตระกูล TwinPower Turbo ทั้งเบนซินเทอร์โบ Plug-In Hybrid ไปจนถึงแรงขั้นเทพแบบ 12 สูบรูปตัววี, และดีเซลเทอร์โบโดยคันที่นำมาทดลองขับนั้นใช้ขุมพลังดีเซลเทอร์โบแบบ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร รหัส B57D30A ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 90.0/84.0 มม. อัตราส่วนการอัด ( : 1) 16.5 ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 146 กรัมต่อกิโลเมตร ผ่านมาตรฐาน EURO 5 ทำงานเชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Sport Steptronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

BMW 7 Series

เครื่องยนต์ดีเซลใหญ่ประจำการหลายรุ่นในค่ายทั้งรุ่น X5, X6, 6 Series GT จนมาถึง 7 Series รุ่นนี้ ตั้งแต่เข้าหลังพวงมาลัย สตาร์ทรถ แล้วพุ่งทะยานออกไป การทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียงบล็อกนี้ให้การตอบสนองอย่างสุขุม นุ่มนวลในยามขับขี่ปกติ แต่เมื่อขับความเร็วสูงๆ เร่งแซง กด Kick Down กลับให้ความทันใจ ฉับไว เสียงเครื่องยนต์ด้วยการบุวัสดุซับเสียงอย่างดี ทำให้เสียงเครื่องเล็ดลอดมาน้อยมาก สำหรับรอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานสูงสุดไม่ถึง 1,500 รอบ/นาที ด้วยรอบตั้งแต่ 1,100 1,200 1,300 และ 1,450 รอบ/นาที ตามลำดับ

ถึงแม้ตัวรถจะหนักเกือบ 2 ตัน กลับให้ความมั่นใจในการขับขี่ไม่ลากรอบไม่กระตุก ทำงานอย่างราบเรียบกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Paddle Shift เหนี่ยวไก 2 ข้างหลังพวงมาลัย ผนวกโหมดการขับขี่เลือกตามใจชอบถึง 3 โหมดทั้ง Comfort, ECO PRO และ Sport เรียกว่าถ้าเข้า Sport ละก็ความอภิรมย์ในการขับขี่บังเกิดขึ้นทันที พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักตามความเร็วขณะขับขี่ (Servotronic) น้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างเบา ขับสบาย ขับง่ายขึ้น ในทุกช่วงความเร็ว และการควบคุมคมทุกโค้ง และเฉียบขนาดจัดว่ารถซาลูนใหญ่ขับสนุกมั่นใจได้อย่างดีเลยทีเดียว

จุดเด่นที่น่าสนใจนั่นคือระบบช่วงล่างงานนี้มาเป็นแบบ Adaptive 2-axle Air Suspension หรือช่วงล่างถุงลมนั่นเองโดยสามารถปรับระดับสูง-ต่ำของตัวรถได้อัตโนมัติ หรือจะปรับตามใจคนขับได้เช่นกัน โดยหลักการทำงานจะใช้พลังจากแบตเตอรี่อัดลมเข้าไปที่ถังลมและยังปรับระดับของตัวรถให้มีความสมดุลคงที่ไม่ว่าจะจอดรถหรือเคลื่อนที่ก็ตาม

นอกจากนี้ยังมีระบบ Adaptive สามารถปรับตัวรถสูงต่ำ ตามสภาพถนน โดยเตรียมปรับช่วงล่างรอหลังจากระบบคำนวณสภาพถนนล่วงหน้าแล้วและจะกลับมาสู่ปกติหลังผ่านพ้นสภาพถนนและถ้าเข้าโหมดการขับขี่ไม่ว่าจะ Sport หรือ Comfort และความเร็วเกิน 120 กม./ชม. จะปรับตัวรถให้เตี้ยลง 10 มม. ตลอดการขับบอกได้เลยว่าให้ความนุ่มนวล หนึบแบบสปอร์ต ซับแรงกระแทกที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ทุกรูปแบบ และยังมีระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมการทรงตัว (DSC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ด้านระบบเบรก ระยะการเหยียบเบรกเมือเหยียบแป้นเบรกไป 20 % ระบบทำงานหยุดได้อย่างฉับไว

BMW 7 Series

ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจากโปรแกรม Save Mode ทำได้ 17.45 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 60.9 กม.จัดน้ำมันเต็มถังจากปั๊มแถวเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 3.49 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริง โดยที่ได้ตัวเลขมาขนาดนี้ เหมือนทุกครั้งที่ทดสอบรถยนต์ค่ายนี้นั่นคือ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติแบบอัจฉริยะ Auto Start Stop จะดับเครื่องยนต์เฉพาะเมื่อรถหยุดการเคลื่อนที่ตามช่วงระยะเวลาประมาณ 3 นาที แต่ช่วงการทำงานนั้น บรรดาเครื่องปรับอากาศกับเครื่องเสียงยังทำงานตามปกติแต่ถ้าอุณหภูมิภายนอกมากกว่า 35 องศาขึ้นไประบบจะไม่ทำงาน ส่วนการใช้งานในเมืองได้ตัวเลขสิ้นเปลืองที่ 4.28 กม./ลิตร

BMW 7 Series

BMW 7 Series

BMW 730Ld sDrive M Sport เป็นหนึ่งไม่กี่รุ่นในกลุ่มรถยนต์ Big Size Luxury Sedan ที่ยังมีเครื่องยนต์ดีเซลเป็นตัวเลือกสำหรับ ผู้บริหาร ที่ยังชอบความเรง สุขุม แบบไม่ต้องเรื่องมากและไม่ซับซ้อน ถึงแม้คู่ปรับพิกัดเดียวกันจะมีตัวเลือกแค่เบนซิน กับ Plug-IN Hybrid ก็ตาม

ดีไซน์ภายนอกเมื่อมาสถิตในร่างซาลูนใหญ่ เวอร์ชั่น M Sport ด้วยชุดแต่งรอบคัน สลัดภาพความหรูเคร่งขรึมออกไปจนมีแต่ความสปอร์ตเทียบชั้นสปอร์ตคาร์ราคา 10 ล้านขึ้นไป พร้อมภายในที่กว้างสบาย พ่วงขุมพลังแรง 6 สูบ 265 แรงม้านำความแรงขั้นเทพไปพบความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ด้วยราคาเพียง 6,139,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

 

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์รถยนต์ BMW 730Ld sDrive M Sport มาทดสอบ

 

BMW 7 Series

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 

 

5 เรื่องน่าสนใจ