Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Ford Ranger FX4 MAX ขาลุยตัวล่าง ออพชั่นน้อยแต่ลุยมัน
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 28 ก.พ. 65 00:00
- 9,160 อ่าน
ก็ต้องยอมรับแหล่ะว่า รถกระบะสาย Performance ที่ส่งลงตลาดมาเป็นสายลุยจริง ๆ คงไม่มีคันไหนเทียมเท่าได้กับ Ford Ranger Raptor ได้อีกแล้ว เพราะรถคันนี้ออกมาเพื่อรองรับความต้องการลุยได้พร้อมตอบสนองความสบายได้ในคันเดียวกันด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ราคามันก็สูงมากไม่ใช่น้อยเมื่อเทียบกับราคารถกระบะทั่วไป ดังนั้นคนที่ซื้อใช้งานก็จะอยู่แค่ในวงจำกัดเท่านั้น
ฟอร์ดเองก็น่าจะรู้ถึงตัวนี้ดี ก็เลยออกรุ่นย่อยใหม่ที่เรียกว่า Ford Ranger FX4 MAX ให้มีสมรรถนะของตัวรถน้อยลง ตัดออพชั่นออกประมาณหนึ่ง แต่ยังคงความลุยได้มากกว่ากระบะทั่วไป ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
หลังจากเปิดตัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผมเองกลับยังไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว รอบนี้มีโอกาสดีเลยส่งหมายไปถึงฟอร์ด ประเทศไทย เพื่อขออนุเคราะห์ตัวรถคันนี้เพื่อเอามาทำการทดสอบเสียหน่อย ว่าถ้าเราเอามาใช้งานทั่วไป จะเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่น เราก็ต้องมาเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักตัวรถอย่าง Ford Ranger FX4 MAX กันก่อนเลยดีกว่า โดยมิติของตัวรถนั้น ก็จะเหมือนกับรุ่น Wildtrak ปกติ คือ 1,867 X 5,434 x 1,852 มม. (กว้าง - ยาว - สูง) ฐานล้อกว้าง 3,220 มม. ใต้ท้อวรถสูง 256 มม. เรียกได้ว่าลุยน้ำในระดับ 80 ซม. ได้อย่างสบาย ตัวรถเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกับเครื่องยนต์เดียวกันกับ Raptor ก็คือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo พร้อม Intercooler ที่ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ชุดเดียวกับที่ใส่ใน Wildtrak, Raptor, Everest และ Mustang
แน่นอนว่า ช่วงล่างนั้นต้องยิ่งใหญ่อลังการกว่ารุ่นปกติแน่นอน เพราะรถกระบะคันนี้เปลี่ยนชุดช่วงล่างใหม่ให้เป็นของ Fox ยกชุด แต่เป็นคนละรุ่นกับ Raptor โดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อม Fox Shocks ขนาด 2 นิ้วแบบ Monotube และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบซ้อนพร้อม Fox Shocks ขนาด 2 นิ้วแบบมีซับแทงค์แยก ส่วนเบรกยังคงใช้ดิสก์เบรกหน้า ดรัมเบรกหลัง ใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับรัดด้วยยางขนาด 265/70 R17 แถมเป้นยางแบบ All-Terrain อีกด้วย
การออกแบบภายนอกของ Ford Ranger FX4 MAX นั้น ก็ต้องบอกว่า ดูดุดันมากกว่าตัว Wildtrak แต่ยังไม่เท่าตัวโหดอย่าง Raptor ความโป่งของซุ้มล้อยังอยู่ในที่ในทาง กระจังหน้าสีดำ เด่นด้วยตัวอักษร F-O-R-D สีดำเช่นกัน ตัดชายขอบกันชนล่างให้เป็นสีดำให้ดูดุมากขึ้น ไฟหน้าเป็นแบบ LED Projector ที่เปิด-ปิดได้อัตโนมัติตามแสงไฟ มีไฟ DRL ให้ส่องสว่างแสดงตัวตนให้ชัดเจนช่วงเวลากลางวัน มีไฟตัดหมอกหน้า แต่ยังเป็นแบบหลอดไส้อยู่ ขยับมาด้านข้างก็จะได้เห็นบันไดข้างเป็นแบบแบ่งช่อวสำหรับด้านหน้าและหลังให้ขึ้นลงสะดวกขึ้น วัสดุที่จับดูน่าจะเป็นเหมือนเหล็กที่ชุบวัสดุกันลลื่นเอาไว้ ไม่ได้เป็นแบบยาวเหมือนรุ่นนอื่น ๆ กระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED มือจับเปิดประตูสีดำ ด้านหลัง ไฟยังใช้แบบหลอดไฟ HID อยู่ มีไฟเบรกดวงที่ 3 ติดอยู่บนโรลบาร์สีดำ
ภายในนั้น ก็คล้ายกับรุ่น XLT ทั่วไป เบาะเป็นหนัวสังเคราะห์สีดำผสมผ้า ปรับอัตโนมือทั้งคู่หน้า โดยฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งคนนั่งได้แค่ 4 แผงคอนโซลกลางยังคงเด่นไปด้วยหน้าจอ Sync3 ระบบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อระบบ Apple CarPlay และ Android Autoพร้อมลำโพงส่งเสียงได้อีก 6 ตำแหน่ง ที่เหลือก็เหมือนเดิมหมด ทั้งแอร์อัตโนมัติแบบแยกโซนซ้าย ขวา พวงมาลัยไฟฟ้าทรงกลม มีปุ่ม Multi-Function เอาไว้สั่งการหน้าจอ แต่เหนืออื่นใดที่แตกต่างไปกว่ารุ่นปกติ ก็คงหนีไม่พ้นแผงสวิตช์ไฟ ที่พร้อมให้ใช้งานต่อเป็นสวิตช์เพื่อใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ ได้เช่นไฟสปอร์ตไลท์, ไฟสายลาก, ปลั๊กต่อพ่วง หรืออื่น ๆ ที่จะเอาไปใช้งานในรูปแบบการลุยป่าได้ ไม่ต้องมาเจาะเพื่อติดสวิตช์ใหม่ให้ยุ่งยาก ใช้ชุดนี้ชุดเดียวจบเลย
ระบบความปลอดภัยและตัวช่วยขับขี่ อาจจะน้อยกว่ารุ่นทั่วไปหน่อย เพราะ Ford Ranger FX4 MAX จะเป็นการเอา ตัว XLT มาตกแต่งเพิ่มเติม เลยจะได้มาดังนี้
- ถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- ABS, EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
- ระบบควยคุมสเถียรภาพการทรงตัว ESP
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA
- ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
- สัญญาณเตือนกะระยะจอดด้านหลัง
- ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ข้อมูลเบื้องต้นน่าจะครบแล้ว เรามาขับกันเพื่อรีวิวรถเลยดีกว่า สำหรับ Ford Ranger FX4 MAX ก็เป็นรถที่เหมือนกับกระบะเกิดมาแกร่งรุ่นอื่น ๆ ในการนั่งหรือมุมมองการขับขี่ เรื่องนี้ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันดีขนาดไหน ก็เลยอยากขอข้ามๆ ไปเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับสิ่งที่เปลี่ยนไปจากปกติก็คือตัวช่วงล่างแทน อย่างที่บอกไปแล้วว่า รถกระบะคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหนืออว่ากระบะรุ่นทั่วไปทางด้านช่วงล่าง เลยจัดชุดใหญ่จาก FOX เข้าไปทั้งชุด แต่จะให้อลังการเท่า Raptor เลยก็คงไม่ได้ เพราะราคามันไม่ได้สูงได้ขนาดนั้น ชุดนี้จึงถือว่าเป็นระดับกลาง ๆ เท่านั้น แต่การขับขี่มันก็ดีขึ้นประมาณหนึ่งเลยจริง ๆ ทั้งเรื่องการซับแรงกระแทกจากพื้นถนนที่มีความขรุขระ เราสามารถ “รูด” ได้อย่างไม่ต้องเกรงใจไส้ ความยึดเกาะถนนก็มีมากกว่า ความนิ่งช่วงความเร็วสูงนี่ยิ่งเจ๋ง ขนาดว่าของเดิมเขาดีอยู่แล้วนะ อันนี้ดีกว่าเดิมอีก ความนุ่มนวลนี่ดีมาก เอาล่ะ มันคงไม่เทพเท่าของ Raptor แต่ดีกว่าตัว XLT ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
แน่นอนว่า การที่ฟอร์ดใส่ยาง All-Terrain ชนิดที่ดูผ่าน ๆ แล้วเกือบจะเป็น Mud-Terrain อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าดอกยางจะใหญ่และหนากว่ายางแบบ High-Terrain พอตัว แต่เสียงยางกลับไม่ส่งขึ้นมาในห้องโดยสารสักเท่าไหร่ ระบบเก็ยเสียงของห้องโดยสารยังคงดีงามตามสไตล์ของฟอร์ดเช่นเคย และยางตัวนี้แหล่ะที่จะช่วยให้เราสามารถเอารถเข้าไปลุยตามจุดต่าง ๆ ได้ง่ายดายกว่าเดิม เพราดอกยากมันพร้อมที่จะตะกุยดินได้มากกว่านั่นเอง
เครื่องยนต์บน Ford Ranger FX4 MAX ยังคงเป็นเครื่องตัวท๊อปของกระบะค่ายนี้ ที่ให้กำลังแรงสุดในตลาดคือ 213 แรงม้า แต่การจูนกำลังช่วงออกตัวอาจจะไม่ใช่ที่สุด แต่ก็ยังเชื่อใจได้ว่าเมื่อเราอยากได้กำลังเพื่อเร่งแซงเมื่อไหร่ กรถก็พร้อมจะส่งพลังทั้งหมดมาให้เราควบคุมได้เพียงปลายเท่าสัมผัส ผนวกกับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ยิ่งทำให้การขับขี่ได้ทั้งความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ แต่ยังคงทรงพลังอยู่อย่างต่อเนื่องจากต้นไปจนจบปลายเลย
แต่อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่า Ford Ranger FX4 MAX เป็นรถที่ทำออกมาเพื่อเสริมทาวด้านสมรรถนะแต่ไม่ได้เพิ่มออพชั่น เราจึงมีเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องใช้งานระดับพื้นฐานเท่านั้น คงเอาใจสายลุยที่จะเอาไปแต่งเพิ่มเติมให้เป็นรถออฟโรดแบบเต็มตัว อุปกรณ์ตัวช่วยเลยหายไปเพียบ เสียดายที่รถรุ่นนี้ ขาดในส่วนของกล้องมองหลังไป เอาล่ะ ถึงแม้ว่าจะมีเซ็นเซอร์ให้ แต่การใส่มาซึ่งกล้อวอีก 1 ตัว ก็ไม่น่าจะสร้างผลกระทบด้านต้นทุนให้มากมายขึ้นแต่อย่างใด ถ้ามีมาให้ สายออฟโรดน่าจะถูกใจมากขึ้นแน่นอน
ความน่าเบื่ออีกอย่างของรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดของฟอร์ด แต่ไม่มี Paddle Shift ก็คือการที่ต้องเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual ด้วยการกดปุ่ม +,- บนหัวเกียร์ แถมการกดในช่วงที่ใช้โหมด D ธรรมดา ดันเป็นการจำกัดว่าจะให้ใช้ได้ไม่เกินเกียร์ไหนอีก อยากรู้จังเลยว่าใครออกแบบ มันสุดจะไม่เวิร์ค หาความมันไม่ได้เลย คือคุณอาจจะได้ความสะดวกในการใช้งานแหล่ะ แต่มันไม่ได้อารมณ์ในการสับเกียร์แบบการโยกคันเกียร์หรือกดที่ Paddle Shift ไง เอาเป็นว่าใครจะชอบก็ชอบไป ผมว่าระบบนี้ไม่เวิร์คสำหรับผมเลย
มาว่ากันเรื่องอัตราประหยัดดีกว่า รอบนี้แบ่งการทดสอบเป็น 2 รอบเหมือนเคย กับการใช้งานในเมืองแบบที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สภาวะมีทุกรูปแบบ ทั้งรถติดมาก, ติดน้อย, วิ่งได้กลาง, วิ่งได้เร็ว สผมปนเปกันไป ระยะทางที่รีวิวอยู่ที่ 399.8 กิโลเมตร ในระยะเวลาการทดสอบที่ 13 ชั่วโมง 45 นาที เฉลี่ยออกมาก็ได้ที่ความเร็วประมาณ 29 กม./ชม. ได้ผลออกมาที่ 9.7 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่ากลาง ๆ ออกไปทางกินเยอะหน่อย เอาจริง ๆ แล้วน่าจะได้ 10 ก็จะถือว่าอยู่ในมาตรฐานทั่วไป
พอมาลองวิ่งในรูปแบบทางไกลดูบ้าง ออกต่างจังหวัดเส้นมอเตอร์เวย์ยาวไปจนถึงแถวระยอง ระยะทางประมาณ 119.4 กิโลเมตร ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง 27 นาที ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 83 กม./ชม. ได้อัตราประหยัดที่ 12.4 กม./ลิตร ถือว่าเอาเรื่องไม่ใช่น้อย อย่างว่าแหล่ะครับ แรงระดับนี้ จะเอาประหยัดมาจากไหนเนอะ
พูดถึงเรื่องความแรง เราก็ต้องมาต่อกันเรื่องอัตราเร่ง 0-100 กันบ้าง รอบนี้เช่นเคยกับการจับตัวเลขด้วยแอพ iBolid 0-100 บน iPhone 11 ทดสอบรวมทั้งหมด 3 ครั้ง ได้ตัวเลขออกมาดังนี้ครับ
ครั้งที่ 1 - 9.78 วินาที
ครั้งที่ 2 - 10.22 วินาที
ครั้งที่ 3 - 10.06 วินาที
เฉลี่ย - 10.02 วินาที
เห็นตัวเลขแล้วว้าวเลยครับ บอกแล้วว่ารถที่มีแรงบิดแรงม้าเยอะขนาดนี้ อัตราเร่งมันดึงยาวแน่นอน เริ่มอาจจะไม่ดึงมาก แต่พอรอบเครื่องได้เท่านั้นแหล่ะ พวกดึงยาวเลย รถกระบะได้ตัวเลขระดับนี้ถือว่าดีมากแล้วล่ะครับ
Ford Ranger FX4 MAX ตัวที่นำมาทดสอบนี้ เป็นรุ่น Double Cab 2.0L Bi-Turbo 4x4 10AT ตั้งราคาขายเอาไว้ที่ 1,189,000 บาท ผมว่าใครที่อยากได้รถสมรถถนะสูงกว่ากระบะทั่วไป ไม่สนใจออพชั่น อยากเอาไปแต่งออฟโรดเพิ่มอยู่แล้ว รถคันนี้จะเหมาะกับคุณมากเลย ไม่ต้อวแต่งเยอะเพราะหล่อมากอยู่แล้ว อยากติดไฟเพิ่มไม่ต้องเดินสายไฟใหม่ หมดปัญหารการเดินไฟจนกระทบกับระบบเดิม ได้รถที่แรงมาก พร้อมลุยไปทั่วทุกสถานการณ์ เท่านี้ก็โคตรคุ้มแล้วครับ
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com