Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Toyota Corolla Cross GR Sport ปรับใหม่ล่างแน่น พวงมาลัยดี ประหยัดจริง

ต้องยอมรับว่า ในรอบปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้เห็นรถ SUV รุ่นหนี่งที่วิ่งกันเกลื่อนกลาดถนน บ่อยจนอดสงสัยไม่ได้ว่ารุ่นนี้ทำยอดขายไปมากเท่าไหร่แล้ว นั่นก็คือ Toyota Corolla Cross นั่นเอง ด้วยที่รถอเนกประสงค์รุ่นนี้ มีราคาที่จับต้องได้ และมีขนาดที่กำลังพอดีสำหรับครอบครัว เลยทำให้น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะถอยรถรุ่นนี้มาเป็นเจ้าของกัน

ในช่วงปลายปีก่อน โตโยต้าก็ไม่รอช้า จับจังหวะที่รถกำลังกระแสดี ประกอบกับกำลังไล่ปล่อยรถซีรี่ย์ GR หรือ Gazoo Racing ออกมาให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ ทำให้ Toyota Corolla Cross GR Sport ได้ออกมาสู่สายตาชาวไทย ตามหลังการเปิดตัวอย่าวเป้นทาวการของรถรุ่นนี้เพียงปีเดียวเท่านั้นเอง

รอบก่อน ผมเองได้ทำการทดสอบไปแล้ว โดยสามารถดูได้จากบน YouTube ซึ่วการทดสอบรอบก่อนก็ต้องยอมรับว่า มีเวลาอยู่กับรถใหม่คันนี้ได้ไม่นานมาก เพราะเป้นการขับแบบ Group Test เลยมีโอกาสได้ขับ ได้ลองไม่เต็มที่เท่าไหร่ รอบนี้จังหวะโอกาสดีได้ขอยืมมาทำการทดสอบอีกครั้ง หลัก ๆ แล้วที่อยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องของอัตราประหยัดนั่นเอง

ก่อนเริ่มการทดสอบ เรามาว่ากันเรื่องของข้อมูลตัวรถก่อนดีกว่า โดย Toyota Corolla Cross GR Sport เป็นการจับเอาตัวบนสุดอย่างรุ่น Premium Safety มาแต่งใหม่ให้มีความสปอร์ตขี้น ที่เด่นสุดคงเป็นเรื่องกระจังหน้า  ที่ตัวปกติมักจะถูกแซวเสมอว่าไปโกรธใครมาหน้าบี้งเชียว รอบนี้ปรับใหม่ให้ดูอ่อนโยนมากขี้น รอบนี้แบ่งกระจังหน้าเป็น 2 ชั้น คั่นกลางด้วยแถบทีบสีเดียวกับตัวรถพาดกลาง เสริมกรอบไฟตัดหมอกแบบ LED ใหม่ ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟ DRL ใส่ขอบชายกันชนหน้าและสเกิร์ตด้านข้างใหม่ให้ดูบึกบีนขี้น ล้อเป็นลายใหม่ขนาด 18 นิ้วสี 2 โทน ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding เฉพาะรุ่นเพื่อ GR Sport โดยเฉพาะ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมระบบ Reverse Link สีดำ เฉพาะรุ่น GR Sport หลังคาสีดำ

ภายในเพิ่มเบาะแบบไฟฟ้าปรับ 8 ทิศทาง พร้อมทรงใหม่สไตล์สปอร์ต พร้อมตราปั๊มที่หมอนหนุนศีรษะตรา GR อันชัดเจน มีตรา GR Sport ทั้งบนปุ่มกด Start รถ, พรมรองพื้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปเรื่องการขับขี่ ก็คือการปรับค่า K ของโช๊คและสปริงใหม่ ให้มีความ “แน่น” ในการขับขี่มากขึ้น รวมทั้งยังมีการเปลี่ยนน้ำหนักของพวงมาลัยให้ตึงมือมากขึ้นด้วย เพื่อรองรับการขับขี่ที่เร็วมากกว่าเดิม และสิ่งที่เพิ่มพิเศษอีกอย่างก็คือ ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed Range ที่ปรับความเร็วได้จนถึงหยุด แต่สุดท้ายเราก็ต้องเหนียบเบรกอยู่ดี เพราะเบรกมือก็ยังเป็นแบบเท้าเหยียบเหมือนเดิม

ส่วนอื่น ๆ บน Toyota Corolla Cross GR Sport ก็ยังคงเป็นเหมือนรุ่นตัวบนสุดของรุ่นปกติเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น ช่วงล่างด้านหน้าเลือกใช้บริการแบบ อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังต้องการความแข็งแรงเลยใช้แบบ ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง, ดิสก์ทั้ง 4 ล้อ, เครื่องยนต์ Hybrid รหัส 2ZR-FXE เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ผลิตกำลังได้สูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสด 142 นิวตันเมตร แต่มีพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่เพิ่มพละกำลังได้อีก 53 กิโลวัตต์ แปลงเป็น HP ก็ได้ประมาณ 71 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร แต่เมื่อมา Combine การทำงานแล้ว จะได้พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า, เกียร์อัตโนมัติ E-CVT, แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดรายความจุอยู่ที่ 1.31 กิโลวัตต์ชั่วโมง, หน้าปัด Digital ขนาด 7 นิ้ว เอาไว้บอกความเร็วหรืออย่างอื่นที่เราต้องการรู้, หลังคา Moonroof ระบบไฟฟ้า เป็นต้น

ระบบความปลอดภัยรถยนต์ใหม่ 2022 คันนี้ ยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น

• ถุงลมนิรภัย 7 จุด
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System)
• ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)
• ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
• ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System)
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-Start Assist Control)
• ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน (Drive Start Control)
• สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Brake Signal)
• กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
• กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
• ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Lane Tracing Assist)
• สัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

ข้อมูลเบื้องต้นครบถ้วนพอแล้ว เรามาเริ่มขับกันเลยดีกว่า ก็ต้องบอกว่า Toyota Corolla Cross GR Sport ส่วนใหญ่แล้วก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นถ้าใครอยากอ่านว่าคันนี้ขับแล้วเบื้องต้นเป็นอย่างไร ลองอ่านได้ที่ “Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Toyota Corolla Cross Hybrid Premium Safety ความพอดีสำหรับครอบครัว“ ดังนั้นรอบนี้ผมขอเจาะเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงในการขับขี่เลย นั่นก็คือเรื่องช่วงล่างกับพวงมาลัย ก็ต้องบอกว่า การเปลี่ยนเแปลงของช่วงล่างในรอบนี้ ผมนี่ถูกใจอย่างแรง ไม่ใช่ว่าอันเอาเก่าไม่ดีนะ ของเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่รอบนี้ปรับช่วงล่างใหม่ดีขึ้นไปกว่าเดิมอีก มันอาจจะดูแข็งขึ้นเล็กน้อยในช่วงความเร็วต่ำระดับน้อยกว่า 60 กม./ชม. แต่เมื่อเราเริ่มไต่ความเร็วสูงขึ้นไป ก็จะเห็นได้เลยว่ารถคันนี้ช่วงล่างแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงทีเกิน 120 กม./ชม. ขึ้นไป นิ่งกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัดประมาณหนึ่งเลย แถมการปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้มีความตึงมือขึ้นกว่าเดิม ยิ่งทำให้การขับขี่ทางไกลความเร็วสูงทำได้สบายมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องคอยแต่งพวงมาลัย แถมมีระบบ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลนมาคอยประคองให้อีก ยิ่งสบายมากกว่าเดิม ถ้าถามว่า การปรับความหนืดให้มากกว่าเดิม แล้วเวลารถวิ่งช้ามันหนักกว่าเดิมขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าน้อยมากครับ ความหนักยังอยู่ในระดับที่อยู่ในวิสัยที่หมุนได้สบาย ไม่ต้องห่วงเลย

Toyota Corolla Cross GR Sport เพิ่มอีกระบบเข้ามาที่ทำให้เราได้ขับขี่สะดวกกันมากกว่าเดิม นั่นก็คือระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed Range ซึ่งในรุ่นปกติแล้วจะทำงานถึงแค่ประมาณ 25 กม./ชม. แล้วจะตัดการทำงาน แต่รอบนี้จะช่วยลดความเร็วได้จนถึงหยุดนิ่งเลย แต่เมื่อรถจอดสนิทแล้ว มันจะเบรกให้แค่ประมาณ 3 วินาที ก่อนที่จะตัดการทำงาน ระบบจะเตือนให้เราเหยียบเบรกด้วยนะ ถามว่า สะดกวขึ้นไหม ใช่ครับ มันสะดวกขึ้น แต่ไม่ได้มากอะไร เพราะเบรกมือจะยังเป็นระบบเท้าเหยียบอยู่ ไม่ใช่แบบเบรกมือไฟฟ้า ผมว่าเอาระบบนี้คืนไป แล้วใส่ระบบเบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Hold มาให้ดีกว่า น่าจะดีกว่าเยอะ

ส่วนการขับขี่ด้านอื่น ๆ ก็เหมือนเดิมครับ รถให้อัตราเร่งดีในช่วงต้นถึงกลาง แต่จะเริ่มมาเหี่ยวช่วงปลาย, ช่วงล่างนุ่มหนึบ, ที่นั่งกว้างขวางสบาย, ที่ชอบมากคงเป็นหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ระบบสัมผัส ที่รองรับการใช้งาน Apple CarPlay แบบเสียบสาย USB และเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วยสัญญาณไร้สาย Bluetooth พร้อมลำโพงอีก 6 ตำแหน่ง (เรื่องเสียงไม่ต้องพูดถึงเลย ธรรมดามาก)  แต่สิ่งที่อยากพูดถึงมากที่สุดก็คือเรื่องของ กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View นั่นเอง นี่คือออพชั่นที่ดีเลิศประเสริฐศรีมีความสุดยอดอย่างมาก เพราะมันคือตัวช่วยที่ทำให้การขับขี่ในเมืองนั้นสะดวกสบายจริงจัง ปกติที่เราเคยเห็นมุมมองรอบคัน ส่วนใหญ่ก็จะเห็นตอนถอยหลังเป็นแบบ Top View ใช่ไหมครับ แต่คันนี้นอกจากจะมีบุมมอง Top View แล้ว ยังมีมุมมองแบบ 3D ที่มีภาพเสมือนจริงของรถให้เราเห็นได้อีกด้วย รวมทั้งตอนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ก็มีให้เห็นจากมุมด้านข้างด้วยเช่นกัน แต่มันจะตัดภาพไปเมื่อเราขับเกิน 15 กม./ชม. นะครับ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง รวมทั้งเราสามารถเลือกมุมมองจากด้านข้างตัวรถทั้ง 2 ข้างพร้อมกันได้อีกด้วย เป็นตัวช่วยที่ดีมากในยามต้องถอยหลังเข้าซอง จะเห็นได้เลยว่าเราจอดได้ตรงกลางช่องจริงหรือเปล่า อันนี้คะแนนเต็ม 10 ให้ 11 เลย

ส่วนการทดสอบ 0-100 นั้น ก็ขอยกมาจากรอบก่อนที่เคยเทสเอาไว้ในช่วง Group Test แล้วทำเป็นคลิปวีดีโอเอาไว้ที่ Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Toyota Corolla Cross GR Sport ช่วงล่างเจ๋ง พวงมาลัยดี ราคา 1.249 ล้านบาท โดยได้ผลมาดังนี้

ครั้งที่ 1 - 11.31 วินาที

ครั้งที่ 2 - 11.91 วินาที

ครั้งที่ 3 - 11.42 วินาที

เฉลี่ย - 11.54 วินาที

อัตรานี้ก็ถือว่าเป็นระดับค่อนข้างดี ถ้าเปรียบเทียบว่าเป็นรถอเนกประสงค์ไซส์นี้ แต่ได้ความเร็วในตอนเร่งระดับ 11 วินาที ก็ถือว่าโอเคแล้ว

เรามาว่ากันในอัตราความประหยัดกันดีกว่า รอบนี้ผมแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 รอบก็คือ ในเมืองที่วิ่งได้ระยะทางประมาณ 146.6 กิโลเมตร วิ่งแบบใช้งานปกติในชีวิตประจำวัน วิ่งไปทำงาน, วิ่งไปซื้อของ, วิ่งรถติด, วิ่งใช้ความเร็วกลาง-สูงปะปนกันไป ได้อัตราประหยัดที่ 22.1 กิโลเมตร/ลิตร โอ้โห ดีงาม  ดีกว่ารอบก่อนที่เทสเสียอีก ดีกว่า ECO Car ทุกรุ่นที่เคยรีวิวด้วยซ้ำ

ส่วนการทดสอบ Toyota Corolla Cross GR Sport วิ่งนอกเมือง ผมก็วิ่งจากกรุงเทพแถวมีนบุรี มุ่งหน้าไปที่อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ก่อนที่จะไปลงที่พหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่ปลายทาง ความเร็วก็ปะปนกันไป ช่วงมอเตอร์เวย์รถน้อยก็กด 120 แบบยาว ๆ พอเข้าทางหลักจนถึงสระบุรี ก็เหลือ 90-110 เพราะรถเยอะ ก่อนจะไปเจอช่วงรถว่างแต่ขึ้นเขาก่อนถึงอ่างเก็บน้ำประมาณ 44 กม. ได้อัตราออกมาที่ 23.9 กม./ลิตร ว้าวอีกแล้ว รถใหม่คันนี้ยิ่งวิ่งไกลยิ่งดีแฮะ นี่ถ้าเจอคนเท้าเบามากกว่าผม รับรองทะลุ 25 ขึ้นไปอย่างสบาย ๆ เลย

Toyota Corolla Cross GR Sport ตั้งราคาขายเอาไว้ที่เริ่มต้น 1,249,000 บาท แต่ถ้าเป็นสี Platinum White Pearl Black Roof ราคาเพิ่มขึ้น 15,000 บาท และถ้าสี Red Mica Metallic Black Roof ราคาเพิ่มขึ้น 10,000 บาท ถามว่าคุ้มไหมที่จะเพิ่มจากรุ่นปกติที่อยู่ในราคาเริ่มต้น 1.19 ล้านบาท ผมว่าถ้าคุณชอบการขับรถเร็วบ่อย ๆ และไม่ชอบการดีไซน์ของหน้าเดิมที่เขาว่ามันหน้าบึ้ง ก็อัพมาเล่นเลยครับ ยังไงก็คุ้ม แค่ช่วงล่างปรับใหม่กับพวงมาลัยที่แม่นกว่าเดิมมันก็คุ้มแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนรีบร้อนอะไร ขับช้า ๆ เสียส่วนใหญ่ และไม่ติดอะไรกับดีไซน์เดิม ก็เล่นตัวปกติก็พอครับ เสียดายเงินที่เพิ่มขึ้นมา แต่ส่วนตัวผมถ้าต้องเลือก ผมเลือกเพิ่มเงินอยู่แล้ว เพราะตัวนี้ของเด็ดสุดอยู่ที่ช่วงล่างและการทรงตัวจริง ๆ

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02