Deft Opinion : ขับรถชนท้ายคันหลังต้องผิด ....กฏหมายจราจรอ่อนหัด ..ได้เวลาเปลี่ยนใหม่หรือยัง
- โดย : Autodeft
- 9 ม.ค. 59 00:00
- 159,900 อ่าน
ถึงเวลาหรือยังที่ต้องปรับปรุงกฏหมายการจราจรในสังคม ที่ระบุว่าคนขับรถชนท้ายต้องผิดเสมอ
เรื่องโดยทีมงาน Autodeft
กลายเป็นกระแสสังคมในช่วงข้ามคืนขึ้นมาทันที่ เมื่อกล่าวถึงคลิปของดีเจเก่ง ที่มีกรณีอุบัติเหตุทางรถยนต์กับคู่กรณีรถยนต์โตโยต้ายาริสสีแดง แต่จากคลิปนี้ จากอุบัติเหตุ ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องราวของการกลั่นแกล้ง และความตั้งใจ ....แต่ในอีกด้านของเรื่องราวหากไม่คลิปพิสูจน์ว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากการกลั่นแกล้ว คงไม่มีใครพิสูจน์และกระชากความชั่วในคราบคนดี
ความอ่อนหัดของกฎหมายจราจรในสังคมไทยกำลังบีบคั้นให้มารยาทของสังคมถนน ตลอดจนการรักษากฎระเบียบการจราจรมาถึงขีดสุด การกลั่นแกล้งให้ผู้ขับขี่คนอื่นให้ชนท้ายรถคันหน้าไม่ใช่เรื่องใหม่ของสังคมไทย เพราะไม่ว่าใครก็คงต้องเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะจากการจงใจเบรกเพื่อให้คันหลังชนท้ายคันหน้า หรือการแกล้งถอยหลังมาชนแบบในคลิป และยังมีอีกหลายวิธีมากมาย ที่ทำให้คุณต้องพลาดท่าชนท้ายรถคันหน้า แล้วอ้างในความสะใจของผู้ขับขี่อีกคันว่า มันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น ทั้งที่เป็นความจงใจของผู้ขับขี่อีกราย
[IMAGE1]
ตามมาตรา 40 ของ พระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุชัดเจนว่า “ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างคันหน้าพอสมควรในะยะที่หยุดรถได้โดยปลอดภัย เมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ” และด้วยกฎหมายข้อนี้เองที่ทำให้ทุกคนในสังคมต่างตระหนักดีว่า ไม่ว่าคุณจะถูกแค่ไหน เมื่อคุณขับรถชนท้ายคันหน้า ไม่ว่าจะเกิดความประมาท ความตั้งใจ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มันหมายถึงคุณผิดเต็มประตูอย่างไม่มีข้อหลีกเลี่ยงหรือกล่าวอ้างแก่เหตุได้เลย
ปัจจุบันการจราจรที่คับคั่งมากขึ้นทำให้จำนวนรถยนต์บนถนนมากขึ้น การขับขี่ให้ปลอดภัยจะมาหยุดเว้นว่างมีพื้นที่ปลอดภัยมากเหมือนในยุค พ.ศ. 2522 ไม่ได้ หรือจะเว้นได้ก็ไม่มาก เว้นแต่กรณีขับในต่างจังหวัด แต่ในเมืองการจราจรที่คับคั่งทำให้ระยะหยุดอย่างปลอดภัยไม่ได้มีมากมายนักในสังคมถนน และอะไรก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ด้วยประสิทธิภาพของระบบเบรกรถยนต์สมัยใหม่ ก็ทำให้ระยะเบรกลดลงตามไปด้วย
ระยะปลอดภัยตามข้อชี้แนะทางกฎหมาย มาตรา 40 ....ดูจะเป็นการแสดงความหมายที่ไม่ชัดเจนเมื่อผู้ขับขี่ต้องขับขี่จริง ผู้ขับขี่ทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์ขับรถชนท้ายคันอื่นเมื่อต้องเจอมาตร 40 คงอยากจะบอกว่า นี่เราก็เบรกตัวโก่งสุดความสามารถแล้ว ...ทว่ามันก็ยังไม่ทันอยู่ บางครั้งก็เกิดจากความตั้งใจจงใจกลั่นแกล้งเหมือนในคลิปล่าสุด หรือปัจจุบันการจราจรอันคับคั่ง บางทีคันหน้าอาจจะปาดเข้ามาในระยะกระชั้นชิด แล้วต้องเบรก และทำให้คุณต้องเบรกกะทันหัน จนคันหลังชนท้ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
บางครั้งอาจจะเป็นกรณีสุดวิสัย เช่น รถคันหน้าเบรกกะทันหันอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณเบรกไม่ทัน แล้วด้วยประสิทธิภาพเบรกของรถแต่ละรุ่นที่มีความสามารถหรือสภาพถนนเมืองไทยที่ไม่สู้ดี อะไรก็เป็นไปได้ ที่ทำให้คุณอาจจะต้องเจอวันซวยขับรถชนท้ายคันอื่น
ในแง่หนึ่งตามมาตรา 40 อาจจะกล่าวไว้อย่างถูกต้อง ว่าคุณจำเป็นต้องเว้นระยะห่างเมื่อขับรถตามหลังรถคันอื่น นั่นเพราะเมื่อรถคันหน้าเบรก และคุณต้องเบรก เมื่อเบรกทำงานระบบจะใช้เวลาการตอบสนองเพื่อการหยุดจนนิ่งสนิท ซึ่งคุณต้องมีระยะให้มันทำงานด้วย
[IMAGE2]
ตามปกติมาตรฐานทางวิศวกรรมยานยนต์ ที่ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. รถยนต์ที่ผลิตออกมาในปัจจุบันจะใช้ระยะทางในการเบรก 50 เมตร และอาจจะสั้นกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพถนนในระหว่างขับขี่
ทว่าหากมองด้วยปัจจัยที่ทำให้รถยนต์คันหลังพยายามเบรกไม่ให้ทิ่มชนคันหน้า ผู้ขับขี่จะรู้ว่ามันมีมากมายหลายปัจจัย ไม่ว่าจะสภาพรถยนต์ที่ใช้ ระยะทางทีเว้นห่างจากคันหน้า อย่างที่มาตร 40 กล่าว ความเร็วที่ใช้ในระหว่างเดินทาง ตลอดจนจะลืมไม่ได้คือสภาพถนน และประสิทธิภาพเบรกที่ล้วนมีความสำคัญ
อย่างไรก็ดี ในกรณที่ไม่ใช่อุบัติเหต ปัจจุบันด้วยความอ่อนหัดของกฎหมายไทย ทำให้ยังไม่มีกฎหมายข้อใดที่สามารถพิสูจน์พฤติกรรมกลั่นแกล้งของผู้ขับขี่อีกฝ่ายบนถนน สิ่งเดียวที่ดูจะพิสูจน์ได้คือการพึ่งเทคโนโลยี ทั้งจากกล้องติดรถ และกล้องของโทศัพท์มือถือ ที่ทำให้เรื่องราวแบบที่เกิดขึ้นกับยาริสสีแดงชัดขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีพยานบันทึกเหตุการณ์ เชื่อว่า จากคำให้การเท็จของดีเจหนุ่มนั้น ก็คงจะสามารถเชื่อถือได้ เพราะไม่มีข้อพิสูจน์ ด้วยการยึดตามมาตรา 40 จากกฎหมายอ่อนหัด โดยผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ที่ลืมมองข้อเท็จจริงอันซับซ้อนของสังคม เพราะมันเป็นเพียงอีกอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้น
ตลอดจนในกรณีที่ถูกกลั่นแกล้งให้จงใจชนท้ายรถคันหน้า เช่นจงใจเบรกให้ชนท้าย หรือปาดรถเข้ามาแล้วเบรกกะทันจนเกิดการชนท้าย กฎหมายจะมีวิธีการอย่างไร จะจัดการกับผู้ที่มีพฤติกรรมเช่นไร ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นจะมีการพิสูจน์ตามกระบวนการอย่างไร เพราะปัจจุบันส่วนใหญ่ยังตัดสินเพียงแค่รถชนท้ายต้องผิดเสมอ ทั้งที่มีอีกหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแค่การเว้นระยะห่างเท่านั้น
หลายเหตุการณ์ หลายเรื่องราวในสังคมต่างชี้ชัดเจนว่า ถึงเวลาที่กฎหมายการจราจรทางบก ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยมากขึ้นตามยุค แต่แม้มันอาจจะต้องใช้เวลา ทว่าเราก็อยากเห็นความเข้มข้นของกฎหมายที่น่าจะทำให้สังคมถนนที่วุ่นวายมีระเบียบวินัยมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงเสริมกำลังกฎหมายเก่า แต่คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเครื่องอย่างจริงจัง.... เพื่อความยุติธรรมที่แท้จริงในสังคม ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มคนที่รู้หรืออาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย
เรื่องโดยทีมงาน Autodeft
แนะนำติชมได้ที่ [email protected]
ติดตามข่าวสารอีกมาได้ที่เว็บไซต์ Autodeft.com
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com