Mazda ส่งรุ่นใหม่อีก 6 รุ่น ต้อนรับปีระกา ตั้งเป้าโต 18%

  • โดย : Autodeft
  • 12 ม.ค. 60 00:00
  • 11,335 อ่าน

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ออกมาเปิดเผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2559 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะยอดขายกลายเป็นรถยนต์ที่อัตราการเติบโตมาเป็นอันดับ 1 สูงสุดถึง 8% พร้อมประกาศลั่นปี 2560 เตรียมเสริมทัพรถยนต์รุ่นใหม่อีก 6 รุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SKYACTIV-Vehicle Dynamics เตรียมขยายโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศภายใต้รูปลักษณ์และแนวคิดใหม่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 50,000 คัน ภายในปี 2560 หรือเพ

Mazda

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวแสดงความคิดว่า ในปีที่ผ่านมาภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ และสภาพด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป หรืออีกมุมหนึ่งคือแทบจะไม่มีปัจจัยบวกอะไรเข้ามากระตุ้นตลาดให้เกิดความคึกคัก ส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีไม่เติบโตมากนัก อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย แต่ยอดขายตลาดรถยนต์โดยรวมก็ถือว่าประสบความสำเร็จสามารถบรรลุถึงยอดขายใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ คือประมาณ 767,000 คัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่าน จากตัวเลขยอดขายรวมอยู่ที่ 797,242 คัน

โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา Mazda ตั้งมั่นในเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เกิดความแข็งแกร่งมาโดยตลอด ด้วยการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่น แม้ทั้งหมดจะเป็นรุ่นปรับโฉมใหม่ แต่ก็ช่วยสร้างความคึกคักให้กับตลาดและได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ถือว่าเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของ Mazda จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 767,000 คัน เป็นยอดขายของ Mazda ที่ทะลุเป้าถึง 42,537 คัน ซึ่ง Mazda เป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุด 8% เมื่อเทียบจากปี 2558 ที่ผ่านมาที่มียอดขายอยู่ที่ 39,471 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย คือ 5.5% โดยยอดขายในแต่ละรุ่นประจำปี 2559 มีดังนี้

Mazda

Mazda

- All New Mazda2 จำนวน 23,223 คัน เพิ่มขึ้น 22% ส่วนแบ่งการตลาด 12.64%
- All New Mazda3 จำนวน 4,121 คัน  ลดลง 42% ส่วนแบ่งการตลาด 8.13%
- All New Mazda CX-3 จำนวน 4,787 คัน เพิ่มขึ้น 262% ส่วนแบ่งการตลาด 14.61%
- All New Mazda CX-5 จำนวน 3,323 คัน ลดลง 13% ส่วนแบ่งการตลาด 30.30%
- New Mazda BT-50 PRO   จำนวน 7,052 คัน ลดลง 12% ส่วนแบ่งการตลาด 2.12%
- Mazda MX-5 จำนวน 31 คัน เพิ่มขึ้น 11% ส่วนแบ่งการตลาด na

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่ทำให้ Mazda ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ จนกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกโดยพิจารณาจากแบรนด์ นับว่านั้นประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งจนทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์และตัดสินใจเลือกรถจากแบรนด์เป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะและความประหยัดของเทคโนโลยี SKYACTIV ที่พิสูจน์ได้จริง รวมถึงดีไซน์อันโดดเด่นของKODO Design เป็นที่ดึงดูดใจของลูกค้าอยู่เสมอ

Mazda

พร้อมกันนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาธุรกิจในปี 2560 โดยคาดว่ายอดขายรวมของตลาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8% หรือมากกว่า 800,000 คัน สำหรับ Mazda เตรียมเปิดตัวรถใหม่มากถึง 6 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้าการขายที่ท้าทายด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 18% หรือมากกว่า 50,000 คัน และตั้งเป้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6% โดยปีนี้จะเน้นการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ หรือ Mazda Corporate Identity ยกระดับสู่ประสบการณ์แบบพรีเมียมของแบรนด์ และเน้นการบริการทั้งก่อนและหลังการขายด้วยการเสริมศักยภาพทีมงานผู้จำหน่ายทั้งสองด้านอย่างไม่หยุดยั้ง

ในขณะที่รองประธานบริหารชาวญี่ปุ่น นายอัตสึชิ ยาสึโมโต กล่าวถึงบทบาทของ Mazda ประเทศไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างยอดขาย และประเทศไทยยังถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มียอดขายสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตด้านยอดขายในปีที่ผ่านมานั้น เพิ่มขึ้นถึง 8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.5% เพิ่มขึ้น 0.7% ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 1 ของ Mazda ทั่วโลก และกลายเป็นตลาดอันดับสองที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดรองจากประเทศออสเตรเลีย

Mazda

นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกนอกจากประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถผลิตทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และการประกอบรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานมาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีที่เริ่มผลิตและส่งออกระบบเกียร์อัตโนมัติ สกายแอคทีฟ ไปยังประเทศเม็กซิโก ประเทศจีน และในภูมิภาคอื่นๆแล้ว หรือโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ในจังหวัดระยอง และยังเป็นฐานการผลิตและฐานส่งออกสำคัญ ผลิตรถยนต์มาสด้ามากถึง 4 รุ่น นั่นคือ Mazda3, Mazda2, CX-3 และ Mazda BT-50 PRO

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดของ Mazda ในปีนี้ว่า เรายังคงมุ่งไปที่การสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น ประกอบกับสร้างแบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้นทั้งระบบ ทั้งผลิตภัณฑ์ รูปแบบของศูนย์บริการ ศักยภาพของพนักงาน การบริการด้านการขาย และคุณภาพของการบริการหลังการขาย รวมทั้งการตอบรับเป็นอย่างดียิ่งต่อเทคโนโลยี SKYACTIV และรูปลักษณ์การออกแบบ KODO Design ที่วันนี้มาสด้าได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ที่สุดของเทคโนโลยีในวันนี้และวันหน้า คือ SKYACTIV ที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้ทั้ง 2 อย่าง คือ ความแรง และประหยัดน้ำมัน ตามที่เราสื่อสารไปยังลูกค้า รวมทั้งการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทย ตลอดจนเสียงตอบรับอย่างล้นหลามในทุกรุ่น ในปีนี้ นอกเหนือจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากถึง 6 รุ่น แล้ว ลูกค้ายังจะได้พบกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Mazda นั่นคือ SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่กำลังจะมาพร้อมกับ Mazda 3 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 24 มกราคมนี้

Mazda

และทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้คือการขับเคลื่อนของ Mazda ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จและมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ