5 เทคโนโลยีในรถของคุณ ..ที่อาจจะไม่คิดว่ามันมาจากสนามแข่ง

  • โดย : Autodeft
  • 11 พ.ย. 56
  • 7,721 อ่าน

มารู้ก้นบึ้ง 5 เทคโนโลยีที่อาจจะไม่คิดว่ามันมาจากสนามแข่ง ...แต่วันนี้มันอยุ่ในรถของพวกเรา

 

 

            เมื่อพูดถึงรถยนต์ในปัจจุบันที่มีความก้าวล้ำในการขับขี่อย่างมากจนแทบไม่น่าเชื่อ คุณอาจจะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสนามแข่งรถ นอกจากจะทำหน้าที่เป็นสนามประลองความเร็ว ท้าทายคนขับแล้ว มันยังคือห้องทดลองในโลกความจริงขนาดใหญ่ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง และหลายเทคโนโลยีในวันนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากสนามแข่งรถ และมันอยู่ในรถของคุณเอง จนอาจจะคาดไม่ถึง ...นี่มันมาจากสนามแข่งจริงๆ หรือ

 

อันดับ 5 ระบบเกียร์

                แม้เครื่องยนต์จะมีความสำคัญ แต่ระบบเกียร์ก็มีหน้าที่สำคัญไม่แพ้กัน ระบบส่งกำลังยุคใหม่หลายๆรุ่นที่มีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะระบบเกียร์อัตโนมัติที่สามารถขับขี่ได้ไม่ต่างจากระบบเกียร์ธรรมดา เกือบทั้งหมด เป็นสูตรสำเร็จจากสนามแข่ง ด้วยความต้องการในการเลือกอัตราทดเองของนักขับ และความต้องการในการตอบสนองอัตราทดเกียร์อย่างรวดเร็ว ทำให้ชุดเกียร์ถูกพัฒนาขึ้นจากสนามและนำความรู้ที่ได้ส่งลงในรถคุณ

                สองตัวอย่างที่ชัดเจนมาก คือ 1.ระบบเกียร์แบบคลัทช์ต่อเนื่อง หรือที่เราอาจจะรู้จักมันในนาม DSG (Direct shift gearbox) ซึ่งให้สมรรถนะการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา แต่ดีกว่าตรงที่คุณไม่ต้องเย่อคลัทช์ให้มันเมื่อเท้าซ้าย

                ส่วนอีกอย่างที่ชัดเจน ที่สำคัญมันมาจากความเร้าใจสไตล์รถ Formula 1 ก็น่าจะทราบกันดีกับระบบ Paddle Shift  หรือการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ซึ่งลดจังหวะที่คุณต้องไปหยิบจับคันเกียร์ แต่ให้ตาจ้องถนนนิ้วกระดิกก็ตอบสนองได้

 

อันดับที่ 4 ปุ่มสตาร์ท และ  Keyless Entry

                จะบิดกุญแจทำไมในเมื่อ รถคุณมีวิธีอื่นที่สตาร์ทเครื่องยนต์ได้เท่ห์กว่าด้วยการใช้ปลายนิ้วสัมผัส ระบบปุ่มสตาร์ทนี้ไม่ใช่ของใหม่ในสนามความเร็ว เพราะมันง่ายกว่าที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่เมื่อปุ่มสตาร์ทถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์รถยนต์ทั่วไป ค่ายรถยนต์ ก็เลยคิดเพิ่มระบบ Keyless Entry ที่ช่วยให้คุณสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องใช้กุญแจมาเสียไข เหมือนยุคเจ้าคุณปูแค่เพียงพก แล้วดึงประตุ ความชาญฉลาดของระบบจะเปิดเอง  เจ๋งไหมล่ะ

อันดับที่ 3 Disc Brake

                ระบบเบรกที่ยอดเยี่ยมมาจากสนามแข่ง ไม่น่าแปลใจที่เราหลายคนไม่รู้จักเรื่องราวของมันเลย นอกจากรู้ว่า “เออ...ถ้ารถเราเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ จะดูเจ๋งดี”

                ระบบดิสก์เบรกมีการพัฒนามายาวนาน แต่ความสำเร็จจนสามารถนำมาวางจำหน่ายในรถยนต์ทั่วไปได้ เกิดขึ้นในปี 1953 เมื่อ Jaguar  C type  ที่แข่งในสนาม จากนั้น ค่าย citroen  ก็นำมันระบบเบรกใหม่นี้ ติดตั้ง Citroen DS  แต่ก็เฉพาะเพียงคู่หน้าเท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มกลายเป็นที่นิยมในกลุ่มรถหรูและรถสปอร์ต โดยรถยนต์ที่ติดตั้งระบบดิสก์เบรก 4 ล้อคันแรก คือ  Chevrolet Corvette Stingray ในปี 1965

 

อันดับที่ 3 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

                ใจถึงก็ไปถึง ...แต่ถ้ารถไม่ถึงก็ไปไม่ได้ และอุปสรรคมีไว้ให้คิดค้นเรื่องราวใหม่ๆ ที่จะออกมาตอบโจทย์มากขึ้น หนึ่งในนั้น ที่มาจากสนามแข่งก็คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อพิชิตอุปสรรคอย่างการไต่เขา สมัยที่เครื่องยนต์ยังมีแรงม้าไม่มาก ทำให้  spyker  ค่ายรถยนต์ที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง ทำรถแข่ง Spyker  60 H.P. โดยสองพี่น้องชายดัทช์ ได้ใช้มันแข่งในรายการไต่เขา รายการหนึ่ง ซึ่งนอกจาก  spyker  คิดค้นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และใช้มันจริงๆ เป็นเจ้าแรกแล้ว เจ้ารถแข่งคันนี้ยังเป็นรถแข่งคันแรกที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบ รวมถึง เป็นรถแข่งไต่เขาคันแรกอีกด้วย

อันดับที่ 2 DOHC

 

                เคยอ่านโบว์ชัวร์รถ แล้วสังเกตไหมว่า ตรงส่วนเรื่องราวเครื่องยนต์ จะมีอักษรที่สร้างความน่าฉงนมากายหนึ่งในนั้นเป็น  “DOHC” 

                ระบบแคมชาฟ์ทคู่ หรือ  Dual Over Head Camshaft  เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาจากสนามอย่างแท้จริงเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบสูงๆได้ดีขึ้น โดยการวิศวกรรมให้มีกระเดื่องกดวาล์ว 2 ตัว ทำงานแยกกันอิสระในฝั่งวาล์วไอดีและไอเสีย โดยจะถูกควบคุมผ่านชุดโซ่หรือ สายพานไทมมิ่ง ทำให้สามารถเปิด-ปิดวาล์วได้แจ๋วกว่า ระบบแคมเดี่ยว ซึ่ง การออกแบบเครื่องยนต์ในลักษณะนี้ ปรากฏในรถแข่งก่อนยุค 1900  เสียอีก

อันดับที่ 1 Aero Dynamic

                เส้นสายพลิ้วไหวเฉียบคม บังลมต่างๆมากมาย ทำงานด้วยความตั้งใจของการออกแบบและการวิศวกรรม Aero Dynamic  เป็นสุดยอดของนวัตกรรมที่มาจากสนามแข่ง อย่างไม่น่าเชื่อมาก่อน ว่า อะไรเรามองไม่เห็นจะมีผลต่อการทำความเร็ว โดยเฉพาะในการแข่งขันรถสูตร 1 ทุกเศษเสี้ยวมีค่า

                การเรียนรู้เรื่องสายลมในการขับขี่ในสนามอาจจะใช้เพื่อทำความเร็วได้ดีขึ้น เร่งดี ขึ้น แต่เมื่อมาอยู่ในรถของคุณ การเร่งที่ดีขึ้นหมายถึงก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเครื่องเยอะขึ้น การขยับขนาดเครื่องยนต์ลงได้ก็หมายถึง มันจะประหยัดมากขึ้นอีก เมื่อขับขี่ ลดการใช้น้ำมัน และยังรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย

 

ทั้ง 5 เรื่องที่เรามาพูดในวันนี้ น่าจะเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลากเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ห้องทดลองทางด้านความเร็วที่ เราหลายคนมองว่ามันเป็นเพียงเกมการแข่งขันเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้ว การแข่งรถมีอะไรมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก..

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ