SUZUKI CELERIO 1999 No Boundary Journey ภารกิจที่ 3 เส้นทางกรุงเทพฯ - เขาใหญ่ กับความประหยัด 27.7 กม./ลิตร
สานต่อความสำเร็จกับรถใหม่ SUZUKI CELERIO อีโคคาร์ที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างดีในปี 2020 ที่ผ่านมา กับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีจนสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 4,351 คัน คิดเป็น 295% เมื่อเทียบกับปี 2019 ส่วนในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2021 นี้ มียอดจองสะสมอยู่ที่ 648 คันแล้ว

ล่าสุดนี้ ทาง บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้จัดกิจกรรม SUZUKI CELERIO 1999 No Boundary Journey กับ 4 ภารกิจ ที่เดินทางไปยัง 4 จังหวัด ใน 4 ภาคของประเทศไทย กับระยะทางรวมกว่า 1,999 กิโลเมตร
ซึ่งทางทีมงานได้ร่วมกิจกรรมในภารกิจที่ 3 บนเส้นทางกรุงเทพฯ - นครราชสีมา (เขาใหญ่) ระยะทางรวมกว่า 515 กิโลเมตร โดยในภารกิจครั้งนี้ทีมงานได้ขับขี่ไปกับ Suzuki CELERIO รุ่น GX ท็อปสุด เพื่อร่วมแข่งขันขับประหยัดน้ำมัน โดยมีการควบคุมภายใต้กฎกติกาอันเป็นมาตรฐานอย่างเข้มงวดจากคณะกรรมการผู้จัดกิจกรรมการแข่งขัน
เงื่อนไขในการแข่งขันครั้งนี้คือ ระยะทางที่วิ่งแข่งขันต้องไม่ต่ำกว่า 180 กิโลเมตร เวลาในการแข่งขันไม่เกินกว่า 3 ชั่วโมง ค่าเฉลี่ยน้ำมันเชื้อเพลิงดูจากตัวเลขบนหน้าปัดของรถคันนั้น ๆ
ด้วยความสามารถในเรื่องของความประหยัดของ SUZUKI CELERIO นั้นเป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้ว แต่ในการแข่งขันครั้งนี้ต้องยอมรับเลยว่าไม่ง่าย เนื่องด้วยเส้นทางที่ใช้เดินทาง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา (เขาใหญ่) ค่อนข้างมีการจราจรที่หนาแน่น มีรถบรรทุกมากในหลายจุด รวมไปถึงสภาพเส้นทางที่มีทางชันเป็นเขาบางช่วง การจะทำอัตราสิ้นเปลืองให้ได้มากที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งสุดท้ายหลังจบการแข่งขันเรียบร้อย คันที่ทีมงานได้ขับแข่งขันสามารถทำตัวเลขไปได้ถึง 27.7 กม./ลิตร เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่ดีมาก ๆ กับสภาพการจราจรเช่นนี้ และในการแข่งขันครั้งนี้ สื่อมวลชนที่ร่วมแข่งขันคันอื่น ๆ ก็สามารถทำตัวเลขเฉลี่ยได้ค่อนข้างใกล้เคียงกันทีเดียว ทั้งยังได้งัดเอาเทคนิคขับขี่ประหยัดมากมายออกมาใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณความเร็วและระยะทางที่จะต้องขับขี่ให้ถึงทันเวลา การค่อย ๆ ออกตัว การเดินคันเร่งแบบเนียน ๆ เบรกและหยุดรถเท่าที่จำเป็นและปลอดภัย เป็นต้น
ซึ่งหลังจากที่จบในส่วนของการแข่งขันแล้ว ทีมงานก็มีโอกาสได้ขับทดสอบ SUZUKI CELERIO กันต่อ ในช่วงการขับขี่เดินทางไกลมีการเรียกใช้ความเร็วระดับ 100 กม./ชม. มีเร่งแซงบ้างในบางช่วงตัวเลขการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยก็ยังมีให้ได้เห็นระดับ 24+ กม./ลิตร เลยทีเดียว
แม้ว่าจะมีการนั่งโดยสารรวมทั้งหมด 3 ท่าน บวกกับสัมภาระ 1 คืน SUZUKI CELERIO ก็ยังได้มอบอัตราความประหยัดที่ประทับใจ และด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซินสามสูบ ขนาด 1.0 ลิตร ที่แรงสุด 68 แรงม้า แรงบิด 90 นิวตันเมตร และระบบเกียร์ CVT ก็ได้มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เพียงพอต่อการขับขี่แบบทั่วไป ใครที่ยังกังวลว่ารถเล็ก ๆ เครื่องยนต์เล็ก ๆ หรือแรงม้าเท่านี้ จะสามารถใช้เดินทางต่างจังหวัดได้หรือไม่ ขอบอกเลยว่าได้แน่นอน และสามารถขับขี่ได้แบบไม่เหนื่อยล้าอีกด้วย แต่แน่นอนว่าหากคุณต้องอัตราเร่งที่ทันใจ และเร่งรีบ รถคันนี้อาจไม่ตอบโจทย์คุณ
แต่หากคุณใช้งานขับขี่ทั่วไป ต้องการหารถที่ราคาไม่สูง ไม่ได้เน้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรมากมายนัก กำลังมีให้เรียกใช้ได้เพียงพอ ขับขี่ได้ทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัด และยังให้อัตราความประหยัดที่ดี SUZUKI CELERIO น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุณต้องไม่พลาดที่จะไปสัมผัสก่อนที่จะตัดสินใจ
และตลอด 2 วัน 1 คืน ที่ได้ขับใช้งาน SUZUKI CELERIO ต้องยอมรับเลยว่าเป็นรถที่มีที่นั่งแถวที่สองค่อนข้างกว้างขวางไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบจากขนาดตัวถัง ด้วยหลังคาที่สูงให้ความรู้สึกโปร่งแม้ผมเองจะสูง 178 ซม. ก็ตาม และพื้นที่ช่วงขาก็ยังมีเหลือไม่ได้รู้สึกอืดอัด แต่ที่น่าเสียดายคือส่วนของหมอนรองศรีษะแถวหลังที่ยังไม่มีมาให้ ตรงนี้น่าจะช่วยในเรื่องความสบายในการนั่งโดยสารเพิ่มขึ้นได้อีก

นอกจากนี้ตัวเบาะแถวหลังยังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ซึ่งหากคุณนั่งอยู่ที่แถวหลัง แล้วต้องการหยิบของด้านท้ายแล้ว เพียงแค่ปรับพับเบาะลงมา ก็สามารถหยิบของได้อย่างสะดวก ในกรณีที่แผนปิดสัมภาระกั้นคุณไว้กับพื้นที่สัมภาระท้ายนั้นเอง
ดีไซน์รูปลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายใน ยังคงไม่แตกต่างจากที่คุ้นเคยกันกับ SUZUKI CELERIO ที่มาพร้อมไฟหน้าแบบฮาโลเจน และไม่มีไฟตัดหมอก กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ และไฟเลี้ยวข้างตัวรถอยู่ที่บริเวณตัวแก้มทั้งสองฝั่ง มากับล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว รัดด้วยยาง 165/65R14 และยังมียางอะไหล่มาให้เป็นล้อกระทะ กูญแจเป็นแบบบิดสตาร์ทพร้อมปุ่มล็อคและปลดล็อคที่หัวกุญแจ ด้านท้ายมีไฟเบรกดวงที่สาม ที่ปัดน้ำฝนหลัง แต่ยังไม่มีเซ็นเซอร์กะระยะมาให้
ภายในในรุ่น GX หน้าปัดมีส่วนของเข็มวัดรอบมาให้ พวงมาลัยสามก้านแบบปกติไม่มีปุ่มใด ๆ สามารถปรับระดับขึ้น-ลงได้ ใช้ไฟสีส้มเป็นส่วนของปุ่มสวิทซ์ต่าง ๆ ในตัวรถ วิทยุแบบปุ่มกดพร้อมช่อง USB และ AUX ระบบปรับอากาศแบบมือบิดที่ยอมรับเลยว่าเย็นทั่วถึงแน่นอน และส่วนของความปลอดภัยมีติดตั้งถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้ามาให้เป็นมาตรฐานทุกรุ่น รวมไปถึง ABS และ EBD ในรุ่น GL และ GX


และเรียกได้ว่าทางซูซูกิเองก็ยังได้มอบการเข้าถึงและให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นด้วยราคารถที่เริ่มต้นเพียง 328,000 บาท ในรุ่น GA เกียร์ธรรมดา พร้อมโปรโมชั่นที่ลูกค้าสามารถผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,999 บาท ต่อเดือน ในลักษณะขั้นบันได พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี
นับเป็นอีกหนึ่งรุ่นรถยนต์ใหม่ที่มีราคาไม่สูงและเข้าถึงได้ง่าย อีกหนึ่งความคุ้มค่าคุ้มราคาที่ไม่ใช่เพียงคุณจะเป็นลูกค้าวัยทำงานรุ่นใหม่ แต่ยังสามารถใช้งานในแบบรถครอบครัวอย่างครอบคลุม มีสมรรถนะที่ดีเพียงพอต่อการใช้งาน มีความคุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทุกวัน จอดง่ายคล่องตัว แล้วทำไมคุณถึงยังไม่ลองสัมผัสด้วยตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจรถรุ่นนี้จากภายนอกและคำบอกเล่าจากคนอื่น...
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com