Test Drive: รีวิว ทดลองขับ BMW 218i Gran Coupe, 330e และ X5 xDrive45e M Sport วันเดียว 3 รส ในงาน BMW Driving Experience 2020

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 6 ก.ค. 63
  • 8,266 อ่าน

ช่วงกลางปี 2020 นี้ ทางค่ายรถยนต์สุดหรูสไตล์สปอร์ต BMW ก็ได้เชิญทีมงาน AUTODEFT ร่วมสัมผัสและขับทดสอบรถใหม่หลากหลายรุ่นในงาน BMW Driving Experience 2020 ณ สนาม Enduro Park Thailand จังหวัดชลบุรี โดยในงานครั้งนี้ทีมงานได้สัมผัสรถใหม่ถึง 3 รุ่น กับทั้ง BMW 218i Gran Coupe, 330e และ X5 xDrive45e ทั้งหมดมากับความสปอร์ตภายนอกและภายในกับชุด M Sport รอบคัน

BMW 218i Gran Coupe, 330e และ X5 xDrive45e M Sport

ในกิจกรรม BMW Driving Experience 2020 ครั้งนี้ ทีมงานได้โอกาสเริ่มขับทดสอบกับ BMW 218i Gran Coupe M Sport จากย่านใจกลางเมืองเพลินจิต ก่อนมุ่งหน้าพระราม 9 เข้ามอเตอร์เวย์ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ไปถึงยังสนาม Enduro Park Thailand จังหวัดชลบุรี 

มาดูกันที่รูปลักษณ์ภายนอกแรกเห็นรถใหม่ BMW 218i Gran Coupe M Sport นี้ มาพร้อมกับดีไซน์คอนเซปต์คูเป้ 4 ประตู หรือจะเรียกได้ว่านี้คือร่างย่อส่วนของ BMW 8 Series Gran Coupe ก็ว่าได้ ด้วยเอกลักษณ์ของท้ายที่ยาวและมีหลังคาที่ลาดลง กระจังหน้าออกแบบใหม่ Single Kidney Grille ที่เป็นชิ้นเดียวกัน ไฟหน้าที่ดูคล้ายสี่ตาแบบ LED พร้อมไฟ DRL รับกับชุดกันชนหน้าแบบ M Sport เด่นด้วยล้อ M ลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้ว กับแพลตฟอร์มใหม่ front-wheel drive architecture (FAAR) ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีขนาดตัวรถยาว 4,526 มม. กว้าง 1,800 มม. สูง 1,420 มม. ระยะฐานล้อ 2,670 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 142 มม. และมีความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร

BMW

ตลอดเส้นทางกับ 218i Gran Coupe M Sport ต้องบอกเลยว่าเป็นรถขับหน้าจาก BMW ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo ขนาด 1.5 ลิตร แรงสุด 140 แรงม้า ที่ 4,200-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด Steptronic ที่เลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้ พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก การตอบสนองนั้นภาพรวมทำได้ดีทั้งในเมืองและนอกเมือง การควบคุมรถช่วงในเมืองเองคล่องตัวสูง พวงมาลัยเบา อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งคล่องตัวไม่น้อย ทัศนวิสัยต่างๆ เห็นได้ชัดเจนดี ภายในห้องโดยสารไม่ได้รู้สึกว่าแคบหรืออึดอัด และในจังหวะขับเดินทางไกลยาวๆ ขุมกำลังนี้ก็ให้การตอบสนองได้ดี แต่อาจจะไม่โดนใจมากนักกับคนเท้าหนัก ที่ชื่นชอบอัตราเร่งที่ดึงแบบดุๆ โหดๆ 

BMW

หากถามว่าการขับขี่ทั่วไปแล้วนั้นเหลือเฟือและเพียงพอมากๆ การเร่งแซงในแต่ละจังหวะทำได้อย่างมั่นใจพอมีเสียงคำรามของเครื่องยนต์คำรามเข้ามาให้ได้ยินอยู่บ้าง หรือในจังหวะที่ต้องการเร่งปลุกความสนุกก็เพียงการเบิ้ลย้ำคันเร่งก็ทำให้สัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างแบบ M ให้ความรู้สึกที่หนึบและแข็งนิดๆ ตามสไตล์รถขับสนุก ซึ่งอาจจะไม่ได้นุ่มนวลโดนใจผู้ใหญ่เท่าใดนัก แต่ใครที่ชอบขับรถและต้องการการตอบสนองของช่วงล่างในการขับขี่ด้วยความเร็วแล้ว BMW พร้อมตอบสนองคุณได้อย่างดี กับราคาค่าตัวรถ 2,399,000 บาท (รวมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard) นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรถที่น่าจะอยู่ในตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังมองหารถซีดานขนาดกะทัดรัดขับขี่ง่ายมีพละกำลังให้เรียกใช้ได้แบบสบาย และอาจเน้นที่การใช้งานในเมืองเป็นหลักแล้ว

อ่านรายละเอียด BMW 218i Gran Coupe M Sport เพิ่มเติม ได้ที่นี่ https://www.autodeft.com/newcar/bmw-2-series-gran-coupe-revealed-official-thailand

BMW

ไม่นานทีมงานก็เดินทางมาถึงยังสนาม Enduro Park Thailand เพื่อเตรียมเปลี่ยนรถไปขับทดสอบ BMW X5 xDrive45e M Sport ในรูปแบบออฟโรดนิดๆ ซึ่งก่อนที่จะออกไปขับออฟโรดที่เป็นพื้นที่สวนและป่านั้น ทาง instructor ที่จัดการทดสอบในครั้งนี้ก็ได้ให้พวกเราได้วิ่งวอร์มอัพกันในสนาม Enduro Park กันเล็กน้อย เพื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถไม่ว่าจะเป็นการขับผ่านเนินเอียงซ้ายขวา ขึ้นและลงทางชันจำลอง ระบบช่วยออกตัวและลงทางลาดชัน สิ่งที่สัมผัสได้ในช่วงนี้เลยก็คือพวงมาลัยที่เบาของ BMW X5 ที่แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่ แต่การทำให้ควบคุมรถได้ง่ายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากๆ

BMW

BMW

แม้ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงเมื่อขับรถรุ่นนี้ก็จะไม่ได้รู้สึกว่าขับยากแต่อย่างใด ทั้งในลักษณะเส้นทางแบบนี้ที่มีการขึ้นเนินชันๆ เวลาที่รถเชิดหน้าขึ้นฟ้าสิ่งที่ผู้ขับเห็นก็เพียงท้องฟ้า ซึ่งเส้นทางที่จะต้องขับต่อไปนั้นไม่สามารถมองเห็นได้เลย แต่ด้วยกล้องรอบคันโดยเฉพาะกล้องด้านหน้ารถที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้าที่มีความละเอียดสูง ทำให้เราสามารถเปิดกล้องเพื่อมองทางได้อย่างชัดเจน หรือการมองภาพรอบๆ ตัวรถได้ง่ายดาย ทั้งหมดก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับผ่านเนินชันไปได้แบบสบายๆ รวมไปถึงช่วงล่างแบบถุงลมใน BMW X5 xDrive45e M Sport นี้ ก็ได้มอบความนุ่มหนึบที่ไม่ย้วย บนเส้นทางที่ไม่เรียบนี้ได้แบบไม่กระแทกกระเทือน

ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่สวนและป่าจริงนั้น ทาง instructor ก็ให้เราได้ลองเบรกแบบฉุกเฉินบนพื้นที่ที่ลื่นจากหินกรวดและทรายภายในสนาม โดยการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งกดคันเร่งเต็มที่และเบรกแบบกะทันหันโดยการกดแป้นเบรกครั้งเดียวเต็มแรง ด้วยพื้นเส้นทางที่ลื่นนี้จึงทำให้ระยะเบรกนั้นยืดออกไป ซึ่งเทคนิคที่ทาง instructor อยากแนะนำก็คือการเบรกบนพื้นที่ลักษณะนี้ให้เราเหยียบแป้นเบรกในลักษณะของการเหยียบแบบนวดแป้นเบรกจนรถหยุดนิ่ง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คือระยะเบรกที่สั้นลงอย่างสังเกตได้ ทำให้การหยุดรถบนพื้นที่ลื่นแบบนี้หยุดได้สั้นและมั่นใจ ซึ่งนอกจากสมรรถนะของตัวรถที่ดีเป็นทุนเดิมแล้วทักษะในการขับขี่ของผู้ขับก็นับเป็นอีกเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

BMW

BMW

หลังจากการขับวอร์มอัพกันเรียบร้อย ทางทีม instructor ก็นำขบวนพาเหล่า BMW X5 xDrive45e M Sport วนออกจากสนาม ไปยังพื้นที่ขับทดสอบในเส้นทางออฟโรด ซึ่งในวันที่ทีมงานได้ไปทดสอบนี้มีฝนตกลงมาตั้งแต่คืนก่อน บวกกับเมื่อเข้าพื้นที่ได้ไม่นานฝนก็เริ่มตกโปรยปรายลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ สภาพเส้นทางจึงเป็นอย่างที่เห็น มีหลุมมีบ่อในบางช่วง รวมไปถึงร่องนำและหลุมลึกขนาดใหญ่ การขับขี่จึงไม่ได้ใช้ความเร็วมากนักที่ระดับ 10 กม./ชม. 

BMW

BMW

และรถ BMW X5 xDrive45e M Sport นี้ที่มาพร้อมความสามารถในการปรับระดับช่วงล่างขึ้นลงรวมไปถึงการเพิ่มความสูงได้อีกราว 40 มม. ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับผ่านร่องหลุมลึก หากแต่ใครที่ใช้รถหรูๆ แบบนี้ อาจจะยากที่จะนำเอามาลุยๆ ในแบบออฟโรด ซึ่งสำหรับ BMW X5 นั้นเป็นอเนกประสงค์ SAV ที่เราอาจจะไม่แนะนำเอาไปลุยแบบโหดๆ เพียงแต่ว่ารถก็ยังสามารถที่จะขับผ่านไปบนเส้นทางท่องเที่ยวได้พร้อมกับครอบครัว โดยที่ทุกคนยังสามารถนั่งโดยสารกันได้แบบชิวๆ อาจจะมีอาการโยกเยกบ้างตามสภาพถนน แต่ช่วงล่างถุงลมก็ช่วยซัพแรงและมอบความนุ่มให้กับผู้โดยสารได้ดีในระดับหนึ่ง 

นอกจากนี้กล้องรอบคันและเซ็นเซอร์รอบตัวรถก็พร้อมใจกันทำงานได้อย่างดี ส่งเสียงเตือนพร้อมแสดงภาพจากกล้องรอบคันอัตโนมัติ โดยเน้นการแสดงผลไปที่กล้องฝั่งที่มีการตรวจจับเจอวัตถุใดๆ ที่เข้าใกล้ตัวรถ ซึ่งการขับขี่ในเส้นทางลักษณะนี้การที่เราสามารถมองเห็นรอบคันได้แบบ 360 องศา ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากในการควบคุมรถไปยังทิศทางที่ปลอดภัย สามารถหักหลบหินแหลมคมหรือร่องเบี่ยงเส้นทางที่ต้องอาศัยความแม่นยำในการขับผ่าน พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ติดตั้งมาด้วย

BMW

และก่อนที่จะจบช่วงของออฟโรดนี้ ก็ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังสถานีต่อไปกับการขับ BMW X5 xDrive45e M Sport แบบ Gymkhana (ยิมคาน่า) บนสภาพเส้นทางที่เป็นดินทรายบวกกับฝนที่ตกเทลงมาเพิ่มความลื่นให้กับเส้นทาง โดยการขับในสถานีนี้ทีมงานได้เปิดระบบตัวช่วยทั้งหมดของรถเอาไว้ รวมไปถึงระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ที่จะคอยช่วยไม่ให้รถหลุดการควบคุม ซึ่งในช่วงที่ต้องขับวนเป็นวงกลมบนสภาพเส้นทางที่ลื่นสิ่งที่รู้สึกได้เลยก็คือการกดคันเร่งแช่ไว้ตัวรถมีการตัดกำลังคล้ายกับการเร่งแล้วไม่ไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของรถเอาไว้ หากแต่ต้องการเพิ่มความเร็ว ก็เพียงการเหยียบคันเร่งแบบย้ำๆ เป็นจังหวะ พร้อมควบคุมพวงมาลัยไปตามเส้นทาง ที่ต้องบอกเลยว่ามีโอกาสไม่มากนักที่จะได้นำเอา BMW X5 มาซิ่งโคลนกระจายอย่างเร้าใจแบบนี้ ซึ่งตัวรถเองก็สามารถตอบสนองและมอบความสนุกสนานในการขับขี่ได้อย่างมาก

BMW

BMW

หลังซิ่งเก็บภาพสวยๆ กันเรียบร้อย ก็วนออกจากจุด Gymkhana (ยิมคาน่า) เพื่อกลับมายังสนามหลัก มีช่วงสั้นๆ ให้ได้ลองอัตราเร่งกับ BMW X5 xDrive45e M Sport เพียงการเติมคันเร่งไปราว 70% ตัวรถก็พุ่งทะยานออกแบบดึงหลังติดเบาะ ต้องขอบคุณเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร TwinPower Turbo พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า รวมกำลังแรงสุด 394 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่เปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไวตอบสนองการเหยียบคันเร่งได้ตามสั่ง ติดตั้งมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 24 kwh มากกว่า 330e เท่าตัว และแน่นอนว่าเมื่อมีการชาร์จแบตเต็ม ตัวรถสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลราว 70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่

BMW

การขับขี่ความมั่นใจแม้ในช่วงที่ฝนตกและพื้นที่เปียกนี้ ก็มอบความรู้สึกในการขับขี่ที่มีความมั่นคงและมั่นใจมากทีเดียว หากในครั้งหน้าที่มีโอกาสได้ลองขับทดสอบกันแบบเต็มๆ บวกกับการขับขี่ใช้งานจริงเดินทางออกต่างจังหวัดแล้ว เชื่อได้ว่า BMW X5 xDrive45e M Sport รุ่นนี้ น่าจะทำให้การขับขี่เดินทางไกลเป็นเรื่องที่สบายๆ และยังสนุกสนานได้เมื่อต้องการอีกด้วย กับราคาค่าตัว 4,999,000 บาท ที่มีแต่คุณเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่

หลังเสร็จภารกิจการขับทดสอบ BMW X5 ในแบบออฟโรดนิดๆ กันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพโดยในช่วงขากลับนี้เอง ทีมงานก็ได้เปลี่ยนมาขับ BMW 330e M Sport นับเป็นครั้งแรกที่ได้ลองขับกันบนถนน ซึ่งอาจจะยังไม่ได้ลองรีดสมรรถนะของรถออกมาเท่าใดมากนัก เนื่องจากมีฝนตกลงมาตลอดเส้นทาง ความรู้สึกแรกกับการขับรู้สึกได้ว่ารถมีความเฟิร์มและแน่น บวกกับช่วงล่างแบบ Adaptive M ที่เมื่อปรับในโหมด Sport แล้วยิ่งมีความแข็งมากขึ้น ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับได้อย่างมาก หากแต่การขับขี่บนถนนในเมืองทั่วไปที่ต้องเจอกับรอยต่อถนน คอสะพานต่างๆ รวมไปถึงพื้นผิวการจราจรที่ไม่เรียบแล้ว แนะนำว่าให้ขับขี่ในโหมดปกติ หรือโหมด Adaptive ที่จะมีความนุ่มเข้ามา แต่ยังมีอาการแข็งนิดๆ ตามสไตล์ BMW เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ด้วยความเร็ว

BMW

นอกจากนี้ใน BMW 330e M Sport ยังมีระบบ XtraBoost ที่จะเพิ่มพละกำลังในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงการเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นให้ระบบทำงาน พร้อมกับปล่อยพลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 10 วินาที เรียกได้ว่าพร้อมพาตัวคุณให้หลังติดเบาะพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างเร้าใจ หลายจังหวะที่ทีมงานได้ลองอัตราเร่งจากความเร็ว 90 กม./ชม. ไปที่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. นั้น ใช้เวลาเพียงแวบเดียว ก่อนที่จะมองไปที่ตัวเลขบอกความเร็วตัวเลขก็แอบเกินไปแล้ว นับเป็นรถที่ยากจะปฎิเสธได้ว่าเมื่อคุณได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยแล้ว คุณจะไม่ลองที่จะกดคันเร่งเรียกพละกำลังอันมหาศาลและปลดปล่อยมันออกมา

เมื่อมาดูกันที่สเปคของตัวรถ BMW 330e M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากสุด 292 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร ติดตั้งมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Gen 4 รุ่นใหม่ ที่มีขนาดความจุ 12 kWh มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ F30 รุ่นก่อนหน้า สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลราว 60 กิโลเมตร ซึ่งน่าเสียดายที่ในการขับวันนี้เราไม่ได้ทดสอบกันเนื่องจากแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ

BMW

แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานและการขับทดสอบที่อาจยังไม่ครอบคลุมในหลายๆ ด้าน แต่ก็พอทำให้ทีมงานได้รับรู้ว่า BMW 330e M Sport ให้ความสนุกสนานในการขับขี่กับอัตราเร่งได้อย่างมาก ช่วงล่างที่เน้นตอบโจทย์การขับขี่จึงค่อนข้างที่จะแข็งและเฟิร์มมากกว่าที่จะนุ่มนวล เพื่อสนองตอบกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเร้าใจและมั่นใจได้ในการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะสูง รวมไปถึงออพชั่นต่างๆ ที่ถูกติดตั้งเข้ามาให้ในรุ่นประกอบในประเทศนี้ ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มมากกว่าเคย รวมไปถึงระบบ Parking Assistant Plus ระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ พร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิว ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive ที่ในปัจจุบันมีติดตั้งอยู่ในรถ BMW แล้ว ทั้งหมดนี้ก็น่าจะทำให้ BMW 330e M Sport เป็นที่ดึงดูดใจแฟนๆ BMW และใครที่รักในการขับรถ

BMW

อ่านรายละเอียด BMW 330e M Sport เพิ่มเติม ได้ที่นี่ https://www.autodeft.com/newcar/bmw-3-series-sedan-new-gen-ckd-verision-revealed-official-thailand

ทั้งหมดนี้กับกิจกรรม BMW Driving Experience 2020 ที่ทีมงานได้มาสัมผัส BMW 218i Gran Coupe M Sport, BMW X5 xDrive45e M Sport และ BMW 330e M Sport ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นตัวเองพร้อมกันในวันเดียว ซึ่งจากการได้ขับทดสอบแล้วนี้ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้สัมผัสได้ว่ารถแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์ในตัวเองอย่างไร ถูกคิดและพัฒนาขึ้นมาเพื่อเน้นตอบโจทย์การใช้งานให้กับลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งหากถามว่ารถรุ่นไหนดีที่สุด อาจจะต้องถามกลับไปว่าคุณจะตัดสินใจเลือกวื้อรถมาใช้งานสักคันแล้วนี้ คุณกำลังมองหาและต้องการรถที่จะมาตอบโจทย์ในเรื่องใด แล้วอย่าลืมที่จะไปสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวเองก็ที่จะเชื่อคำพูดของใคร...

BMW

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ