Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ช่วงล่างดี ขับขี่สบาย ใช้ไฟได้สะดวก

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 10 ก.พ. 64
  • 6,809 อ่าน

ถึงแม้นว่าปี 2563 จะเป็นปีที่พวกเราต้องพบความลำบากในการใช้ชีวิตทั้งนั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสตัวร้าย Covid-19 จนทุกอย่างต้องหยุดชะงักหมด รวมทั้งการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ด้วย ต่างก็ล่าช้า เลื่อนกันไปไม่รู้กี่รอบ และแน่นอนว่ากระทบไปถึงรถยนต์ใหม่ของค่ายตราเพชรอย่างมิตซูบิชิด้วย

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศสุดท้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่มีการเปิดตัวรถอเนกประสงค์ SUV ที่คนไทยถามหามาเนิ่นนานหลายปีแล้วกับ Mitsubishi Outlander โฉมที่ 3 ที่เริ่มเผยโฉมตั้งแต่ปี 2012 และเริ่มขายในหลายประเทศตั้งแต่ปี 2014 อัพเดทไป 2 รอบในปี 2015 กับ 2018 ก็ยังไม่เข้ามาขายในประเทศไทยสักที จนมีข่าวกับการเปลี่ยนโฉมใหม่เข้าสู่ Generation ที่ 4 ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เข้ามาขายในเมืองไทยเสียที และเป็นตัวล่าสุดที่เป็นแบบเสียบปลั๊กคือ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ทางมิตซูบิชิให้เหตุผลที่มาช้าก็คือ อยากให้นำมาผลิตในประเทศไทย ราคารถจะได้ไม่สูงมาก การผลิตในรูปแบบรถเสียบปลั๊กมันก็ไม่ง่าย เลยต้องมีการเตรียมการที่ใช้เวลามากพอสมควร เลยมาช้าไปหน่อย

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

หลังการเปิดตัวไปได้ไม่นาน พวกเราชาวผู้ทดสอบรถยนต์ก็เกือบจะได้รีวิวกันแบบยาว ๆ อยู่แล้ว (ช่วงแรกได้ขับแบบสั้น ๆ) แต่ดันมาเกิด Covid-19 ระบาดใหม่อีกรอบ เลยต้องเลื่อนกันไปก่อน สุดท้ายแล้ว รอบนี้ก็ได้ทำการรีวิวกันอีกรอบ แต่ถูกตัดระยะให้รวบมาเหลือเพียงวันเดียว เอาวะ ยังดีกว่าไม่ได้ลอง ผมในฐานะทีมงาน AUTODEFT ก็เลยจัดให้เพื่อทุกคนเช่นเดิม

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ก่อนเริ่มออกเดินทางเพื่อรีวิวรถ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ที่เป็นตัวท็อป ออพชั่นครบในครั้งนี้ เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าครับ ว่ารถยนต์ใหม่ 2021 คันนี้มีดีอะไรบ้าง โดยรถอเนกประสงค์ SUV คันนี้ เป็นรถไซส์ Compact Crossover SUV แบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด  2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน ตัวเครื่องยนต์สร้างพลังขับได้สูงสุด 128 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ตัวเครื่องยนต์ได้รับอนุญาติในการขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะรถคันนี้ยังมีมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนอีก 2 ตัว คือด้านหน้าที่มีขนาด 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตร และด้านหลังขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร และเมื่อกดคันเร่งให้ใช้พลังงานสูงสุด รถสามารถสร้างพละกำลังได้มากถึง 305 แรงม้า 531 นิวตันเมตร รับพลังงานมาจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง แน่นอนว่ารถคันนี้เป็นรถขับเคลื่อนแบบ AWD ทั้ง 4 ล้อ ควบคุมด้วยระบบ S-AWC หรือ Super All Wheel Control ที่ได้มาจาก Lancer Evolution อันเลื่องชื่อ เอาไว้ช่วยควบคุมรถให้ขับได้ดีและสนุกมากขึ้น ส่วนจะดีขนาดไหน ค่อยมาว่ากัน ส่วนเกียร์นั้น ไม่มี ใช้อัตราทดเดียวของมอเตอร์ไฟฟ้า หรือถ้ามีการเชื่อมต่อคลัทช์เพื่อส่งกำลังลงล้อ ก็มีอัตราทดเดียวเช่นกัน

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ตัวรถของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium นั้น เป็นรถอเนกประสงค์ที่ได้ความแข็งแกร่งถอดแบบออกมาจากรถ SUV อย่าง Mitsubishi Pajero ที่สร้างชื่ออย่างมากมายในอดีต โดยเฉพาะการที่เป็นรถแข่งแรลลี่ลุยทะเลทรายในการแข่งขันสุดโหดอย่าง Dakar มาแล้ว มีมิติตัวรถขนาด 1,800 x 4,695 x 1,710 มม. ฐานล้อกว้าง 2,670 มม. ระยะใต้ท้องรถ 190 มม. ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้เป็นแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ล้อที่ใส่มาเป็นขนาด 18 นิ้ว รัดมาด้วยยางขนาด 225/55 R18 ระบบห้ามล้อเป็นแบบดิสก์เบรกหมดทั้ง 4 ล้อ ตัวพวงมาลัยนั้นผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า ปรับได้แบบ 4 ทิศทาง

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ภายนอกของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium แน่นอนว่าด้านหน้ายังคงใช้การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายตราเพชรก็คือ Advanced Dynamic Shield เพื่อให้ดูตัวรถมีความกว้างและแข็งแรง บึกบึน ใช้ไฟหน้าแบบโคมคู่ LED Twin Projector ที่มีระบบสามารถปรับระดับสูง - ต่ำให้เองอัตโนมัติ และเปิด-ปิดได้อัตโนมัติ มีแถบไฟ LED Daytime Running Lights เป็นเส้นของด้านล่างเพิ่มความชัดเจนในการขับขี่ช่วงกลางวัน มีระบบฉีดน้ำใส่ไฟหน้าเพื่อทำความสะอาด มีไฟตัดหมอกแบบ LED สีขาวติดอยุ่ด้านล่างภายใต้ขอบสีครีม มีการใช้กรอบโครเมียมแทรกไปตรงจุดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความหรูหรา ด้านไฟท้ายแบบ LED นั้น ไม่ได้เอาทรงไม้เท้ามาจาก Pajero Sport หรือทรงตัว L ของ Xpander มา แต่เป็นการใช้ทรงที่แตกต่างไปจากรถอเนกประสงค์ภายในค่ายตัวเองเลย แต่ภาพโดยรวมแล้วก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากมาย ส่วนประตูท้ายนั้นใช้เป็นแบบไฟฟ้า สะดวกดี มือจับประตูเป็นแบบโครเมี่ยม กระจกมองข้างพับไฟฟ้า สีเดียวกับตัวรถ พร้อมฝังไฟเลี้ยวเพื่อความชัดเจนแถมด้วยระบบไล่ฝ้าอีกต่างหาก มีราวหลังคามาให้ด้วย เผื่อจะเอาไปติดแท่นวางของเพิ่มภายหลัง

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ภายในของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium เน้นใช้สีดำเป็นหลัก ทั้งเบาะหนังผสมหนังสังเคราะห์สีดำ เพิ่มความหรูด้วยการเดินด้ายให้เบาะเป็นลาย Diamond Quilting มีการเดินเส้นสีขาวตัดขอบเล็กน้อย คอนโซลหน้าก็เน้นสีดำเป็นหลัก จะมีแทรกบางจุดให้เป็นลายเคฟล่าบ้างบางที่ เพื่อเพิ่มความหรูหราหมาเห่าเข้าไป (ทำไมต้องหมาเห่า) หน้าปัดข้อมูลรถยังคงใช้เป็นแบบเข็ม โดยด้านซ้ายเป็นเข็มเอาไว้บอกสถานะการทำงานของตัวรถว่าอยู่ในโหมดไหน กับด้านขวาที่เป็นเข็มบอกความเร็ว ตรงกลางเป็นหน้าจอดิจิตอลบอกข้อมูลอื่น ๆ เช่น Trip A-B แบตเตอรี่คงเหลือ, ระดับน้ำมันคงเหลือ, โหมดการขับขี่ เป็นต้น ตัวพวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนัง ทรงเดียวกันกับบน Pajero Sport มีปุ่มควบคุม Multi-Switch เอาไว้ให้กดมากมาย มีแป้น Paddle Shift ที่ไม่ได้เอาไว้ให้เปลี่ยนเกียร์ แต่มีไว้ให้แค่ใช้ปรับระดับความหน่วง เพื่อเพิ่มการชาร์จไฟกลับ มีให้เลือกได้ 6 ระดับคือ 0-5 ซึ่งถ้าเราใช้ระดับ 5 ทุกครั้งที่ปล่อยคันเร่ง จะมีการหน่วงสูงสุด แล้วไฟเบรกจะติดขึ้นมาประดุจเราแตะแป้นเบรกเลียเอาไว้ ให้รถค่อย ๆ ลดความเร็วลวอย่างช้า ๆ อ่านดูแล้วอาจจะนึกไปถึงระบบ One Paddle ที่อยู่บน Nissan Kicks e-POWER เลย (เอ่ยได้ ค่ายเครือเดียวกัน) เพียงแต่ว่าบนคันนี้จะไม่ทำงานจนเป็นเบรกจนหยุดนั่นเอง เราต้องกดเบรกด้วยเท้าตัวเองอยู่ดี 

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

หน้าจอกลางของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium เป็นระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง เชื่อมต่อได้ทั้งสาย USB และระบบไร้สาย Bluetooth ตัวระบบปรับอากาศใช้แบบอัตโนมัติแยกโซน ด้านหลังมีช่องแอร์ตรงกลางที่ตรงกล่องใส่ของ แต่ไม่สามารถบังคับอะไรได้ ใต้แผงบังคับแอร์มีทั้งช่องจ่ายไฟแบบ 12V., ปุ่มเปิด-ปิดการทำงานของฝาประตูท้าย, ช่อง USB, ปุ่มปิดการเตือนมุมบอดด้านข้าง, ปุ่มเปิดการทำงานของช่องจ่ายไฟฟ้า 1,500 วัตต์ และปุ่ม Eco Mode เพื่อการขับขี่แบบประหยัด ส่วนแทนเกียร์ที่ไม่ใช่คันเกียร์ แต่มิตซูบิชิเรียกว่า Joystick (แท่งหรรษา #ล้อเล่นนะ ) รูปแบบการใช้งานก็คล้ายกับรถไฟฟ้าเลย มีปุ่มให้เราเลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้งโหมด EV ที่วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน เครื่องยนต์ไม่ติด, โหมด Save เอาไว้ขับขี่ด้วยความประหยัดสูงสุด, โหมด Charge เน้นการปั่นไฟฟ้ากลับไปเก็บในแบตเตอรี่ และโหมด Sport เอาไว้ซิ่งให้เต็มที่ มีปุ่มเลือกระบบการขับเคลื่อน ให้เป็นแบบ Normal กับเส้นทางทั่วไป, Snow กับทางลื่น ทางกรวด, Lock กับการล็อกล้อให้หมุนด้วยกำลังแบบ 50:50 สำหรับเส้นทางขรุขระที่ต้องการกำลังจากแรงบิดสูงสุด และโหมด Sport ที่ใช้เมื่อต้องการความฉับไว ตอบสนองต่อคำสั่งของคันเร่งอย่างรวดเร็ว มีเบรกมือที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

เบาะแถว 2 ของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ก็เป็นการหุ้มด้วยหนัง เดินเส้นเป็นลาย Diamond Quilting เฉกเช่นเดียวกับแถวหน้า พับเบาะได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่การบรรทุก ตรงกลางที่เป็นกล่องเก็บของ นอกจากมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังแล้ว ยังมีช่องจ่ายไฟทั้งแบบ USB และปลั๊กไฟบ้าน ที่สามารถจ่ายไฟได้มากสุด 1,500 วัตต์อีกด้วย เรียกกได้ว่า นั่งรถไป รีดผ้าไปก็ทำได้ และที่ด้านท้ายในส่วนเก็บสัมภาระ ก็มีปปลั๊กเสียบ 1,500 วัตต์มาเพิ่มให้อีกจุดด้วยเช่นกัน

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ใส่ระบบความปลอดภัยของทางมิตซูบิชิที่เรียกว่า Advance Safety System มาด้วย มีทั้ง

  • ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ADAPTIVE CRUISE CONTROL (ACC)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FORWARD COLLISION MITIGATION SYSTEM (FCM)
  • ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุ่นแรงและรวดเร็ว ULTRASONIC MISACCELERATION MITIGATION SYSTEM (UMS)
  • ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ AUTO HIGH BEAM (AHB)
  • ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน BLIND SPOT WARNING WITH LANE CHANGE ASSIST (BSW WITH LCA)
  • ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด REAR CROSS TRAFFIC ALERT (RCTA)
  • กล้องมองภาพรอบคัน MULTI AROUND MONITOR

นอกจากนี้ ก็ยังมีระบบความปลอดภัยอื่น ๆ อีกด้วย ทั้ง

  • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง​
  • ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS)​
  • ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
  • ​ระบบเสริมแรงเบรก (BA)​
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)​
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ​

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ข้อมูลเบื้องต้นของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium น่าจะครบถ้วนแล้ว เรามาเริ่มออกเดินทางเพื่อรีวิวกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นต้องมาเริ่มทำความเข้าใจกันก่อนว่า รถอเนกประสงค์ SUV คันนี้ นอกจากจะได้ความแข็งแกร่งของ Pajero, ได้ระบบขับขี่ S-AWC มาจาก Lancer Evolution แล้ว ยังได้ระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาจาก MiEV Evolution III รถแข่งพลังงานไฟฟ้าด้วย รวมทั้งต้องไม่ลืมว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ทำการจำหน่ายต่อบุคคลทั่วไปอย่างเป็นทางการ ก็คือ Mitsubishi i-MiEV นั่นเอง ซึ่งขายมาตั้งแต่ปี 2009 แต่ต้องเข้าใจว่าในช่วงนั้นความนิยมในด้านรถไฟฟ้ายังน้อย เลยทำให้มียอดขายรวมประมาณ 50,000 คันเท่านั้น แล้วก้พับโครงการรถไฟฟ้าไป รอบนี้เลยกลับมาเป็นรถเสียบปลั๊กแบบ Plug-in Hybrid หรือ PHEV แทน โดยตัวรถนั้น สามารถวิ่งได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว, Series Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟอย่างเดียว แล้วขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, Parallel Hybrid ใช้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ส่วนระบบที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อย่างเดียวนั้นไม่มี เพราะสุดท้ายแล้วก็จะมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยอยู่ดี ซึ่งถ้าดูตามสเปกแล้ว รถ PHEV คันนี้จะวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเดียวแบบเครื่องยนต์ไม่ติดได้สูงสุด 55 กิโลเมตร

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ก่อนออกเดินทางในรูปแบบ Group Test ครั้งนี้ของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ทางมิตซูบิชิอยากจะอวดจุดเด่นที่ไม่มีในตลาดเลย ก็คือปลั๊กไฟฟ้าแบบไฟบ้าน ที่สามารถปล่อยไฟได้สูงสุดถึง 1,500 กิโลวัตต์ ใครนึกไม่ออกว่า กำลังไฟขนาดนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง ตัวอย่างเช่น เตารีดแบบไม่ใช่ไอน้ำ กินกำลังไฟราว 1,000 - 1,300 วัตต์, เครื่องดูดฝุ่นตัวเล็กประมาณ 1,000 - 1,500 วัตต์, เครื่องปิ้งขนมปัง 600-1,000 วัตต์ พวกนี้สามารถเสียบปลั๊กบนรถแล้วใช้งานได้เลย ดังนั้นเราก็เลยมาลองเสียบปลั๊กเตาไฟฟ้า ปิ้งหมูกระทะกินยามเช้าซะเลย ซึ่งมันก็ใช้งานได้จริงนะ ร้อนเร็วเหมือนเสียบกับไฟบ้านทั่วไป ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเราออกไปแคมป์ปิ้งตามป่าเขาที่ไร้ปลั๊กไฟ เราก็เตรียมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น หลอดไฟ, พัดลม, โทรทัศน์, เครื่องเล่น DVD, เครื่องเล่นเกม Play Station 5 ติดเอาไปด้วย แล้วเสียบปลั๊กไฟใช้งานได้เลย มันจะสะดวกขนาดไหน (ส่วนทำกับข้าว ใช้เตาแก๊สพกพาหรือเตาถ่านเถอะ สะดวกกว่า) เท่านั้นยังไม่พอ ตัวรถยังสามารถเปิดแอร์นอนได้อีกด้วย ซึ่งถ้าเรามีไฟในรถเต็มเปี่ยม 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เราจะเปิดแอร์นอนได้ราว 8-10 ชั่วโมงเลยนะ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเปิดได้สัก 4-5 ชั่วโมงก็ฟินแล้ว ส่วนการคำนวนเพื่อใช้ไฟฟ้านั้น ตัวรถจะยอมให้ใช้ไฟฟ้าได้เพียง 10 กิโลวัตต์ชั่วโมงเท่านั้น เพราะต้องเอาส่วนที่เหลือเก็บไว้หล่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อนและติดเครื่องยนต์ด้วย ถ้าเราใช้เกินปั๊บ เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเองเพื่อปั่นไฟให้เราใช้อีก โดยจากการทดสอบในห้องแล็บที่มิตซูบิชิแจ้งเป็นข้อมูลไว้ ตัวเครื่องยนต์สามารถปั่นไฟจากกำลังไฟหมดจนถึงเต็ม 90% จะใช้น้ำมันที่ราว 3.8 ลิตรเท่านั้นเอง

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

กินอิ่มแล้ว ก็เริ่มมาออกเดินทางกันเลยดีกว่า ภาพแรกที่เข้าไปนั่ง Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ก็ทำให้นึกถึงการขับ Pajero Sport ในทันที เพราะการออกแบบใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะพวงมาลัยที่ถอดกันออกมาเลย ตัวเบาะก็นั่งได้สบาย ห้องโดยสารไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้เล็กเกินไป ไม่อึดอัดเวลาขับ มุมมองก็กว้างขวางดี ไม่ได้มีจุดไหนที่โดนบังจนดูอะไรไม่ได้ การวางปุ่มบนคอนโซลกลางก็วางไว้แบบกดได้ไม่ยาก และมีให้กดเฉพาะเท่าที่จำเป็น ที่เหลือก็ไปสั่งในหน้าจอ Infotainment เอา สัมผัสในส่วนที่เป็นประตูกับคอนโซลหน้า ก็มีส่วนที่เป็น Soft Touch อยู่เยอะ สบายมือดี มีกล่องกลางเอาไว้ให้เท้าแขนซ้ายได้ สบายเลย

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ช่วงแรกในการทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium เราเริ่มด้วยการเดินทางภายในเมืองด้วยโหมด EV กันก่อน ซึ่งจุดหมายแรกจะมีระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร จากแถบทะเลสาปเมืองทองธานี ไปยังแถวถนนอุทยาน ไฟเกือบเต็ม เพราะมีการดึงไฟไปเสียบเตาหมูกระทะเล็กน้อย ถึงตรงนี้เกิดเจอความไม่ถูกใจอย่างแรกเข้าแล้ว เพราะตัวสเกลที่บอกพลังงานไฟฟ้าคงเหลือ ดันเป็นเพียงขีด ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีบ่งบอกเอาไว้เป็นเปอร์เซ็นต์ ทำเอารู้สึกขัดใจขึ้นมาทันที เพราะเราเองก็อยากรู้ว่ามันเหลือกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีบอกว่าเหลือวิ่งได้กี่กิโลเมตรก็ตาม แต่ถ้าใส่มาด้วย ก็คงดีไม่น้อยนะครับ

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

เมื่อเริ่มออกตัว ก็ลองแตะคันเร่งไปเบา ๆ ตัวรถ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ก็วิ่งออกไปได้แบบปกติ แน่นอนว่ามันวิ่งด้วยโหมด EV ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มันก็จะได้แรงหมุนของล้อช่วงแรกที่ดีกว่าเครื่องยนต์ปกติ แต่อย่างเพิ่งเอาตัวเลข 305 แรงม้ามาหลอกตาคุณนะครับ เพราะเวลาวิ่งโหมดนี้จะวิ่งด้วยมอเตอร์กำลัง 82 แรงม้าจากด้านหน้า + 95 แรงม้าจากด้านหลังเท่านั้น มันก็คล้ายกับการขับรถขนาด 177 แรงม้า ที่ต้องแบกน้ำหนักรถประมาณเกือบ 2 ตัน (บวกน้ำหนักผมกับสัมภาระไปก็เกิน 2 ตัน) มันก็จะออกตัวได้ดีประมาณหนึ่ง แต่ไม่ได้อารมณ์ของการกระชากแบบรถไฟฟ้า มันจะไหลออกตัวไปแบบผู้ดี ด้วยช่วงแรกที่เราต้องลองประคองให้วิ่งไปถึงปลายทางด้วยไฟฟ้าให้ได้ ก็เลยยังไม่ได้ลองอะไรมาก ขับไปตามสไตล์ขับในชีวิตประจำวัน ค่อย ๆ ไหล ค่อย ๆ กดให้วิ่งไปตามทาง ไม่รีบร้อนอะไร

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

อารมณ์แรกที่ได้ขับขี่ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium เพื่อทำการรีวิวมาระยะหนึ่ง สิ่งที่โดนใจมากคือช่วงล่างที่นุ่มสบายจริง ๆ มันนุ่มแบบไม่ย้วย เข้าตามโค้งในความเร็วปกติก็ไม่เหวี่ยง ขับง่าย เปลี่ยนเลนกระทันหันในความเร็วปานกลางก็ควบคุมได้ง่าย พวงมาลัยคือความดีงาม คม และให้น้ำหนักที่กำลังดี ขับง่ายมาก เดินทางในช่วงเมือง แบบสบาย รถไม่มีเสียงดัง เพราะวิ่งด้วยไฟฟ้าอยู่ สรุปแล้วเดินทางถึงปลายทาง 43 กิโลเมตร ยังเหลือให้วิ่งได้อีก 2 กิโลเมตร (อย่าลืมว่ามีเสียบปลั๊กไฟปิ้งหมูกระทะไปอีก 30 นาที) สรุปแล้วระยะทางอาจจะไม่ถึงที่เคลมเอาไว้คือ 55 กิโลเมตร แต่ได้เท่านี้ก็ถือว่าดีแล้วครับ (ลืมบอกว่า ช่วงนี้ผมเปิดระดับการหน่วงเอาไว้ที่ 4 ไม่อยากเปิด 5 เพราะไม่อยากให้ไฟเบรกติดตอนถอนคันเร่ง กลัวรถข้างหลังรำคาญ ก็คงได้ไฟกลับมาบ้างเล็กน้อย)

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ช่วงถัดมา เราจะเดินทางไปแถวพระราม 3 กับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ด้วยโหมด Normal บ้าง โหมดนี้ตัวรถจะทำการสลับกันระหว่างระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์เอาเอง การเดินทางรอบนี้ส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในเมืองเช่นเคย แต่จะมีแรงเพิ่มในการเหยียบคันเร่งมากขึ้น เพื่อดูอัตราการตอบสนองของรถว่าดีขนาดไหน จากที่ขับดูแล้วเหลือบมอง Monitor บนหน้าจอที่แสดงผลการใช้พลังงานอยู่ จะเห็นเลยว่า เครื่องยนต์จะติดบ่อยในช่วงนี้ แต่จะติดขึ้นมาเพื่อทำการปั่นไฟเท่านั้น มีเพียงแค่บางจังหวะที่กดคันเร่งแบบเร็วและลึก ก็จะมีการส่งพลังจากเครื่องยนต์ลงที่ล้อหน้าเป็นครั้งคราว รถก็จะวิ่งได้มีกำลังมากขึ้น แต่มันจะมาในช่วงที่รถลอยตัวแล้วนะ ช่วงออกตัวเราจะเห็นแค่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานพารถวิ่งเท่านั้นเอง เห็นการทำงานช่วงนี้แล้วบอกได้เลยว่า รถจะทำงานในรูปแบบ Series Hybrid เป็นหลัก (ใครไม่เข้าใจ ระบบนี้ก็คือระบบ e-POWER ของนิสสันนั่นเอง) ไม่ค่อยได้ทำงานในระบบ Parallel Hybrid สักเท่าไหร่ ซึ่งทางทีมงานของมิตซูบิชิบอกว่า การขับเคลื่อนด้วยระบบนี้ จะช่วยให้เราใช้น้ำมันได้น้อยลง เพราะไม่ต้องส่งพลังแบบแรงบิดเยอะไปช่วยหมุนล้อ ทำแค่ปั่นไฟฟ้าอย่างเดียวจะมีการใช้น้ำมันน้อยลง ช่วยประหยัดได้มากขึ้น

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ช่วงที่ 3 กับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ในรอบนี้ เราต้องมุ่งหน้าไปถนนรังสิต-นครนายก แล้วแวะตรงจุดหมายแถวคลอง 3 โดยใช้เส้นทางบนทางด่วน ออกไปต่อที่วงแหวนรอบนอก โดยช่วงนี้เราจะกดโหมด Charge เพื่อให้รถปั่นไฟกลับไปเก็บที่แบตเตอรี่ให้มากที่สุด เพื่อที่จะต้องเอาไปใช้ในช่วง Off-Road ในสถานีสุดท้าย ช่วงนี้เรามีโอกาสได้ทดสอบความเร็วกันเล็กน้อย โดยช่วงที่รถเริ่มปั่นไฟได้เกินกว่า 50% แล้ว ผมลองกดเต็มเท้าเพื่อลองอัตราเร่งช่วงลอยตัว เริ่มจากความเร็ว 80 กม./ชม. กดไล่ยาวไปจบที่ 170 กม./ชม. นี่คือช่วงที่รถได้แสดงพละกำลังทั้งหมดได้อย่างดี เพราะมันเร่งได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ขึ้นได้เร็วเกินคาด ช่วงกดจะเห็นได้เลยว่าทุกสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ต่างก็ยัดลงล้อทั้งหมด ไฟวิ่งไปเก็บที่แบตเตอรี่แทบไม่มี นี่คือช่วงที่แรงทั้งมหด 305 แรงม้า มาถ่ายทอดได้ก็ช่วงเวลาแบบนี้นั่นเอง

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ขับไปขับมา แบตเตอรี่บน Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ก็มาถึงจุดที่เกือบเต็ม แล้วเราก็เห็นว่าหน้าจอบอกว่าเราสามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าได้อีก 43 กิโลเมตร แล้วก็ไม่วิ่งขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว ช่วงจบงานที่มี Q&A เลยลองสอบถามกับทางทีมงานมิตซูบิชิดูว่า ทำไมมันไม่วิ่งขึ้นไปมากกว่านี้ ได้คำตอบมาว่า มันจะตัดไม่ให้ชาร์จเพิ่มไปมากกว่านี้ได้ เพื่อป้องกันการเสื่อมของแบตเตอรี่ มีวิธีเดียวที่ทำให้แบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ คือการชาร์จช้าแบบ AC เท่านั้น ถ้าใช้ชาร์จเร็วหรือชาร์จจากเครื่องยนต์ จะชาร์จได้มากสุดที่ 90% เท่านั้น เพื่อให้แบตเตอรี่อยู่กับเราให้นานที่สุดนั่นเอง

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

เมื่อแบตเตอรี่อยู่ในจุดที่ไม่สามารถไปได้มากกว่านี้แล้ว เรามาลองดูกันหน่อยว่า แล้วถ้าวิ่งด้วยโหมด EV Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium จะวิ่งได้เร็วสุดที่เท่าไหร่ ก่อนที่จะมีเครื่องยนต์เข้ามาช่วยเสริมกำลัง จากที่ลองกดไล่ดูแบบให้ขึ้นไปเรื่อย ๆ ผมลองไปจนถึงช่วงประมาณ 140 กม./ชม. เครื่องยนต์ก็ยังไม่ติดนะ ซึ่งจากการสอบถามมา ปกติแล้วจะวิ่งได้ที่ประมาณ 135 กม./ชม. แล้วเครื่องยนต์จะติดขึ้นมาช่วยทำงาน แต่ผมทำได้เกินไปเล็กน้อย ก็ถือว่าทำได้ดีเลยนะ เพราะถ้าถามผม วิ่งได้ถึง 120 กม./ชม. ก็เกินพอแล้ว แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือตัวระยะทางที่วิ่งได้นี่ร่วงทันตาเห็น เอาเป็นว่าถ้าอยากวิ่งได้ไกล ก็วิ่งในความเร็วปกติทั่วไปแหล่ะ เวิร์คสุดแล้ว

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ช่วงวิ่งทางไกล สิ่งที่เจออีกอย่างก็คือ ช่วงล่างของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium นั้นนิ่งมาก ขนาดวิ่งเร็วสุดระดับ 170 กม./ชม. ยังไม่รู้สึกถึงความปลิวเลย แต่สิ่งที่แปลกคือ ความเร็วระดับ 110-130 กม./ชม. ดันกลับมีเสียงลมลอดเข้ามาข้างหูแถวร่องกระจกหน้าต่าง มันไม่ได้ดังมาก แต่มันน่ารำคาญ ที่แปลกคือพอพ้นช่วงนี้ไป เสียงลมดันหายไป เลยสงสัยว่าลมมันคงถูกรีดออกไปทิศทางอื่นมั้ง มันเลยทำให้เสียงหายไป

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

หลังจากผ่านช่วงชาร์จไฟให้ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium จนเกือบเต็มแล้ว เราก็มาถึงบททดสอบสุดท้ายกับการขับแบบ Off-Road แบบเล็ก ๆ กันเสียหน่อย โดยรอบนี้การขับขี่จะคล้ายกับการทดสอบรอบก่อนแบบสั้น ๆ บนถนนปูนคอนกรีตราดน้ำยาล้างจาน (หาดูได้ที่ YouTube ของ AUTODEFT) ก็คือมีการทดสอบอัตราเร่ง, การเข้าโค้ง, การวนวงกลม เพื่อที่จะดูระบบการขับขี่ Super All Wheel Control ว่ามันดีและเจ๋งขนาดไหน แต่รอบนี้จะขึ้นไปวิ่งบนทางกรวดแทน และเป็นกรวดลูกเล็ก ก็ยิ่งลื่นขึ้นไปอีก โดยเราจะทดสอบกันรวม 3 รอบ โดยรอบแรกเราจะเริ่มกันที่โหมด Normal กันก่อน สถานีแรกกับการทดสอบอัตราเร่ง เมื่อกดลงไปแล้ว คือมันพุ่งครับ แต่พุ่งแบบไม่ใช่ 305 แรงม้า ไม่พุ่งแบบหลังติดเบาะเท่าไหร่ อันนี้อย่างที่อธิบายไปแล้วว่า ยังไงช่วงออกตัว รถจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาก่อน แล้วตัวพลังงานจากเครื่องยนต์จะมาเชื่อมต่อกับล้อหลังจากที่รถเคลื่อนตัวไปแล้ว ทำให้เราจะออกตัวได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่มันจะพุ่งเร็วขึ้นเมื่อรถเริ่มถึงแถว 60 กม./ชม.ขึ้นไป เดาเอาว่าถ้าเทส 0-100 น่าจะเกิน 10 วินาทีแต่ถ้าเทส 80-120 น่าจะดีไม่แพ้ใคร จากนั้นก็สาดเบา ๆ เข้าโค้ง รถควบคุมง่ายมาก ไม่มีอาการหลุด ท้ายไหลให้เห็นเลย อานิสงค์ของระบบ S-AWC จริง ๆ ที่การควบคุมของทั้ง 4 ล้อนั้นจะอิสระต่อกัน มันจะหมุนด้วยความเร็วที่ต่างกันได้ด้วยการจับของเบรกด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้รถสามารถทรงตัวอยู่ในเส้นทางได้อย่างปลอดภัย ขนาดทางที่เป็นกรวด รถสามารถไหลได้ง่ายกว่าถนนแบบอื่น รถยังวิ่งอยู่ในทางได้อย่างที่ประดุจเรามีฝีมือขั้นเทพเลย และเมื่อเข้าสู่โค้งวงกลม รถก็เกาะอยู่กับวงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ขยับมารอบที่ 2 ของการลุย Off-Road บน Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ที่รอบนี้จะเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ที่จะมีการตอบสนองของคันเร่งที่เร็วขึ้น อัตราเร่งช่วงแรกผมว่าไม่ได้ต่างเยอะจนเห็นได้ชัด ยังสุภาพช่วงออกตัวเหมือนกัน เพียงแค่การตอบสนองของคันเร่งมันดีกว่าเดิมเท่านั้นเอง ส่วนการขับขี่ การเกาะถนน ยังคงดีเช่นเคย จนถึงรอบสุดท้าย เรามาลองในโหมด Lock ดูบ้าง โดยโหมดนี้ล้อจะทำการถ่ายกำลังลงล้อที่ 50:50 เพื่อให้ส่งกำลังสู่ล้อได้มากที่สุด ออกตัวก็เหมือนเดิม แต่ความสนุกมาเริ่มเมื่อเข้าโค้งแรกนี่แหล่ะ เพราะท้ายมันปัดเมื่อผ่านครึ่งโค้ง แล้วก็ดึงกลับมาให้อยู่ในทาง พร้อมเสียงหัวเราะของ Instructor ที่นั่งไปด้วยว่า “สนุกไหมพี่” เออ สนุกสิคร้าบ ใส่โค้งต่อมาก็ยังปัดอีก ก่อนที่จะสาดเข้าสู่โค้งวงกลม นี่คือความมันเลย เพราะท้ายมันไหล แต่ไม่ไปไกลเกินกว่าควบคุม สนุกเมามันกับการขับมาก แต่เสียดายที่หมดรอบเสียก่อน (อยากกระจองอแงเล่นอีกรอบ) สุดท้ายแล้วโหมดนี้คือขับสนุกสุด แต่มันก็เสี่ยงมากที่สุดเช่นกัน อยากให้ทุกคนได้ลองแบบนี้บ้าง แต่คงต้องซื้อแล้วไปลองกันเองนะ ฮ่า

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

จบทริป 1 วันของการรีวิวรถ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium พอจะสรุปใจความได้ดังนี้

ชอบ

  • ช่วงล่างคือความดีงาม นุ่ม หนึบ ขับสบาย
  • พวงมาลัยน้ำหนักดี มีความคมสูง
  • ระบบการจัดการไฟฟ้าขณะขับขี่ที่ฉลาดจริง เน้นความประหยัดสูงสุด
  • ระบบ S-AWC ขั้นเทพ ทำงานดี ทำงานไว ไร้ข้อกังวล

ไม่ชอบ

  • เสียงลมที่ดังช่วง 110-130 กม./ชม ที่ขอบกระจกประตู
  • น่าจะมีบอกจำนวนเปอร์เซ็นต์แบตคงเหลือ โชว์บนหน้าจอหลักก็ได้เนอะ

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium

ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium กำลังจะกลายเป็นรถตกรุ่นไปเร็ว ๆ นี้ กับการมาของโฉมใหม่ในระดับโลก แต่ทางมิตซูบิชิเองก็ให้เหตุผลว่า ไม่ต้องห่วงกันไป เพราะรุ่นที่จะเปิดตัวใหม่เร็ว ๆ นี้จะมีเฉพาะรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างเดียว ยังไม่มีรุ่น PHEV และน่าจะไม่ออกมาในเร็ว ๆ นี้ด้วย อ่ะ ก็ว่ากันไป แต่ถ้าไม่คิดมากอะไร กับราคา 1,749,000 บาท ผมว่ามันก็คุ้มค่าอยู่นะ ถึงแม้ว่ามันออกจะดูสูงไปนิด แต่ถ้าได้มาทั้งระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสุดฉลาด, มีปลั๊กไฟที่ไม่มีรถคันไหนปล่อยไฟได้แรงขนาดนี้ (แบบออกจากโรงงาน), ระบบขับเคลื่อน S-AWC ที่ช่วยให้เราขับขี่ได้อย่างมั่นใจ, ลุยได้ประมาณหนึ่ง เท่านี้ก็คงคุ้มค่าแล้วครับถ้าคุณเอาไปใช้จริง แต่ถ้าซื้อไปแล้ววิ่งแต่ในเมืองอย่างเดียว คันนี้ก็คงไม่คุ้มค่ากับคุณแน่นอน เสียดายออพชั่นที่มีแต่คุณไม่ยอมใช้

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ